ขุนพลฟุตซอลทีมชาติไทย ทำได้ดีที่สุดเพียงด้วยการคว้าตำแหน่งรองแชมป์ศึกฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย หลังโดนทีมชาติญี่ปุ่นถลุงยับในรอบชิงชนะเลิศ 6-1 ในเกมรอบชิงชนะเลิศเมื่อคืนวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ญี่ปุ่นคว้าแชมป์เอเชียเป็นสมัยที่ 2
ฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย
ญี่ปุ่น 6-1 ไทย
ศึกฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย “เอเอฟซี ฟุตซอล แชมเปียนชิป 2012” รอบชิงชนะเลิศ ที่กรุงดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่สนาม อัล วาสล์ สเตเดียม เป็นการพบกันระหว่าง ทีมชาติไทย รองแชมป์ปี 2008 กับ ทีมชาติญี่ปุ่น อดีตแชมป์ปี 2006
เริ่มเกม ญี่ปุ่น ทำได้ดีกว่าบุกขึ้นมายิงประตูหลายจังหวะแต่ยังไม่คมพอ โดย ทาคาฮาชิ หลอกยิงหนึ่งจังหวะ แต่ สุรพงศ์ นายประตูทีมไทยปัดได้ก่อน ส่วนไทยยังต่อบอลกันไม่ติดในช่วงแรก แต่แล้วนาทีที่ 5 ญี่ปุ่นได้ประตูนำ 1-0 โคมิยามะ จ่ายตัดเข้ากลางจากซ้ายให้ โคกุเระ แปเข้าไปแบบง่ายดาย
ขุนพลโต๊ะเล็กแดนปลาดิบ อาศัยการต่อบอลที่แม่นยำ บุกขึ้นมายิงอย่างต่อเนื่องแต่ยังทำไม่ได้ ส่วนไทยที่โดนบีบพื้นที่อยู่นาน ก็มาทำสำเร็จในนาที 11 จังหวะ จิรวัฒน์ แทงให้ กฤษดา ที่ยืนอยู่โล่งๆ ชิปบอลข้ามหัว คาวาฮาระ นายด่านของญี่ปุ่นเข้าไป 1-1 เล่นเอาแฟนคลับที่ตามมาเชียร์อยู่ข้างสนาม ส่งเสียงเชียร์กันลั่น
ทว่า ช่วง 5 นาทีสุดท้าย กลับเป็นญี่ปุ่นที่พลิกขึ้นนำอีกครั้ง จังหวะโคกุเระ ดึงบอลช้ารอเพื่อนขึ้นมาเติม ก่อนป้ายให้ คิตาฮาระ ที่โดนประกบอยู่ 2 คน ตวัดตัวยิงเร็วบอลกลิ้งเข้าเสาสองแบบง่ายดาย 2-1 ส่วนไทยเกือบตีเสมอได้จากลูกเล่นเร็ว สุรพงศ์ โยนยาวให้ ศุภวุฒิ จับหนึ่งจังหวะก่อนพลิกตัวยิงแต่บอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
ครึ่งหลัง ทีมไทย เปิดฉากบุกก่อนและเกือบได้ประตูตีเสมอ ก้องหล้า ได้โอกาสยิงจ่อหน้าประตู ทาคาฮาระ วิ่งมาบล็อกได้ทัน ส่วนญี่ปุ่น ได้สวนคืนบ้างจากลูกยิงของคิตาฮาระ แต่ สุรพงศ์ ยังเซฟช่วยทีมไว้ได้ ทีมไทยพยายามต่อบอลขึ้นมา แต่ญี่ปุ่นลงมายืนรับกันแน่น ทำให้ไทยหาจังหวะยิงลำบาก
