คอลัมน์ "สุดฟากสนาม" โดย "นกฟินิกซ์"
ความพยายามของ แบรด กิลเบิร์ต ในการดึง อังเดร อากัสซี่ ให้กลับคืนสู่คอร์ตการแข่งขันดูเหมือนจะสัมฤทธิ์ผลหลังจากที่ นักเทนนิสหนุ่มมีอาการงอแงในช่วงแรก แต่หลังการพักฟื้นและบำบัดจนอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่เริ่มดีขึ้นขนาดที่สามารถลงซ้อมเบาๆในคอร์ตหลังบ้านพักของ แบรด ที่ ซานฟรานซิสโก ช่วงเวลาดังกล่าวเหมือนอังเดร จะเริ่มรู้สึกตัวเองได้ว่าเขากำลังจะกลับเข้าสู่ร่างกายที่สมบูรณ์ และนั่นทำให้ อังเดร ตัดสินใจโทรเรียก กิล เรเยส ให้ไปพบกันที่ปารีส เพื่อลงสู่สนามการแข่งขันบนคอร์ตดิน ที่เจ้าตัวไม่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนเลยในแกรนด์สแลม เฟรนช์โอเพ่น
รอบแรกของการแข่งขัน อังเดร ต้องพบกับนักเทนนิสจากอาเจนติน่าอย่าง ฟรังโก สคิลลารี่ ที่แม้จะไม่ได้เป็นมือวางของรายการแต่ ฟรังโก เรียกได้ว่าเป็นนักเทนนิสที่เชี่ยวชาญบนคอร์ตดินตามสไตล์ของจอมหวดจากละตินอเมริกา และนี่คือคู่แข่งที่แบรด กิลเบิร์ตบอกกับอังเดร ว่าเป็นกระดูกชิ้นโตที่ อังเดร ต้องก้าวข้ามไปเพื่อเข้าสู่รอบที่สอง แต่ดูเหมือนคนที่ลงแข่งจะไม่ได้คิดแบบเดียวกับคนที่นั่งอยู่ในบ็อกซ์วีไอพี
แต่เหมือนจะมีลางบอกเหตุให้อังเดร ต้องยืนระยะอยู่บนสนามแกรนด์สแลม เฟรนช์โอเพ่นไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เมื่อเจ้าตัว ดันลืมหยิบอันเดอร์แวร์ของตนเองมา และทำให้ต้องลงสนามโดยที่ปราการด่านสุดท้ายนั้นว่างเปล่า แม้จะไม่รู้สึกมั่นใจนักในช่วงแรก แต่ด้วยความที่ต้องลงสนามไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่สุดแล้ว อังเดร ก้าวลงสู่คอร์ตดิน ที่มีคนดูกว่าหนึ่งหมื่นหกพันคน และเริ่มการต่อสู้กับ ฟรังโก โดยไม่ได้สวมชุดชั้นใน
ดูเหมือนว่าการต่อสู้โดยที่ไร้ความกดดันจากผลการแข่งขัน พร้อมกับร่างกายที่ไร้อาภรณ์ชิ้นในกลายเป็นสภาพที่ทำให้นักเทนนิสหนุ่มที่ห่างหายฟอร์มเก่งของตนเองมานาน กลับคืนสู่สถานะจอมหวดอีกครั้งและท้ายที่สุดก็สามารถเอาชนะ นักเทนนิสจากอาร์เจนติน่าผู้เชี่ยวชาญคอร์ตดิน อย่าง ฟรังโก ผ่านเข้าสู่รอบสองเฟรนช์โอเพ่นได้สำเร็จ
ในรอบที่สอง อังเดร ต้องพบกับนักเทนนิสเจ้าถิ่นอย่าง อาร์โนลด์ เครมองท์ และหนนี้เจ้าตัวตั้งใจที่จะไม่สวมชุดชั้นในลงสนาม (เหล่านักกีฬามีความเชื่อว่า ถ้าลงสนามครั้งแรกแล้วประสบชัยชนะ ด้วยสภาพเช่นใดในรอบต่อมาก็ยังคงต้องทำตนให้อยู่ในสภาพเช่นนั้นไปจนจบทัวร์นาเมนท์) ซึ่งการต่อสู้ระหว่างคู่นี้เรียกได้ว่ายาวนานถึง 5 เซต และ อังเดร เป็นฝ่ายกำชัยชนะไปในที่สุด โดยที่เครมองท์ มีอาการตะคริวจับในเซตสุดท้าย
สภาพของอังเดร เมื่อกลับโรงแรมหลังจบการแข่งขัน ดินแดงจากโรลังก์ การ์รอส นั้นติดอยู่ตามเนื้อตัวและชุดแข่ง พอแห้งแล้วไม่ต่างอะไรจากเลือดที่เกรอะกรังไปทั้งตัว สภาพเหมือนนักรบที่เพิ่งกลับจากสมรภูมิ และการแข่งขันก็ดำเนินมาถึงรอบที่สาม คู่ต่อสู้ของอังเดร คือ คริส วูดรัฟฟ์ ซึ่ง เคยพบกันมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 1996 ซึ่งอังเดร เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่หนนี้ อากัสซี่ ชนะ และไปด้วยสกอร์สามเซตรวดผ่านเข้าสู่รอบ16 คนสุดท้ายในเฟรนช์ โอเพ่นได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1995 ซึ่งรางวัลแห่งผลงานในครั้งนี้ทำให้เจ้าตัวต้องไปพบกับ อัศวินแห่งคอร์ตดินอย่าง คาร์ลอส โมย่า เจ้าของตำแหน่งแชมป์เมื่อปีที่แล้ว
