สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) กำชับ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ว่า ให้เร่งสร้างสนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา หนองจอก เพื่อส่งมอบภายในช่วงต้นเดือนตุลาคมก่อนเข้าไปวางระบบการจัดการภายในสนามให้เรียบร้อยในขั้นสุดท้าย พร้อมย้ำว่า ต้องเน้นให้การจัดการแข่งขันมีมาตรฐานสูงสุด
หลังจาก ฟีฟ่า ส่งตัวแทนมายังเมืองไทย เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ระหว่างวันที่ 27-30 มีนาคม พ.ศ.2555 ล่าสุด ไฮเม ยาร์ซา ผู้อำนวยการฝ่ายฟุตซอล และ บีช ซอคเกอร์ ของ ฟีฟ่า ในฐานะตัวแทนคณะตรวจสอบได้แถลงผลการตรวจตลอด 4 วันที่ผ่านมา ร่วมกับ “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ เกษม ชนะวงศ์ ผู้ประสานงานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012
โดย ไฮเม ยาร์ซา กล่าวสรุปว่า “ขอบคุณฝ่ายจัดการแข่งขันที่ให้ความร่วมมือในการเดินทางมาตรวจความพร้อมครั้งนี้ ซึ่งฟุตซอลโลก 2012 ระหว่างวันที่ 1-18 พฤศจิกายนนี้ เป็นครั้งแรกที่มีทีมเข้าร่วมแข่งขันมากที่สุดถึง 24 ทีม ดังนั้น เราจึงต้องการให้การจัดการแข่งขันมีมาตรฐานสูงสุด”
“หลังจากลงพื้นที่ตรวจสนาม 3 แห่ง อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก นั้น คืบหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่า น่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน ส่วนอาคารนิมิบุตร เหลือปรับปรุงพื้นสนามที่ตอนนี้ยังเป็นพื้นไม้ ซึ่งน่าจะเสร็จสิ้นในช่วงกลางเดือนเมษายน แต่สิ่งที่เรากังวลมากที่สุด คือ สนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา หนองจอก ซึ่งแม้จะดูแบบแล้วคิดว่าคงเป็นสนามฟุตซอลที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แต่ก็อยากฝากให้ กรุงเทพมหานคร, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันเร่งติดตามเพื่อให้การก่อสร้างสนามเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 12 ตุลาคม ที่กำหนดไว้ โดยเราต้องการให้แล้วเสร็จและส่งมอบสนามภายในช่วงต้นเดือนตุลาคม เพื่อที่จะได้เข้าไปจัดการวางระบบต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการจัดการแข่งขัน ซึ่งก่อนหน้านั้นเราหวังว่าสนามที่หนองจอกจะเป็นรูปเป็นร่างให้เราเข้าไปจัดการในสนามเบื้องต้นได้ในช่วง 3 เดือนก่อนการแข่งขัน”
ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยและการคมนาคมในช่วงระหว่างการแข่งขันฟุตซอลโลก 2012 ไฮเม ยาร์ซา ไม่แสดงความหนักใจ โดยบอกว่า “จากที่ผมเคยมาเยือนเมืองไทย คิดว่า เป็นประเทศที่มีความสงบเรียบร้อย ประชากรมีระเบียบในการใช้ชีวิต ดังนั้น จึงไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ส่วนเรื่องการเดินทางไปยังสนามหนองจอก แม้จะอยู่ห่างจากใจกลางเมือง แต่ผมเชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก กรุงเทพมหานคร, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) และระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ซึ่งน่าจะทำให้มีผู้ชมเข้ามาติดตามการแข่งขันที่สนามเกือบเต็มความจุในทุกๆ นัด”
ทั้งนี้ ฟีฟ่า ยืนยันว่า ฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ จะมีการถ่ายทอดสดไปยัง 180 ประเทศทั่วโลก ดังนั้น จึงฝากให้ประเทศไทยทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพที่ดีอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นหน้าตาของประเทศชาติ และร่วมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษาด้วย ขณะเดียวกัน ไฮเม ยาร์ซา ยังทราบว่า “น้องไปป์” ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ลูกชายของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยชื่นชอบ และมีความสามารถในการเล่นฟุตซอลด้วย ซึ่งเบื้องต้นอาจมีการเสนอให้คณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขัน ดึง “น้องไปป์” มาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อร่วมรณรงค์ปลุกกระแสการแข่งขันด้วย
อนึ่ง ฟีฟ่า จะเดินทางมาตรวจความพร้อมครั้งต่อไปในระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคมนี้ โดยเน้นไปที่การตรวจสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา เป็นหลัก รวมทั้งอาจแวะไปสำรวจความคืบหน้าของสนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา หนองจอก, อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก และ อาคารนิมิบุตร ด้วย
