xs
xsm
sm
md
lg

ล็อกถล่ม “สิงห์บลู” แม่นโทษซิว ชปล.สมัยแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชลซี ฉลองแชมป์แรกบนโพเดี้ยม
ดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกตัวเก๋าสวมบทฮีโร่ตัวจริงซัดจุดโทษคนสุดท้ายช่วยให้ เชลซี เอาชนะจุดโทษ บาเยิร์น มิวนิก ไปได้ 4-3 หลังเสมอในเวลา 1-1 ส่งให้ “สิงห์บลู” คว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในเกมนัดชิงชนะเลิศเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา

ฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ
บาเยิร์น มิวนิก (เยอรมนี) 1-1 เชลซี (อังกฤษ)
(เชลซี ชนะจุดโทษ 4-3)

เกมนัดชิงชนะเลิศถ้วย “บิ๊กเอียร์” ที่สนาม อัลลิอันซ์ อารีนา เป็นการพบกันระหว่าง บาเยิร์น มิวนิก เจ้าของสนาม และ เชลซี โดยเกมนี้ทั้งสองทีมต้องปรับทัพกันหลายจุด เนื่องจากมีผู้เล่นติดโทษแบน “เสือใต้” ยังมีแนวรุกอย่าง ฟรองค์ ริเบรี, อาร์เยน ร็อบเบน และ มาริโอ โกเมซ นำทัพล่าประตู ด้าน “สิงห์บลู” มี แฟรงค์ แลมพาร์ด, ฆวน มาตา และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดาวยิงตัวเก๋าเป็นตัวชูโรง

เริ่มเกมมา 4 นาที “เสือใต้” ออกสตาร์ทได้น่ากลัว บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ได้บอลกลางสนามลากขึ้นมาส่องไกลจากระยะ 25 หลา ติดบล็อกออกหลังไป ผ่าน 12 นาที บาเยิร์น มาได้ลุ้นอีกครั้ง ริเบรี เปิดโค้งจากด้านซ้ายเป็น โกเมซ โฉบโหม่งได้ก่อน แต่บอลยังข้ามคานออกไปอีก เชลซี เกือบเสียประตูอีกครั้ง ร็อบเบน หลุดเข้ามาซัดด้วยซ้าย แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังเซฟไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ

ดำเนินถึง 25 นาที บาเยิร์น ครองเกมไว้ทั้งหมด และเป็นฝ่ายพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว โอกาสแรกของ เชลซี ต้องรอถึงนาที 33 แกรี เคฮิลล์ เติมขึ้นมาช่วยให้ทีมได้ฟรีคิก และเป็น มาตา ปั่นด้วยซ้ายข้ามคานออกไป จากนั้นน่าจะเป็น “เสือใต้” ได้เฮ คอนเทนโต เติมขึ้นสูงเปิดเข้ากลางมาให้ โธมัส มุลเลอร์ วอลเลย์ ด้วยซ้ายบอลลุดกรอบนิดเดียว

นาที 37 “สิงห์บลู” ทำให้ มานูเอล นอยเออร์ ต้องออกแรงเซฟบ้าง แลมพาร์ด จ่ายต่อให้ กาลู แปเน้นๆ กะเล่นที่เสาแรก ทว่า นายประตูเยอรมนี ยืนปิดมุมไว้อยู่แล้ว ท้ายครึ่งแรก บาเยิร์น โต้กลับเร็วขึ้นมาบอลทะลุเข้าเขตโทษเลยมาถึง โกเมซ ดึงหลอก 1 จังหวะ ก่อนซัดด้วยซ้ายข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก เชลซีเป็นรองแต่ยังเสมอกันอยู่ 0-0

กลับมาเล่นในครึ่งหลังไม่ถึง 3 นาที บาเยิร์น ลุยใส่หนัก โทนี โครส ซัดจากนอกกรอบบอลไปตรง ลุยซ์ โหม่งทิ้งออกหลังไปได้ จากนั้นเกมเปิดแลกกันสนุก นาที 53 โคล สกัดไปเข้าทาง ริเบรี ส่งบอลเข้าประตูไปได้ ทว่า ไลน์แมนยกธงล้ำหน้าไปก่อน นาที 60 ร็อบเบน ได้ซัดเต็มๆ แถวจุดโทษ แต่ แอชลีย์ โคล ปรี่เข้าบล็อกได้อีกหน

ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกม ทั้งสองทีมเริ่มเปิดเกมแลกกันมากขึ้น เป็นลูกทีมของ จุปป์ ไฮเกสย์ มีจังหวะจบสกอร์มากกว่า แต่กลับยิงไม่เข้ากรอบกันเอง จากนั้น บาเยิร์น บีบให้ เชลซี ต้องลงไปตั้งรับกันอยู่ในเขตโทษของตัวเอง นาที 70 ร็อบเบน เจ้าเก่าลากตัดจากซ้ายเข้ามากดเต็มๆ แต่บอลไปตรงตัวของ เช็ก รับไว้ได้สบาย