ความพยายามของ แบรด กิลเบิร์ต ในการดึง อังเดร อากัสซี่ ให้กลับคืนสู่คอร์ตการแข่งขันดูเหมือนจะสัมฤทธิ์ผลหลังจากที่ นักเทนนิสหนุ่มมีอาการงอแงในช่วงแรก แต่หลังการพักฟื้นและบำบัดจนอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่เริ่มดีขึ้นขนาดที่สามารถลงซ้อมเบาๆในคอร์ตหลังบ้านพักของ แบรด ที่ ซานฟรานซิสโก ช่วงเวลาดังกล่าวเหมือนอังเดร จะเริ่มรู้สึกตัวเองได้ว่าเขากำลังจะกลับเข้าสู่ร่างกายที่สมบูรณ์ และนั่นทำให้ อังเดร ตัดสินใจโทรเรียก กิล เรเยส ให้ไปพบกันที่ปารีส เพื่อลงสู่สนามการแข่งขันบนคอร์ตดิน ที่เจ้าตัวไม่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนเลยในแกรนด์สแลม เฟรนช์โอเพ่น
รอบแรกของการแข่งขัน อังเดร ต้องพบกับนักเทนนิสจากอาเจนติน่าอย่าง ฟรังโก สคิลลารี่ ที่แม้จะไม่ได้เป็นมือวางของรายการแต่ ฟรังโก เรียกได้ว่าเป็นนักเทนนิสที่เชี่ยวชาญบนคอร์ตดินตามสไตล์ของจอมหวดจากละตินอเมริกา และนี่คือคู่แข่งที่แบรด กิลเบิร์ตบอกกับอังเดร ว่าเป็นกระดูกชิ้นโตที่ อังเดร ต้องก้าวข้ามไปเพื่อเข้าสู่รอบที่สอง แต่ดูเหมือนคนที่ลงแข่งจะไม่ได้คิดแบบเดียวกับคนที่นั่งอยู่ในบ็อกซ์วีไอพี
แต่เหมือนจะมีลางบอกเหตุให้อังเดร ต้องยืนระยะอยู่บนสนามแกรนด์สแลม เฟรนช์โอเพ่นไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เมื่อเจ้าตัว ดันลืมหยิบอันเดอร์แวร์ของตนเองมา และทำให้ต้องลงสนามโดยที่ปราการด่านสุดท้ายนั้นว่างเปล่า แม้จะไม่รู้สึกมั่นใจนักในช่วงแรก แต่ด้วยความที่ต้องลงสนามไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่สุดแล้ว อังเดร ก้าวลงสู่คอร์ตดิน ที่มีคนดูกว่าหนึ่งหมื่นหกพันคน และเริ่มการต่อสู้กับ ฟรังโก โดยไม่ได้สวมชุดชั้นใน
ดูเหมือนว่าการต่อสู้โดยที่ไร้ความกดดันจากผลการแข่งขัน พร้อมกับร่างกายที่ไร้อาภรณ์ชิ้นในกลายเป็นสภาพที่ทำให้นักเทนนิสหนุ่มที่ห่างหายฟอร์มเก่งของตนเองมานาน กลับคืนสู่สถานะจอมหวดอีกครั้งและท้ายที่สุดก็สามารถเอาชนะ นักเทนนิสจากอาร์เจนติน่าผู้เชี่ยวชาญคอร์ตดิน อย่าง ฟรังโก ผ่านเข้าสู่รอบสองเฟรนช์โอเพ่นได้สำเร็จ
ในรอบที่สอง อังเดร ต้องพบกับนักเทนนิสเจ้าถิ่นอย่าง อาร์โนลด์ เครมองท์ และหนนี้เจ้าตัวตั้งใจที่จะไม่สวมชุดชั้นในลงสนาม (เหล่านักกีฬามีความเชื่อว่า ถ้าลงสนามครั้งแรกแล้วประสบชัยชนะ ด้วยสภาพเช่นใดในรอบต่อมาก็ยังคงต้องทำตนให้อยู่ในสภาพเช่นนั้นไปจนจบทัวร์นาเมนท์) ซึ่งการต่อสู้ระหว่างคู่นี้เรียกได้ว่ายาวนานถึง 5 เซต และ อังเดร เป็นฝ่ายกำชัยชนะไปในที่สุด โดยที่เครมองท์ มีอาการตะคริวจับในเซตสุดท้าย
สภาพของอังเดร เมื่อกลับโรงแรมหลังจบการแข่งขัน ดินแดงจากโรลังก์ การ์รอส นั้นติดอยู่ตามเนื้อตัวและชุดแข่ง พอแห้งแล้วไม่ต่างอะไรจากเลือดที่เกรอะกรังไปทั้งตัว สภาพเหมือนนักรบที่เพิ่งกลับจากสมรภูมิ และการแข่งขันก็ดำเนินมาถึงรอบที่สาม คู่ต่อสู้ของอังเดร คือ คริส วูดรัฟฟ์ ซึ่ง เคยพบกันมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 1996 ซึ่งอังเดร เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่หนนี้ อากัสซี่ ชนะ และไปด้วยสกอร์สามเซตรวดผ่านเข้าสู่รอบ16 คนสุดท้ายในเฟรนช์ โอเพ่นได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1995 ซึ่งรางวัลแห่งผลงานในครั้งนี้ทำให้เจ้าตัวต้องไปพบกับ อัศวินแห่งคอร์ตดินอย่าง คาร์ลอส โมย่า เจ้าของตำแหน่งแชมป์เมื่อปีที่แล้ว