นาที 28 ไทยได้เปรียบตัวผู้เล่น 2 นาที หลัง คิตาฮาระ โดนใบแดงไล่ออกจากสนามจากการไปเสียบสกัดใส่ ณัฐวุฒิ ล้มกลางสนาม แต่ไทยฉกฉวยความได้เปรียบกลับมายิงประตูตีเสมอไม่ได้ นาที 29 เจษฏา จ่ายเข้ากลางให้ ศุภวุฒิ ยิงเต็มข้อแต่บอลเหินข้ามคานออกไป จากนั้นนาที 30 เจษฏา ซัดบอลไปชนคานกระเด้งออกมาแบบเหลือเชื่อ
ไทยเสียลูกฟรีคิกนาที 31 หลัง สุรพงศ์ ออกบอลช้า 4 วินาที และเป็นญี่ปุ่น ที่ใช้ไม้เด็ดหลอกยิง 3 คน ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 จากอินาบะ ที่ยิงเสียบเสาสองเข้าไปแบบสวยงาม และมาได้เพิ่มอีกลูกเป็น 4-1 จากการยิงไกลครึ่งสนามของ เฮนมี แม้ไทยพยายามเจาะเกมรับคู่แข่งขึ้นมายิงแต่ทำไม่สำเร็จ
ท้ายเกม ไทยเสียประตูจากการยิงไกลอีกครั้ง คิตาฮาระ สาดบอลยาวจากหน้าประตูขึ้นมา ไทยวิ่งมาสกัดไม่ทันบอลเข้าประตูไป 5-1 และโดนอีกลูกเป็น 6-1 จาก โนบุยะ จบเกม ญี่ปุ่น ครองจ้าวเอเชียเป็นสมัยที่ 2 ส่วนไทยทำได้ดีที่สุดแค่ตำแหน่งรองแชมป์ ซึ่งหลังจากนี้ ขุนพลโต๊ะเล็กไทย ภายใต้การคุมทัพของ วิคเตอร์ เฮอร์มันส์ จะมีคิวลงเตะต่อในศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในเดือน พ.ย.นี้
ส่วนเกมคู่ชิงที่ 3 ที่จบไปก่อนหน้า อิหร่าน เอาชนะ ออสเตรเลีย ไปได้ 4-0 โดยได้ประตูจากครึ่งหลังทั้งหมด จาก แชมเซีย วาฮิด, ทาเฮรี โมฮัมหมัด และ จาวาด แอรการิโมกัดดาม ที่เหมาคนเดียวสองประตู ส่งให้ อิหร่าน และ ออสเตรเลีย คว้าอันดับ 3 และ 4 ไปครองตามลำดับ
ฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย
ญี่ปุ่น 6-1 ไทย
ศึกฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย “เอเอฟซี ฟุตซอล แชมเปียนชิป 2012” รอบชิงชนะเลิศ ที่กรุงดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่สนาม อัล วาสล์ สเตเดียม เป็นการพบกันระหว่าง ทีมชาติไทย รองแชมป์ปี 2008 กับ ทีมชาติญี่ปุ่น อดีตแชมป์ปี 2006
เริ่มเกม ญี่ปุ่น ทำได้ดีกว่าบุกขึ้นมายิงประตูหลายจังหวะแต่ยังไม่คมพอ โดย ทาคาฮาชิ หลอกยิงหนึ่งจังหวะ แต่ สุรพงศ์ นายประตูทีมไทยปัดได้ก่อน ส่วนไทยยังต่อบอลกันไม่ติดในช่วงแรก แต่แล้วนาทีที่ 5 ญี่ปุ่นได้ประตูนำ 1-0 โคมิยามะ จ่ายตัดเข้ากลางจากซ้ายให้ โคกุเระ แปเข้าไปแบบง่ายดาย
ขุนพลโต๊ะเล็กแดนปลาดิบ อาศัยการต่อบอลที่แม่นยำ บุกขึ้นมายิงอย่างต่อเนื่องแต่ยังทำไม่ได้ ส่วนไทยที่โดนบีบพื้นที่อยู่นาน ก็มาทำสำเร็จในนาที 11 จังหวะ จิรวัฒน์ แทงให้ กฤษดา ที่ยืนอยู่โล่งๆ ชิปบอลข้ามหัว คาวาฮาระ นายด่านของญี่ปุ่นเข้าไป 1-1 เล่นเอาแฟนคลับที่ตามมาเชียร์อยู่ข้างสนาม ส่งเสียงเชียร์กันลั่น
