บาเยิร์น มิวนิค แม่นจุดโทษ เอาชนะ รีล มาดริด ไป 3-1 เป็นฝ่ายได้ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ กับ เชลซี ที่บ้านของตัวเอง หลังผลสองนัดรวมช่วงต่อเวลาพิเศษยังเสมอกันอยู่ที่ 3-3 ในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
รีล มาดริด 2-1 บาเยิร์น มิวนิค
(รวมผลสองนัดเสมอกัน 3-3 / ผลการดวลจุดโทษ บาเยิร์น มิวนิค ชนะ 3-1)
เกมนัดที่สองกลับมาเล่นที่สนามซานติอาโก เบร์นาบิว “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด จ่าฝูง ลาลีกา สเปน เปิดบ้านต้อนรับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ทีมจากเวทีบุนเดสลีกา เยอรมนี เกมนี้ทั้งสองทีมขนผู้เล่นตัวหลักลงสนามครบครัน เจ้าถิ่นมี 3 ประสาน อาร์เยน ร็อบเบน, ฟรองค์ ริเบรี และ มาริโอ โกเมซ ล่าตาข่าย ส่วนเจ้าถิ่นมี คริสเตียโน โรนัลโด และ คาริม เบนเซมา เป็นตัวชูโรง
ออกสตาร์ทมาเพียง 4 นาที โรนัลโด เปิดข้ามมาให้ ดิ มาเรีย ยิงวอลเลย์บอลพุ่งไปโดนมือของ ดาวิด อลาบา ผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษทันที และเป็น โรนัลโด ยิงเข้ามุมไปไม่มีเหลือ เจ้าบ้านขึ้นนำก่อน 1-0 หลังเสียประตู บาเยิร์น เกือบได้ประตูตีเสมอทันควัน อลาบา กระชากขึ้นมาทางซ้ายเปิดเข้ามาให้ ร็อบเบน เข้าจ่อๆ บอลลอยออกหลังอย่างเหลือเชื่อ
“ราชันชุดขาว” มาได้ประตูนำห่าง 2-0 อย่างรวดเร็วในนาที 14 แดนกลาง “เสือใต้” จ่ายบอลกันพลาดไปเข้าทาง โอซิล จ่ายต่อให้ โรนัลโด แปเล่นทางสวนตัวเข้าไปง่ายๆ ชนิด มานูเอล นอยเออร์ ได้แต่ยืนเซ็ง ผ่าน 20 นาที เกมเปิดแลกกันสนุก โกเมซ ได้โอกาสส่องไกลจากนอกกรอบ บอลพุ่งถากเสาออกไปนิดเดียว แต่แล้ว นาที 26 เปเป เบียด โกเมซ ล้มลงเสียจุดโทษ และเป็น ร็อบเบน สังหารเข้าไปไล่มาเป็น 1-2
เจ้าบ้านเกือบได้เฮกันอีกหน เบนเซมา ลากตัดจากฝั่งซ้ายเข้ามายิงด้วยขวาบอลโค้งหลุดกรอบไปนิดเดียว ชนิดที่แนวรับทีมเยือนได้แต่ยืนมอง ก่อนหมดครึ่งแรก บาเยิร์น มาได้ลุ้นตีเสมอจาก ลูกฟรีคิกของ ร็อบเบน หน้ากรอบโทษ ทว่า คาซิยาส พุ่งไปปัดทิ้งและกรรมการเป่าหมด 45 นาทีแรกไปทันที มาดริดยังนำ อยู่ 2-1 ต้องไปแก้เกมกลับมาสู้กันต่อให้ครึ่งหลัง
กลับมาเล่นครึ่งหลัง ทีมเยือนทักทายก่อนทันที ลาห์ม โยนเข้ากลางมาให้ โกเมซ โฉมมาโขกสะบัดบอลหลุดเสาสองออกไปไม่ไกล จากนั้นทั้งสองทีมประคองเกมไม่อยากเป็นฝ่ายเสียประตูทั้งคู่กระทั่งนาที 56 เบนเซมา ได้โอกาสสับไกด้วยขวาเต็มๆ บอลพุ่งเข้ากรอบแต่คราวนี้ นอยเออร์ ไม่พลาดพุ่งไปปัดทิ้งออกไปได้ทัน ผ่าน 60 นาที เริ่มเป็น “เสือใต้” ที่ครองเกมรุกเข้าใส่ได้มากกว่าชัดเจน
