"หลินซานิตี้" ฤากระแสชั่วข้ามคืน?

ASTVผู้จัดการรายวัน - แฟนๆ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) โดยเฉพาะสาวก นิวยอร์ก นิกส์ คงไม่ได้เห็น หลิน ซูเหา หรือ เจเรมี หลิน โลดแล่นบนสังเวียนยัดห่วงอย่างน้อยก็ตลอดช่วงฤดูกาลปกติ เมื่อพอยน์ทการ์ดอเมริกันเชื้อสายไต้หวันตัดสินใจขึ้นเขียงให้แพทย์ลงมีดผ่าตัดบริเวณแผ่นรองกระดูกด้านในหัวเข่าข้างซ้าย ซึ่งอาการบาดเจ็บที่ต้องใช้เวลาพักรักษาตัว 6 สัปดาห์ กลายเป็นประเด็น "ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์" เพราะมันสามารถบ่งชี้อนาคตของ (ว่าที่) ซูเปอร์สตาร์ได้ไม่มากก็น้อย

นับตั้งแต่สร้างกระแสความคลั่งไคล้ "หลินซานิตี้" (Linsanity) มาตลอดสองเดือน เจเรมี หลิน มีอันต้องปิดฉากเรคกูล่า ซีซัน ด้วยผลงานเฉลี่ย 14.6 แต้ม 3.1 รีบาวด์ กับอีก 6.1 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 35 เกมในฤดูกาล 2011/12 หากมองแค่ตัวเลขสถิติไม่น่าแปลกใจที่ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กล้าปรามาสการ์ดจ่ายวัย 23 ปี ทำนองได้รับการยกยอเกินเหตุ ทว่ากำปั้นผู้ทรนงคงปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า "อาหลิน" มีส่วนสำคัญพลิกฟื้นสถานการณ์ให้ นิวยอร์ก นิกส์ จ่อตีตั๋วเข้าเพลย์ออฟเต็มแก่ ถ้าไม่สะดุดขาตัวเองในช่วง 13 เกมสุดท้าย

อาการบาดเจ็บคราวนี้ถือเป็นอุปสรรคที่คอยขัดขวางเส้นทางขาขึ้นของผู้เล่นวัย 23 ปี ไม่น้อย ฤาคำทำนายที่ แกรี กรินเบิร์ก เคยพยากรณ์เกิดแม่นขึ้นมาจริงๆ โดยนักพยากรณ์เกี่ยวกับตัวเลขและนักโหราศาสตร์ชื่อดังในสหรัฐอเมริกา เผยถึงเหตุที่ หลิน ดวงขึ้นเพราะเกิดปีมังกรทอง (ปี 1988) และมาบรรจบครบรอบอีกครั้งในปี 2012 อีกทั้งวันเกิด (23 สิงหาคม) ดันมาตรงกับตรุษจีน 23 มกราคม พอดิบพอดี ซึ่งวันปีใหม่จีนนี้เองที่การ์ดดีกรีเศรษฐศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถูกต้นสังกัดดึงขึ้นมาจาก ดี-ลีก (NBA Development League) อย่างไรก็ตาม กรินเบิร์ก ชี้ชัดว่าความแรงของ "หลินซานิตี้" จะตกลงเมื่อสิ้นสุดเดือนเมษายน ที่สำคัญดวงหนุ่มตี๋รายนี้ไม่ถึงขั้นพุ่งสูงสุดขึ้นเป็นระดับตำนาน NBA แต่อย่างใด

หลังเข้ารับการรักษาต้องมาดูว่า หลิน สามารถฟื้นตัวได้เร็วแค่ไหน โดย ดร.เวลลิงตัน ซู ศัลยแพทย์กระดูก และผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่นอร์ธเวสเทิร์น แสดงทรรศนะกับ "นิวยอร์ก โพสต์" ว่า "จะมีอาการเรื้อรังหรือไม่นั้น ต้องรอดูว่าทีมแพทย์ตรวจพบความเสียหายอื่นใดอีกหรือไม่ ถ้าเป็นแค่การฉีก คุณกลับไปลุยศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล ได้ภายใน2-4 สัปดาห์ ซึ่งผมคิดว่าบรรดาผู้เล่นเอ็นบีเอ ก็น่าจะคืนสนามได้ในเวลาใกล้เคียงกัน"

หากสมมุติฐานของ ดร.ซู ตรงตามหลักทฤษฎี นั่นหมายความว่า หลิน มีโอกาสช่วยนิกส์ ทำศึกช่วงโพสต์ซีซัน ในเมื่อฤดูกาลปกติมีคิวปิดฉากวันที่ 27 เมษายน มีเวลาอีกสักอาทิตย์ให้เร่งฟิตก่อนประลองฝีมือ เดอร์ริค โรส ดีกรีผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ซีซันก่อน และพลพรรค "กระทิงเปลี่ยว" ชิคาโก บูลส์ เต็งหนึ่งของสายตะวันออก เกิดได้ฉายฟอร์มบนเวทีใหญ่อย่างเพลย์ออฟและทำได้ดี เสียงเชียร์ของแฟนๆ ในเมดิสัน สแควร์ การ์เดน ย่อมบีบบอร์ดบริหารนิกส์ไปในตัวถึงการต่อสัญญาฉบับใหม่ ค่าจ้างระดับ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 150 ล้านบาท) คงไม่หนีไปไหน โดย แพทริก ริสช์ ของ "ฟอร์บส" นิตยสารจอมจัดอันดับรายงานว่า หลิน ทำให้รายได้ทีมในปีนี้เพิ่มขึ้น 10-20 ล้านเหรียญฯ (ราว 300-600 ล้านบาท) ซึ่ง เดวิด สเติร์น ประธาน NBA ย่อมเห็นดีเป็นแน่ หากผู้เล่นที่มีเลือดแห่งชาวเอเชียยังได้ปักหลักในตลาดใหญ่อย่างมหานครนิวยอร์กต่อไป ในเมื่อ "เจ-หลิน" ช่วยขายสินค้าต่างๆ สร้างกำไรให้ลีกถึง 80 ล้านเหรียญฯ (2.4 พันล้านบาท)

แต่ในทางตรงกันข้ามหาก หลิน ไม่สามารถเค้นฟิตกลับมาฉายฟอร์มทิ้งทวน ซ้ำร้ายอาการบาดเจ็บที่เข่าเกิดเรื้อรังขึ้นมา ด้วยวิถีทางแห่งมืออาชีพ นิกส์ อาจต้องมองหาสิทธิดราฟท์ที่จะได้มาจากการแลกเปลี่ยน "รีสตริก ฟรีเอเยนต์" (ผู้เล่นฟรีเอเยนต์ที่ย้ายทีมได้แบบมีเงื่อนไข) แล้วหันไปทุ่มกระชาก สตีฟ แนช การ์ดจอมเก๋าชาวแคนาเดียนมาจาก ฟีนิกซ์ ซันส์ เพื่อเขยิบโอกาสก้าวขึ้นไปลุ้น "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" ส่วน "เจ-หลิน" การสืบทายาท เหยา หมิง ต้องใช้ระยะเวลาอีกนานพอสมควร ที่สำคัญถ้าอนาคตของเขาไม่ได้อยู่ภายใต้ยูนิฟอร์ม "น้ำเงิน-ส้ม" โชคชะตาของตี๋ฮอตรายนี้จะดำเนินไปในทิศทางใดคงต้องรอดูกันต่อไป