ทว่า ช่วง 5 นาทีสุดท้าย กลับเป็นญี่ปุ่นที่พลิกขึ้นนำอีกครั้ง จังหวะโคกุเระ ดึงบอลช้ารอเพื่อนขึ้นมาเติม ก่อนป้ายให้ คิตาฮาระ ที่โดนประกบอยู่ 2 คน ตวัดตัวยิงเร็วบอลกลิ้งเข้าเสาสองแบบง่ายดาย 2-1 ส่วนไทยเกือบตีเสมอได้จากลูกเล่นเร็ว สุรพงศ์ โยนยาวให้ ศุภวุฒิ จับหนึ่งจังหวะก่อนพลิกตัวยิงแต่บอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
ครึ่งหลัง ทีมไทย เปิดฉากบุกก่อนและเกือบได้ประตูตีเสมอ ก้องหล้า ได้โอกาสยิงจ่อหน้าประตู ทาคาฮาระ วิ่งมาบล็อกได้ทัน ส่วนญี่ปุ่น ได้สวนคืนบ้างจากลูกยิงของคิตาฮาระ แต่ สุรพงศ์ ยังเซฟช่วยทีมไว้ได้ ทีมไทยพยายามต่อบอลขึ้นมา แต่ญี่ปุ่นลงมายืนรับกันแน่น ทำให้ไทยหาจังหวะยิงลำบาก
นาที 28 ไทยได้เปรียบตัวผู้เล่น 2 นาที หลัง คิตาฮาระ โดนใบแดงไล่ออกจากสนามจากการไปเสียบสกัดใส่ ณัฐวุฒิ ล้มกลางสนาม แต่ไทยฉกฉวยความได้เปรียบกลับมายิงประตูตีเสมอไม่ได้ นาที 29 เจษฏา จ่ายเข้ากลางให้ ศุภวุฒิ ยิงเต็มข้อแต่บอลเหินข้ามคานออกไป จากนั้นนาที 30 เจษฏา ซัดบอลไปชนคานกระเด้งออกมาแบบเหลือเชื่อ
ไทยเสียลูกฟรีคิกนาที 31 หลัง สุรพงศ์ ออกบอลช้า 4 วินาที และเป็นญี่ปุ่น ที่ใช้ไม้เด็ดหลอกยิง 3 คน ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 จากอินาบะ ที่ยิงเสียบเสาสองเข้าไปแบบสวยงาม และมาได้เพิ่มอีกลูกเป็น 4-1 จากการยิงไกลครึ่งสนามของ เฮนมี แม้ไทยพยายามเจาะเกมรับคู่แข่งขึ้นมายิงแต่ทำไม่สำเร็จ
ท้ายเกม ไทยเสียประตูจากการยิงไกลอีกครั้ง คิตาฮาระ สาดบอลยาวจากหน้าประตูขึ้นมา ไทยวิ่งมาสกัดไม่ทันบอลเข้าประตูไป 5-1 และโดนอีกลูกเป็น 6-1 จาก โนบุยะ จบเกม ญี่ปุ่น ครองจ้าวเอเชียเป็นสมัยที่ 2 ส่วนไทยทำได้ดีที่สุดแค่ตำแหน่งรองแชมป์ ซึ่งหลังจากนี้ ขุนพลโต๊ะเล็กไทย ภายใต้การคุมทัพของ วิคเตอร์ เฮอร์มันส์ จะมีคิวลงเตะต่อในศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในเดือน พ.ย.นี้
ส่วนเกมคู่ชิงที่ 3 ที่จบไปก่อนหน้า อิหร่าน เอาชนะ ออสเตรเลีย ไปได้ 4-0 โดยได้ประตูจากครึ่งหลังทั้งหมด จาก แชมเซีย วาฮิด, ทาเฮรี โมฮัมหมัด และ จาวาด แอรการิโมกัดดาม ที่เหมาคนเดียวสองประตู ส่งให้ อิหร่าน และ ออสเตรเลีย คว้าอันดับ 3 และ 4 ไปครองตามลำดับ