เกมเป็นของ “เสือใต้” และนาที 82 แฟน บาเยิร์น ได้เฮกันลั่น ริเบรี โยนโค้งมาเสาสองเป็น มุลเลอร์ เติมขึ้นมาโขกกดลงพื้นบอลกระดอนเสยคานเข้าไปชนิด เช็ก ลอยปัดไม่ทัน ส่งให้ทีมขึ้นนำ 1-0 เชลซี ไม่มีทางเลือกต้องเปิดเกมบุกและก็มาได้ประตูตีเสมอจากจังหวะโขกลูกเตะมุมของ ดร็อกบา ในนาที 89 ไล่ตีเสมอเป็น 1-1 และหมด 90 นาทีไปด้วยสกอร์นี้ ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

ช่วงต่อเวลาพิเศษ

บาเยิร์น มิวนิก มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ ดร็อกบา ไปเข้าด้านหลัง ริเบรี และเป็น ร็อบเบน รับหน้าที่สังหาร แต่ ปีเตอร์ เช็ก พุ่งไปถูกทางเซฟไว้ได้เหลือเชื่อ จากนั้นเกม “เสือใต้” ช็อตไปดื้อๆ ทำให้ “สิงห์บลู” เริ่มกลับมาครองบอลได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถทำประตูกันได้ต้องลุ้นต่ออีก 15 นาที

ช่วงครึ่งหลังของช่วงต่อเวลา ลาห์ม หยอดไปถึงโอลิช ตัวสำรอง แตะกลับมาให้ ฟาน บุย เต็น เข้าชาร์ตไม่ถึง บอลผ่านเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย “เสือใต้” เดินเครื่องบุกอีกครั้ง อาศัยการทำเกมของ ร็อบเบน ทางฝั่งขวา แต่ยังคล้ำเป้าไม่เจอเหมือนเก่า กระทั่งหมดเวลาต้องดวลจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะ

ผลการดวลจุดโทษ

มาตา ของ เชลซี พลาดยิงไปติดเซฟของ นอยเออร์ ก่อน จากนั้นยิงเข้ากันหมดจนมาถึง คนที่ 4 ของ บาเยิร์น โอลิช ยิงไปติดเซฟของ ปีเตอร์ เช็ก บ้าง ขณะที่ แอชลีย์ โคล ยิงเข้าไป ไล่มาเป็น 3-3 กระทั่งคนสุดท้าย ชไวน์สไตเกอร์ ยิงชนเสาออกมา ก่อนจะเป็น ดร็อกบา คนสุดท้ายของ “สิงห์บลู” เป็นฮีโรซัดเข้าไปง่ายๆ ให้ เชลซี ชนะไป 4-3 เป็นแชมป์ยุโรปสมัยแรกของสโมสร

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาเยิร์น มิวนิก : มานูเอล นอยเออร์, อนาโตลี ทีโมชุค, เฌอโรม บัวเต็ง, ดีเอโก คอนเทนโต, ฟิลิปป์ ลาห์ม, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โธมัส มุลเลอร์, ฟรองค์ ริเบรี, อาร์เยน ร็อบเบน, มาริโอ โกเมซ, โทนี โครส
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, ดาวิด ลุยซ์, แกรี เคฮิลล์, แอชลีย์ โคล, โชเซ โบซิงวา, จอห์น โอบี มิเกล, ไรอัน เบิร์ตทรานด์, ซาโลมง กาลู, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ฆวน มาตา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
เช็ก ช่วยเซฟเอาไว้ได้หลายหน
ริเบรี สร้างความหนักใจให้ โบซิงวา ตลอดเกม
ดร็อกบา ถูกประกบติด
มุลเลอร์ กับ มิเคล ต้องดวลกันในแดนกลาง
“เชลซี” มาทีหลังดังกว่า แชมป์ยุโรปยื้อ “มัตเตโอ”?
“เชลซี” มาทีหลังดังกว่า แชมป์ยุโรปยื้อ “มัตเตโอ”?
เอเยนซี-ขุนพล เชลซี ร่วมกันจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สโมสรที่ก่อตั้งมา 107 ปีกับตำแหน่งแชมป์ยุโรปครั้งแรก ด้วยการชนะจุดโทษ บาเยิร์น มิวนิค คาถิ่น อัลลิอันซ์ อารีนา 4-3 หลัง 120 นาทีเสมอกัน 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา คนที่ได้รับคำชมคงหนีไม่พ้น โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ทั้งที่กุมบังเหียนแบบขัดตาทัพเท่านั้น แต่สุดเซอร์ไพรส์พาทีมเข้าป้ายดับเบิลแชมป์ จากนี้จึงเกิดเครื่องหมายคำถามว่า โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซียจะตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับอนาคตของกุนซือชาวอิตาเลี่ยนรายนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น