“เสธ.วีป” สอนมวย บทเรียนจาก “สายลม”

ASTVผู้จัดการรายวัน-กระเด็นตกรอบแรกตั้งแต่ประเดิมสังเวียน โอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ 2012 ที่ประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำหรับทัพมวยสากลสมัครเล่นไทย เมื่อ สายลม อาดี ขึ้นเวทีเป็นคนแรกรุ่น 60 กิโลกรัม ก่อนจะแพ้คะแนนดิบ กานี ซาอลาอูฟ จากคาซัคสถานหลังครบ 3 ยกเสมอกัน 12-12 หมัด ทว่าเมื่อพิจารณาผลการแข่งขันกับรูปมวยที่ออกมาต้องยอมรับว่าค้านสายตาชนิดที่ว่าผู้เป็นฝ่ายได้รับการชูมือก็ไม่อาจชื่นชมกับชัยชนะที่ได้มาอย่างเต็มภาคภูมิ

จากผลการแข่งขันที่น่ากังขา ทำให้มีหลายคนนึกถึงชื่อของ "เสธ.วีป" พลเอกทวีป จันทรโรจน์ อดีตนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ ที่เคยมีปัญหากับ สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ จนกระทั่งถูกสั่งพักงาน เพราะไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน ชิง กั๊วะ วู ประธาน ไอบา ซึ่งขาใหญ่ประจำวงการก็ให้เหตุผลว่ามีความผิดเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมพยายามให้ชาติสมาชิกสนับสนุนในการเลือกตั้ง แสดงให้เห็นว่าความบาดหมางยังเป็นแผลฝั่งลึกและเรื้อรังมานานจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะพลาดไปนานเกือบ 4 ปีแล้วก็ตาม

เสธ.วีป ได้เปิดเผยว่า "ผมไม่สามารถพูดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่ามีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นหรือไม่ในคู่ของ สายลม อาดี กับนักชกคาซัคสถาน ดูเหมือนครั้งที่ อำนาจ รื่นเริง พ่ายในรอบก่อนรองชนะเลิศให้ เซอร์ดัมบา ปูเรฟดอร์จ ของมองโกเลีย ที่ปักกิ่ง เกมส์ ดูค้านสายตามากกว่า อย่างไรก็ตาม ทุกคนต้องยอมรับว่ามวยสากลสมัครเล่นแม้ในโอลิมปิก ก็ยังเป็นการตัดสินด้วยสายตา คงต้องยอมรับในคำตัดสินของกรรมการ ซึ่งสิ่งที่ผมอยากให้ผู้ดูแลทีมมวยฯ ของเรา ณ ปัจจุบัน ต้องทำความเข้าใจว่าการเตรียมทีมก่อนแข่งสำคัญมาก ถ้าเราเตรียมพร้อม มวยของเราเก่งที่สุดในโลก อย่างเช่นครั้งที่ สมรักษ์ คำสิงห์ ได้เหรียญทอง แอตแลนตา เกมส์ เมื่อปี 1996 หรือ สมจิตร จงจอหอ ได้ทองที่ ปักกิ่ง เกมส์ เมื่อ 4 ปีก่อน ก็ตัดปัญหาเรื่องที่เราจะโดนใครโกงไปได้แน่นอน"

"ส่วนประเด็นที่มีใครตั้งข้อสังเกตว่าความบาดหมางที่เกิดขึ้นระหว่าง ชิง กั๊วะ วู ประธานสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบา) กับสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยในยุคของผมนั้นยังฝังลึกอยู่หรือไม่ การคว้าเหรียญทองของ สมจิตร และการได้เหรียญเงินของ มนัส บุญจำนงค์ ที่จีนเมื่อปี 2008 ถือเป็นคำตอบที่ชัดเจน ทั้งนี้มวยสากลสมัครเล่นทุกวันนี้ก็ไม่ได้ใสสะอาดทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ และก็ใช่ว่าหนึ่งบวกหนึ่งผลลัพธ์ต้องเป็นสองเสมอไป ดังนั้นผมอยากให้ผู้ใหญ่ของสมาคมมวยฯ ชุดนี้ต้องดูแลไม่ใช่แค่เรื่องบนเวทีอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องไปคุยเป็นการส่วนตัวกับ ชิง กั๊วะ วู ถึงโอกาสให้เราได้เหรียญทองอะไรหรอก แค่ปกป้องไม่ให้นักมวยเราโดนรังแกนอกสังเวียนก็พอ หลายคนคิดว่ามีการแบ่งเค้กแบ่งเหรียญรางวัลกันได้ บ้างก็คิดว่าเงินสามารถซื้อเหรียญทองโอลิมปิกได้ ซึ่งผมพูดได้เลยว่าถ้ามวยคุณไม่ว่าชาติใดไม่พร้อมไม่เก่งจริง เงินร้อยล้านพันล้านก็บันดาลเหรียญทองไม่ได้ ในทางกลับกันมันจะเป็นการประจานให้ชาวโลกเห็นด้วย ดังนั้นสุภาษิตที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จึงยังใช้ได้อยู่เสมอ" เสธ.วีป ที่ฝากผลงาน 1 เหรียญทองและ 1 เหรียญเงิน ปักกิ่ง เกมส์ 2008 กล่าว

