เชลซี คว้าแชมป์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ ครั้งที่ 131 มาครองได้สำเร็จ หลัง รามิเรส และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ช่วยกันยิงชนะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล 2-1 ที่สนามเวมบลีย์ คืนวันเสาร์ที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา และถือเป็นแชมป์แรกของ “สิงห์บลู” ในฤดูกาลนี้
ฟุตบอล เอฟเอ คัพ
เชลซี 2-1 ลิเวอร์พูล
ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ ครั้งที่ 131 คู่ชิงชนะเลิศบิ๊กแมตช์ เชลซี พบกับ ลิเวอร์พูล เกมนี้ “สิงห์บลู” ของ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามครบครัน ทั้ง แฟรงค์ แลมพาร์ด และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ลงเป็นตัวจริงโดยมี เฟร์นานโด ตอร์เรส นั่งลุ้นเจอกับทีมเก่าอยู่ที่ม้านั่งสำรอง ส่วน “หงส์แดง” ของ เคนนี ดัลกลิช ส่ง สตีเวน เจอร์ราร์ด คุมแดนกลาง พร้อม เคร็ก เบลลามี และ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นทีเด็ดในแดนหน้า
เริ่มเกมทั้งสองทีมผลัดกันครองบอลได้อย่างสูสี แต่แล้วนาทีที่ 10 เชลซี ได้โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกและเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 รามิเรส ลากบอลมาจากครึ่งสนาม เอ็นริเก พยายามสกัด แต่เอาไม่อยู่ กระชากขึ้นไปยิงบอลติดตัว เรนา แต่ซองแตกบอลปลิ้นเข้าประตูไป ส่วนนาที 12 ลิเวอร์พูล เกือบยิงคืนได้ จอห์นสัน วางบอลข้ามมาในเขตโทษให้เบลลามี วอลเลย์ด้วยขวาแต่ไปติดบล็อก อิวาโนวิช พลาดตีเสมออย่างน่าเสียดาย
เชลซี หลังได้ประตูนำก็มีความมั่นใจโหมบุกขึ้นมาในฝั่งของลิเวอร์พูลมากขึ้น แต่ยังทำประตูไม่ได้ นาที 33 ดร็อกบา รับบอลต่อจากเพื่อน ก่อนพลิกหนี เอ็นริเก หวังลากขึ้นไปยิงแต่ เอ็นริเก ยังตามมาแย่งบอลได้ทัน ส่วน ลิเวอร์พูล พยายามตั้งเกมขึ้นมาหวังยิงประตูตีเสมอ แต่แนวรับของเชลซียังช่วยป้องกันไว้ได้
เกมดำเนินมาถึงนาที 40 หงส์แดง เกือบได้ประตูตีเสมอ เบลลามี สาดบอลยาวไปทางเสาสองให้ เฮนเดอร์สัน โหม่งชงต่อให้ ซัวเรซ สะบัดคอโหม่งทำประตูแต่บอลหลุดออกเสาแรกไปนิดเดียว ซึ่งหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายทำประตูเพิ่มกันไม่ได้ จบครึ่งแรก เชลซี ขึ้นนำ ลิเวอร์พูลไปก่อน 1-0
กลับมาครึ่งหลัง เชลซี ยังเป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่า และนาที 52 ทีมก็ได้ประตูหนีห่าง 2-0 แลมพาร์ด จ่ายบอลจากแดนกลางให้ ดร็อกบา ยิงไปทางเสาสองเข้าไปแบบง่ายดาย จากนั้นนาที 53 หงส์แดง ฮึดบุกขึ้นมายิงบ้าง ซัวเรซ ลากบอลไปสุดเส้นหลัง ก่อนเปิดตวัดเข้ากลางแต่ เช็ก รับไว้ได้ สถานการณ์ของลิเวอร์พูลไม่ดีขึ้น ร้อนถึง เคนนี ดัลกลิช แก้เกมส่ง แอนดี คาร์โรล ลงมาแทน สเปียร์ริง ที่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก
รูปเกมของ หงส์แดง ยังไม่ดีขึ้น และเกือบเสียประตูเพิ่มนาที 62 จากลูกฟรีคิก แต่ แลมพาร์ด ยิงไม่ดีบอลโค้งออกเสาสองไปนิดเดียว ต่อมานาที 64 มาตา กระดกบอลออกไปทางซ้ายให้ ดร็อกบา ยิงแต่ไปติดข้างตาข่าย แต่แล้วนาที 65 ลิเวอร์พูล ก็ตีไข่แตกได้สำเร็จ 1-2 ซัวเรซ วิ่งไปสกัดบอลจากเท้าของโบซิงวา ก่อนจ่ายให้คาร์โรล ล็อกหลบ เทอร์รี และยิงด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมสวยงาม
หงส์แดงหลังได้ประตูนำก็ฮึดบุกขึ้นมายิงประตูต่อเนื่อง นาที 73 เอ็นริเก เปิดบอลจากซ้ายเข้ากลางให้ คาร์โรล พุ่งโหม่งแต่บอลเหินข้ามคานออกไป จากนั้นนาที 75 เบลลามี เปิดบอลจากกราบขวาขึ้นมา ก่อนที่ คาร์โรล จะได้โหม่งอีกครั้งแต่ข้ามคานเหมือนเดิม ส่วน เชลซี เปลี่ยนตัวส่ง ราอูล เมยไรเลส เด็กเก่าของลิเวอร์พูล แทนที่ รามิเรส และก็ได้รับเสียงโห่จากเหล่า เดอะ ค็อป ไปตามระเบียบ
นาที 81 ลิเวอร์พูล พลาดตีเสมอแบบเหลือเชื่อ คาร์โรล โหม่งบอลเข้าประตูไปแล้วครึ่งใบ ก่อนที่ เช็ก จะปัดออกมา แต่แล้วผู้ตัดสิน ฟิล ดาวด์ ไม่ให้เป็นประตู เพราะบอลยังเข้าไม่เต็มใบ เล่นเอานักเตะของลิเวอร์พูล วิ่งไปประท้วงผู้ตัดสินและผู้กำกับเส้น แต่ไม่เป็นผล ต่อมานาที 86 หงส์แดงได้ฟรีคิกระยะหวังผล เจอร์ราร์ด รับหน้าที่สังหาร แต่บอลติดกำแพงลอยออกหลังไป
เกมทดกัน 5 นาที หลังสู้กันมาครบ 90 นาที ลิเวอร์พูล บุกจนถึงเฮือกสุดท้ายแต่ตีเสมอไม่สำเร็จ จบเกม เชลซี เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 2-1 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จ และถือเป็นแชมป์รายการแรกของ “สิงห์บลู” ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ กุนซือชาวอิตาลี ที่ถูกดันขึ้นมารับงานแทน อังเดร บียาส-โบอาส ที่โดนปลดไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, แอชลีย์ โคล, จอห์น เทอร์รี, โชเซ โบซิงวา, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเกล, รามิเรส, ซาโลมง กาลู, ฆวน มาตา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
ลิเวอร์พูล : เปเป เรนา, เกล็น จอห์นสัน, แดเนียล แอ็กเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โชเซ เอ็นริเก, สตีเวน เจอร์ราร์ด, สจวต ดาวนิง, เจย์ สเปียร์ริง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เคร็ก เบลลามี, หลุยส์ ซัวเรซ