หลังจาก ฟีฟ่า ส่งตัวแทนมายังเมืองไทย เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ระหว่างวันที่ 27-30 มีนาคม พ.ศ.2555 ล่าสุด ไฮเม ยาร์ซา ผู้อำนวยการฝ่ายฟุตซอล และ บีช ซอคเกอร์ ของ ฟีฟ่า ในฐานะตัวแทนคณะตรวจสอบได้แถลงผลการตรวจตลอด 4 วันที่ผ่านมา ร่วมกับ “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ เกษม ชนะวงศ์ ผู้ประสานงานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012
โดย ไฮเม ยาร์ซา กล่าวสรุปว่า “ขอบคุณฝ่ายจัดการแข่งขันที่ให้ความร่วมมือในการเดินทางมาตรวจความพร้อมครั้งนี้ ซึ่งฟุตซอลโลก 2012 ระหว่างวันที่ 1-18 พฤศจิกายนนี้ เป็นครั้งแรกที่มีทีมเข้าร่วมแข่งขันมากที่สุดถึง 24 ทีม ดังนั้น เราจึงต้องการให้การจัดการแข่งขันมีมาตรฐานสูงสุด”
“หลังจากลงพื้นที่ตรวจสนาม 3 แห่ง อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก นั้น คืบหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่า น่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน ส่วนอาคารนิมิบุตร เหลือปรับปรุงพื้นสนามที่ตอนนี้ยังเป็นพื้นไม้ ซึ่งน่าจะเสร็จสิ้นในช่วงกลางเดือนเมษายน แต่สิ่งที่เรากังวลมากที่สุด คือ สนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา หนองจอก ซึ่งแม้จะดูแบบแล้วคิดว่าคงเป็นสนามฟุตซอลที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แต่ก็อยากฝากให้ กรุงเทพมหานคร, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันเร่งติดตามเพื่อให้การก่อสร้างสนามเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 12 ตุลาคม ที่กำหนดไว้ โดยเราต้องการให้แล้วเสร็จและส่งมอบสนามภายในช่วงต้นเดือนตุลาคม เพื่อที่จะได้เข้าไปจัดการวางระบบต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการจัดการแข่งขัน ซึ่งก่อนหน้านั้นเราหวังว่าสนามที่หนองจอกจะเป็นรูปเป็นร่างให้เราเข้าไปจัดการในสนามเบื้องต้นได้ในช่วง 3 เดือนก่อนการแข่งขัน”
ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยและการคมนาคมในช่วงระหว่างการแข่งขันฟุตซอลโลก 2012 ไฮเม ยาร์ซา ไม่แสดงความหนักใจ โดยบอกว่า “จากที่ผมเคยมาเยือนเมืองไทย คิดว่า เป็นประเทศที่มีความสงบเรียบร้อย ประชากรมีระเบียบในการใช้ชีวิต ดังนั้น จึงไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ส่วนเรื่องการเดินทางไปยังสนามหนองจอก แม้จะอยู่ห่างจากใจกลางเมือง แต่ผมเชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก กรุงเทพมหานคร, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) และระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ซึ่งน่าจะทำให้มีผู้ชมเข้ามาติดตามการแข่งขันที่สนามเกือบเต็มความจุในทุกๆ นัด”
ทั้งนี้ ฟีฟ่า ยืนยันว่า ฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ จะมีการถ่ายทอดสดไปยัง 180 ประเทศทั่วโลก ดังนั้น จึงฝากให้ประเทศไทยทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพที่ดีอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นหน้าตาของประเทศชาติ และร่วมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษาด้วย ขณะเดียวกัน ไฮเม ยาร์ซา ยังทราบว่า “น้องไปป์” ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ลูกชายของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยชื่นชอบ และมีความสามารถในการเล่นฟุตซอลด้วย ซึ่งเบื้องต้นอาจมีการเสนอให้คณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขัน ดึง “น้องไปป์” มาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อร่วมรณรงค์ปลุกกระแสการแข่งขันด้วย
อนึ่ง ฟีฟ่า จะเดินทางมาตรวจความพร้อมครั้งต่อไปในระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคมนี้ โดยเน้นไปที่การตรวจสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา เป็นหลัก รวมทั้งอาจแวะไปสำรวจความคืบหน้าของสนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา หนองจอก, อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก และ อาคารนิมิบุตร ด้วย