นาที 68 กลับเป็น มาดริด ที่มีโอกาสบุกอีกครั้ง โรนัลโด ซัดฟรีคิกจากนอกกรอบบอลพุ่งข้ามกำแพง แต่ไปเข้าซองของ นอยเออร์ รับไม่ยาก จากนั้น มูรินโญ ต้องเปลี่ยนเอา กาก้า ลงมาทำเกมแทน อังเคล ดิ มาเรีย ที่เริ่มหายไปจากเกม เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายทั้งสองทีมเริ่มเกรงจนทำเกมกันไม่ถนัด ทำให้ยังหาโอกาสเข้าไปจบสกอร์เน้นๆ ไม่ได้เหมือนช่วงต้นเกม
ท้ายเกม บาเยิร์น บุกขึ้นมาทางซ้าย ร็อบเบน เปิดเข้ามาให้ โกเมซ แต่งบอลหนึ่งจังหวะกำลังจะง้างยิง แต่ช้าเกินไป แนวรับปรี่เข้าบล็อกกันทันเวลาทำให้บอลไม่มีน้ำหนักไปเข้าซอง คาซิยาสง่ายๆ เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรเพิ่มไม่ได้ จบ 90 นาที มาดริด ชนะไป 2-1 ประตูรวมสองนัดยังเสมอกันอยู่ที่ 3-3 ต้องแข่งกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษเพื่อหาผู้เข้าชิงชนะเลิศอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษ
กลับมาเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็นเจ้าถิ่นที่กลับมาครองเกมไว้ได้มากกว่า แต่ทั้งสองทีมกลับมาเล่นแบบประคองตัวเป็นส่วนใหญ่ ทาง “เสือใต้” อาศัยเกมริมเส้นโยนเข้าไปให้ โกเมซ ใช้ความใหญ่เบียดโหม่ง แต่ก็ทำอะไรแนวรับ “ราชันชุดขาว” ได้ไม่ถนัด จบการต่อเวลาครึ่งแรกยังทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้
เริ่มครึ่งหลัง เจ้าถิ่นเปลี่ยนเอา กอนซาโล อิกวาอิน ลงมาแทน เบนเซมา หวังใช้ความสดเผด็จศึกให้ได้ ช่วงนาที 115 นอยเออร์ คล้ายว่า จะดึง เอสเตบัน กราเนโร ตัวสำรองของ มาดริด ล้มลงในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินกลับแจกใบเหลืองให้แข้งชาวสเปน ข้อหาที่พุ่งล้ม หมด 120 นาทียังทำอะไรกันไม่ได้ต้องไปดวลลูกโทษหาผู้ชนะ
ผลการดวลลูกจุดโทษปรากฏว่า โรนัลโด และ ริคาโด กาก้า เพชฌฆาตสองคนแรกของ มาดริด พลาดจุดโทษทั้งคู่ ตามหลังอยู่ 0-2 แต่หลังจากนั้น กลับเป็น โครส และ ลาห์ม มาพลาดบ้าง อย่างไรก็ตาม คนที่ 4 ของ รามอส ยิงเหินข้ามคานอย่างไม่น่าเชื่อ และ ชไวน์สไตเกอร์ กลับยิงเข้าไปส่งให้ บาเยิร์น ชนะไป 3-1 ในการดวลจุดโทษได้เข้าชิงชนะเลิศกับ เชลซี ที่บ้านของตัวเอง
รายชื่อตัวจริงของทั้งสองทีม
รีล มาดริด : อิเกร์ คาซิยาส, เซร์จิโอ รามอส, เปเป, มาร์เซโล, อัลวาโร อาร์เบลัว, ซามี เคดิรา, ชาบี อลอนโซ, คริสเตียโน โรนัลโด, อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล, คาริม เบนเซมา
บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, เฌอโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา, ฟิลิปป์ ลาห์ม, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, หลุยส์ กุสตาโว, ฟรองค์ ริเบรี, อาร์เยน ร็อบเบน, มาริโอ โกเมซ, โทนี โครส
