“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่เหลือ 10 คน ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ได้สำเร็จ หลังบุกมาเล่นเกมรับ และอาศัยเกมสวนกลับไล่ตียิงเสมอ บาร์เซโลนา 2-2 ในช่วงท้ายเกมจาก เฟร์นันโด ตอร์เรส ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ รอพบกับผู้ชนะระหว่าง รีล มาดริด กับ บาเยิร์น มิวนิค ในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก คืนวันอังคารที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
ฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
บาร์เซโลนา 2-2 เชลซี (ประตูรวม เชลซี ชนะ 3-2)
หลังจากแพ้เกมลาลีกา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บาร์เซโลนา ขนผู้เล่นลงเต็มสูบ หวังเอาชนะและผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้ เกมนี้ โจเซฟ กวาร์ดิโอลา ใช้ 3 ประสานเกมรุก อย่าง เชส ฟาเบรกาส, ลีโอเนล เมสซี และ อเล็กซิส ซานเชซ ลงสนาม ขณะที่ทีมเยือนจากอังกฤษมาแพ็กเกมรับตามคาด โดยวาง ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นหัวตัวเป้า และมี แฟรงค์ แลมพาร์ด จอห์น โอบี มิเกล และ ราอูล เมเรเลส ไล่บอลในแดนกลาง
เริ่มเกมมาไม่ถึง 5 นาที บาร์เซโลนา เกือบได้ประตูนำอย่างรวดเร็ว เมสซี ทำชิ่งกับ ไอแซก เกวนกา หลุดเข้าไปยิงจ่อๆ ทว่า หลุดเสาแรกออกไปนิดเดียว เกมไม่ต่างจากที่คาดไว้ เจ้าบ้านครองเกมไว้ฝ่ายเดียว เล่นไปได้เพียง 12 นาที เชลซี ต้องเปลี่ยนเอา โบซิงวา ลงมาเล่นแทน แกรี เคฮิลล์ ที่เจ็บเองเล่นต่อไม่ไหว นาที 19 เมสซี เจ้าเก่า ชิ่งกับ ฟาเบรกาส หลุดเข้าเขตโทษ ทว่า ยิงไปติดขา ปีเตอร์ เช็ก เซฟไว้อย่างเหลือเชื่อ
แต่แล้ว นาที 35 เป็นเจ้าถินขึ้นนำได้สำเร็จ 1-0 จากการหลุดขึ้นทางขวาของ เกวนกา ก่อนตบเข้ากลางมาให้ เซร์จี บุสเกสต์ส ยืนแปโล่งๆ บอลไปกองก้นตาข่ายไม่เหลือ จากนั้น 2 นาที สถานการณ์ของ เชลซี แย่ลงไปอีกเมื่อ จอห์น เทอร์รี มาเหลือ 10 คน จากจังหวะที่ไปเจตนาตีเข่าใส่ ซานเชส ผู้ตัดสินเดินกลับมาควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที
เจ้าถิ่นเดินหน้าลุยใส่ต่อเนื่อง และมาได้ประตูนำห่าง 2-0 เมสซี แทงทะลุให้ อันเดรียส อิเนียสตา หลุดขึ้นมาแปสวนตัวเช็ก เข้าไปทางเสาสอง เกมทำท่าจะตกเป็นของ บาร์เซโลนา ฝ่ายเดียว และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ แต่ท้ายเกม แฟรงค์ แลมพาร์ด ตัดบอลได้กลางสนาม ก่อนจ่ายเร็วให้ รามิเรส หลุดเดี่ยวขึ้นมา ชิปข้ามหัว บิคตอร์ บัลเดส ตีไข่แตกไล่มากเป็น 1-2 และจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้
กลับมาเล่นครึ่งหลัง 2 นาที เชลซี มาเสียจุดโทษ ดร็อกบา เข้าสกัด ฟาเบรกาส ผิดจังหวะเป็น เมสซี รับหน้าที่สังหาร ทว่า ดาวเตะอาร์เจนไตน์ ซัดผ่านมือ เช็ก ไปแล้ว แต่ยังมีคานประตูช่วยเซฟไว้เต็มๆ ทีมเยือนรอดพ้นการเสียประตูไปอย่างหวุดหวิด
เกมยังเป็นเจ้าถิ่นที่ได้เปรียบตัวผู้เล่นครองเกมอยู่ฝ่ายเดียว กระทั่งนาที 60 มิเกล เสียบอลหน้าประตูตัวเอง ฟาเบรกาส จ่ายเร็วให้ เกวนกา ทางซ้ายแปด้วยซ้าย บอลยังไปติด เช็ก ที่ผวาออกไปเซฟได้ทัน ถัดมา 4 นาที เชลซี สวนขึ้นมาได้ลูกเตะมุม บัลเดส ออกมาตัดบอลพลาด อีวาโนวิช ได้โขกแต่คุมบอลไม่อยู่หลุดออกหลังไป ผ่าน 70 นาที “สิงห์บลู” ลงมาเน้นเกมรับอย่างเหนียวแน่น อาศัยจังหวะสวนกลับ ขณะที่ บาร์เซโลนา ครองบอลบุกอย่างต่อเนื่อง
นาที 81 บาร์เซโลนา ส่งบอลเข้าไปกระทบตาข่ายได้ แต่ว่าผู้ตัดสินยกเป็นล้ำหน้าก่อน และ เมสซี ลากหนีมาหาจังหวะยิงอีกหน บอลพุ่งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย ท้ายเกม “เจ้าบุญทุ่ม” เดินเครื่องบุกอย่างหนัก แต่มาโดนทีเด็ดของ เฟร์นันโด ตอร์เรส ช่วงทดเวลาบาดเจ็บยิงไล่เป็น 2-2 จบเกม เป็น เชลซี เอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 3-2 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปรอพบกับผู้ชนะระหว่าง รีล มาดริด กับ บาเยิร์น มิวนิค ต่อไป
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาร์เซโลนา : บิคตอร์ บัลเดส, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, คาร์เลส ปูโยล, เคราด ปีเก, ไอแซก เกวนกา, เซร์จี บุสเกสต์ส, อันเดรียส อิเนียสตา, ชาบี เอร์นานเดซ, เชส ฟาเบรกาส, ลีโอเนล เมสซี, อเล็กซิส ซานเชซ
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก,จอห์น เทอร์รี, แกรี เคฮิลล์, แอชลีย์ โคล, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น โอบี มิเกล, ราอูล เมเรเลส, รามิเรส, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ฆวน มาตา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
