เอเยนซี - ขุนพล เชลซี ร่วมกันจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้สโมสรที่ก่อตั้งมา 107 ปีกับตำแหน่งแชมป์ยุโรปครั้งแรก ด้วยการชนะจุดโทษ บาเยิร์น มิวนิก คาถิ่น อัลลิอันซ์ อารีนา 4-3 หลัง 120 นาทีเสมอกัน 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คนที่ได้รับคำชมคงหนีไม่พ้น โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ทั้งที่กุมบังเหียนแบบขัดตาทัพเท่านั้น แต่สุดเซอร์ไพรส์พาทีมเข้าป้ายดับเบิลแชมป์ จากนี้จึงเกิดเครื่องหมายคำถามว่า โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซียจะตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับอนาคตของกุนซือชาวอิตาเลียนรายนี้
เหตุที่ บาเยิร์น ไม่สามารถคว้าถ้วย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก สมัยที่ 5 ก็ต้องโทษตัวเองที่ตีงูแต่ตีไม่ตาย เพราะกว่าจะขึ้นนำต้องรอจนถึงนาที 83 ทั้งที่มีโอกาสมากกว่า แม้จะเปลี่ยนเอากองหลัง ดาเนียล ฟาน บุยเตน ลงมาเพื่อตรึงสกอร์ แต่ไม่สำเร็จถูก ดิดิเยร์ ดร็อกบา ตีเสมอนาที 88 ช่วงต่อเวลาพิเศษนาที 95 อาร์เยน ร็อบเยน ก็ดันมาพลาดจุดโทษ อีกทั้งช่วงดวลเป้ากลับพลาด 2 คนสุดท้ายคือ อิวิกา โอลิช และ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ปล่อยให้ เชลซี ที่ยิงไม่เข้าคนแรก คือ ฆวน มาตา พลิกสถานการณ์ยิงเข้าทั้งหมดคว้าแชมป์ไปครองแบบบีบหัวใจ
หลังเกมคำตอบที่สื่อและทุกคนอยากได้ยินจากปากของ อบราโมวิช ก็คืออนาคต ดิ มัตเตโอ เพราะระยะเวลาแค่ 2 เดือนเศษ หลังถูกดันจากตำแหน่งผู้ช่วยขึ้นมาคุมทัพชั่วคราวแทน อังเดร บียาส-โบอาส ที่ถูกตะเพิดตกเก้าอี้ ทุกคนไม่ได้คาดหวังกับอดีตนักเตะที่เคยค้าแข้งกับ เชลซี ระหว่างปี 1996-2002 มากนัก เพราะก่อนหน้านี้ ผลงานมีเพียงพาทีมเล็กๆ อย่าง เวสต์บรอมวิช อัลเบียน เลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ชิป ปี 2010-11 ส่วนผลงานในลีกก็ลุ่มๆ ดอนๆ สุดท้ายจบเพียงแค่อันดับ 6 ทว่ากลับรูดม่านอย่างยิ่งใหญ่ด้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ และทีมที่ดีที่สุดของยุโรปถือเป็นทีมที่ 5 ของอังกฤษต่อจาก ลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และ แอสตัน วิลลา
บรรดาแข้ง เชลซี ออกมาหนุนหลัง ดิ มัตเตโอ จอห์น เทอร์รี กองหลังกัปตันทีม เผยว่า “ร็อบบี สร้างความมหัศจรรย์นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีม คุณเห็นถ้วยแชมป์รึเปล่า เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเรารอคอยมากนาน เขามุ่งมั่นที่จะนำความสำเร็จมาสู่สโมสรและคืนนี้ก็ทำได้ จริงๆ เขาควรได้รับเครดิตมากกว่านี้ด้วยซ้ำ พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับตำแหน่งนี้แบบถาวร เพราะคงไม่มีอะไรดีไปกว่าดับเบิลแชมป์อีกแล้ว” ด้าน แฟรงค์ แลมพาร์ด กองกลางกัปตันทีมในนัดชิง เสริมว่า “ร็อบบี คือ สิ่งที่พวกเราต้องการ เราไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากเขาได้มากกว่านี้อีกแล้ว”
ไม่เว้นแม้กระทั่ง จุปป์ ไฮย์เกส กุนซือ ที่เคยพา รีล มาดริด คว้าแชมป์ยุโรปปี 1998 แต่ครั้งนี้เป็นทริปเปิลรองแชมป์กับ บาเยิร์น ต่อจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เมื่อปี 2002 กล่าวว่า “ผมยินดีกับ เชลซี สำหรับชัยชนะของพวกเขา ถ้ามีบางสิ่งที่คุณหวังว่าผมจะพูดกับ ดิ มัตเตโอ ก็คือต้นสังกัดควรที่จะมอบสัญญา 3 ปีให้เขา”
ระหว่างที่ ดิ มัตเตโอ เดินนำขบวนนักเตะ เชลซี ขึ้นบันได อัลลิอันซ์ อารีนา ไปรับเหรียญและถ้วยแชมป์ได้แวะทักทายกับ อบราโมวิช และมีการพูดคุยบางอย่างด้วย กุนซือที่จะอายุครบ 42 ปี อีก 8 วันข้างหน้า เผยถึงอนาคตที่ยังคลุมเครือ ว่า “อะไรที่ผมคุยกับเจ้านายไม่สามารถบอกต่อสื่อได้ ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่บอกไปแล้ว แต่เหนืออื่นใดผมมีความสุขกับสิ่งที่ได้รับ และอนาคตไม่ว่าจะเป็นยังไงก็เคารพและยอมรับได้ สโมสรจะเป็นคนตัดสินใจและผมก็จะรับฟังง่ายๆ ไม่มีอะไรยุ่งยาก”
ถือว่าตอนนี้ฝันของ อบราโมวิช เป็นจริงแล้วกับการนำถ้วย แชมเปียนส์ ลีก มาประดับตู้โชว์ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังทุ่มเงินมหาศาลนับตั้งแต่เข้ามาเทกโอเวอร์เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2003 เสาะหากุนซือฝีมือดีมากมายมาคุมทัพ ทั้ง โชเซ มูรินโญ กุส ฮิดดิงก์ และ คาร์โล อันเชล็อตติ ผ่านไป 9 ปีได้สัมผัสแชมป์ทุกรายการบนเกาะอังกฤษ รวมถึงวันนี้กับแชมป์ยุโรป และจากนี้ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญท่ามกลางกระแสกดดันจากรอบด้าน แม้ ดิ มัตเตโอ จะไม่ใช่กุนซือไฮ-โพรไฟล์มีบารมีอย่างที่ตั้งโจทย์เอาไว้ตอนนี้ แต่ถึงเวลานี้ต้องรอดูว่า “เสี่ยหมี” จะเปลี่ยนใจหรือไม่กับแชมป์ 2 ถ้วยในปีนี้ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า สุดท้ายหากไม่ใช่กุนซือคนนี้และใครที่จะกล้าเข้ามารับตำแหน่งต่อภายใต้ความกดดันแสนสาหัสขนาดนี้