โดยปัจจุบันตำแหน่งนายกสมาคมเสื้อกล้ามไทยเป็นของ "เสธ.อ้าย" พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ โดย "เสธ.วีป" ออกมาเผยว่า "สมัยผมเป็นนายกสมาคมมวยฯ ไม่ใช่แค่นั่งในตำแหน่งเท่านั้น มีความจำเป็นยิ่งที่ผมต้องเข้าไปคลุกคลีกับนายกสมาคมมวยฯ จากชาติสมาชิก รวมถึงเหล่ากรรมการซึ่งก็คนกันเองทั้งนั้น ใช่ว่าเราต้องไปล็อบบี้ใครก่อนการแข่งขัน แต่เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์เอาไว้ บารมีไม่ก่อเกิดขึ้นได้ภายใน 2-3 วัน ผมคร่ำวอดกับวงการมวยมากกว่า 20 ปี ทำทีมไปโอลิมปิก 4 สมัย สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติมาแล้วมากมาย เวลานักมวยขึ้นชก ผมจะไปเชียร์ถึงขอบเวที เชื่อว่ากรรมการหลายท่านต้องมีความเกรงอกเกรงใจกันบ้าง ที่สำคัญผู้นำต้องมีความรู้เกี่ยวกับมวยจริงๆ พร้อมเสียสละ การบริหารถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ก่อนนำคณะนักมวยไปแข่งโอลิมปิกทุกครั้ง ผมต้องพาทีมไปล่วงหน้ากว่า 2 สัปดาห์ ทุกครั้งผมจะมีทีมจิตวิทยาและทีมวิทยาศาสตร์การกีฬาไปด้วย เพื่อศึกษาวิเคราะห์คู่แข่ง ดูสไตล์การชกและสมรรถภาพคู่ต่อสู้ เพื่อนำไปประมวลส่งผลให้โค้ชได้ปรับแผนกับนักชกเรา ทุกอย่างต้องวางแผนล่วงหน้า ไม่ใช่ว่าก่อนมาลอนดอน นักมวยยังขลุกอยู่ที่ไทยรอวันบินไปแข่งไม่นาน ที่ต้องไปก่อนก็เพื่อลงนวม ศึกษาความพร้อมของคู่แข่งจากหลายๆ ชาติด้วย นอกเหนือจากการศึกษาฟอร์มการเล่นจากเทปการแข่งขัน ทั้งยังต้องให้นักมวยคุ้นกับสภาพของประเทศและสถานที่แข่งขัน"

สุดท้าย "เสธ.วีป" ยังอวยพรถึงนักชกอีก 2 คนที่เหลือคือ แก้ว พงษ์ประยูร รุ่น 49 กก.(ชกคืนวันที่ 31 กรกฎาคมนี้) กับ ฉัตรชัย บุตรดี รุ่น 52 กก.(ชกคืนวันที่ 30 กรกฎาคมนี้) ทิ้งท้ายว่า "อย่างไรก็ดีในฐานะคนไทยคนหนึ่งและเคยสัมผัสกับนักชกที่ปั้นมากับมือ ผมยังเชื่อว่า แก้ว และ ฉัตรชัย น่าจะพอมีหวังไปถึงรอบลึกๆ โดยเฉพาะ แก้ว อาจมีเหรียญติดมือกลับมา"