“บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ยอมรับทัพนักกีฬาไทยอาจคว้ามาได้เพียง 1 เหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2012 จากกีฬายกน้ำหนัก ขณะที่ เทควันโด และ ยิงเป้าบิน เชื่อว่า ลุ้นเป็นม้ามืดได้
มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ครั้งที่ 30 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เตรียมเปิดฉากระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึง 12 สิงหาคม ล่าสุด ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังกับเหรียญทองโอลิมปิกของทัพนักกีฬาไทย
โดย “บิ๊กอ๊อด” เผยว่า “ถ้าเราได้มาสัก 1 เหรียญทอง ก็น่าพอใจแล้ว โดยเหรียญทองที่คาดหวัง ผมคิดว่าน่าจะมาจากกีฬายกน้ำหนัก ประเภทหญิง ที่โอลิมปิกกำหนดให้ส่งได้ประเทศละ 5 รุ่น หากรุ่นไหนไม่มีจีนลงแข่ง เราก็มีลุ้นขึ้นมาทันที ส่วนม้ามืดที่อาจทำเหรียญทองให้ไทย ก็ยังมี เทควันโด และ ยิงเป้าบิน เพราะอย่าลืมว่าครั้งก่อน สุธิยา จิวเฉลิมมิตร คว้าอันดับ 4 มาครอง คราวนี้มีหวังไม่น้อยทีเดียว เพราะเด็กคนนี้ฝึกซ้อมแข็งขันอยู่ที่เยอรมนี”
“ขณะที่มวยสากลสมัครเล่น ผมมองโอกาสไว้ที่ 50-50 เพราะครั้งนี้เราได้โควตาแค่ 3 รุ่น จากประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมา มวยต้องเก่งในเรื่องการต่อยเอาใจกรรมการ การบริหารจัดการภายในสมาคม รวมถึงตัวนักมวยก็มีส่วน แต่ละครั้งที่ผ่านมา ก่อนไปต่อยโอลิมปิก 3 เดือน เราต้องไปเก็บตัวที่คิวบาสัก 2 เดือน แล้วค่อยเดินทางไปยังประเทศที่จะขึ้นสังเวียนก่อน 1 เดือน แต่ถึงวันนี้ขุนพลเสื้อกล้ามทั้ง 3 คน ยังปักหลักที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จึงไม่มั่นใจว่าจะฟิตพอมีแรงต่อยกับคู่แข่งได้มากน้อยขนาดไหน” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ค่อนข้างห่วงมวยสากลสมัครเล่นไทย
“ส่วนนักกีฬาที่ได้เหรียญทองลอนดอนเกมส์ จะได้รับเงินอัดฉีดเหรียญละ 10 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 5 ล้านบาท และเงินฝากธนาคารให้อีก 5 ล้านบาท นอกจากนี้ คณะกรรมการโอลิมปิกจะให้เงินเดือนสนับสนุนอีกเดือนละ 2 หมื่นบาท เป็นระยะเวลา 20 ปีอีกต่างหากด้วย” บิ๊กอ๊อด ทิ้งท้าย
มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ครั้งที่ 30 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เตรียมเปิดฉากระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึง 12 สิงหาคม ล่าสุด ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังกับเหรียญทองโอลิมปิกของทัพนักกีฬาไทย
โดย “บิ๊กอ๊อด” เผยว่า “ถ้าเราได้มาสัก 1 เหรียญทอง ก็น่าพอใจแล้ว โดยเหรียญทองที่คาดหวัง ผมคิดว่าน่าจะมาจากกีฬายกน้ำหนัก ประเภทหญิง ที่โอลิมปิกกำหนดให้ส่งได้ประเทศละ 5 รุ่น หากรุ่นไหนไม่มีจีนลงแข่ง เราก็มีลุ้นขึ้นมาทันที ส่วนม้ามืดที่อาจทำเหรียญทองให้ไทย ก็ยังมี เทควันโด และ ยิงเป้าบิน เพราะอย่าลืมว่าครั้งก่อน สุธิยา จิวเฉลิมมิตร คว้าอันดับ 4 มาครอง คราวนี้มีหวังไม่น้อยทีเดียว เพราะเด็กคนนี้ฝึกซ้อมแข็งขันอยู่ที่เยอรมนี”
“ขณะที่มวยสากลสมัครเล่น ผมมองโอกาสไว้ที่ 50-50 เพราะครั้งนี้เราได้โควตาแค่ 3 รุ่น จากประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมา มวยต้องเก่งในเรื่องการต่อยเอาใจกรรมการ การบริหารจัดการภายในสมาคม รวมถึงตัวนักมวยก็มีส่วน แต่ละครั้งที่ผ่านมา ก่อนไปต่อยโอลิมปิก 3 เดือน เราต้องไปเก็บตัวที่คิวบาสัก 2 เดือน แล้วค่อยเดินทางไปยังประเทศที่จะขึ้นสังเวียนก่อน 1 เดือน แต่ถึงวันนี้ขุนพลเสื้อกล้ามทั้ง 3 คน ยังปักหลักที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จึงไม่มั่นใจว่าจะฟิตพอมีแรงต่อยกับคู่แข่งได้มากน้อยขนาดไหน” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ค่อนข้างห่วงมวยสากลสมัครเล่นไทย
“ส่วนนักกีฬาที่ได้เหรียญทองลอนดอนเกมส์ จะได้รับเงินอัดฉีดเหรียญละ 10 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 5 ล้านบาท และเงินฝากธนาคารให้อีก 5 ล้านบาท นอกจากนี้ คณะกรรมการโอลิมปิกจะให้เงินเดือนสนับสนุนอีกเดือนละ 2 หมื่นบาท เป็นระยะเวลา 20 ปีอีกต่างหากด้วย” บิ๊กอ๊อด ทิ้งท้าย
