คอลัมน์สุดฟากสนาม เรื่อง นกฟินิกซ์
การขอโอกาสครั้งที่สองของ อังเดร อากัสซี่เริ่มต้นในช่วงต้นปี 1995 หลังจากฝึกหนักร่วมกับเทรนเนอร์ คู่ใจ กิล เรเยส อดีตนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งของโลกเริ่มต้นชีวิตนักเทนนิสอาชีพรอบที่สองด้วยการแข่งขันในระดับชาเลนเจอร์ รายการสำหรับมือใหม่ที่หวังไต่เต้าเข้าสู่ทัวร์นาเมนท์ระดับเอทีพี กับเงินรางวัลรวมอันน้อยนิดเพียงแค่ 3,500 เหรียญสหรัฐ และแน่นอนว่าจำนวนผู้ชมนั้นน้อยกว่า คนดูการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลในระดับไฮสคูลเสียด้วยซ้ำ
การลงสนามระดับชาเลนเจอร์ ในช่วงวัยที่ผ่านมาแล้วทั้งตำแหน่งนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลก และแชมป์ระดับแกรนด์สแลม ทำให้ชีวิตของอังเดร ต้องหวนคืนสู่สามัญอีกครั้ง เป็นความสามัญที่นักเทนนิสหนุ่มบอกกับตนเองว่า ที่นี่คือคอร์ตเดียวกับที่เขาเคยลงชิงชัยมาแล้วเมื่ออายุ 7 ปี มันคือบรรยากาศที่ อังเดร บอกกับตนเองว่า เขาลืมเลือนไป ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศในห้องพักนักกีฬา อาหาร สำหรับนักเทนนิสก่อนแข่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับ ทัวร์นาเมนท์ในระดับเอทีพี ทัวร์ แต่การเตือนความทรงจำเช่นนี้ดูจะทำให้ อดีตมือหนึ่งโลก ได้รับบทเรียนจากการกระทำที่เขาล้วนเป็นผู้ก่อมันขึ้นทั้งสิ้น
อังเดร ลงสนามแข่งครั้งนั้น เขาถูกจัดให้เป็นมือวางอันดับที่ 141 ของโลก ซึ่งเจ้าตัวรู้ดีว่าเป็นอันดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เทิร์นโปรเข้าสู่การแข่งขันเทนนิส ขณะที่บรรดาผู้สื่อข่าวกีฬาต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่า “นี่คือช่วงตกต่ำที่สุดของ อังเดร อากัสซี่” ขณะที่เจ้าตัวเองไม่ได้สนใจกับคำพูดดังกล่าว หากมุ่งมั่นไปที่ผลการแข่งขันและในที่สุด อากัสซี่ สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ หากสมาธิที่หลุดไปชั่วขณะจากเสียงเยาะเย้ยถากถางรอบข้าง ทำให้อังเดร ต้องพบกับความพ่ายแพ้อีกครั้ง
และความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ได้ทำให้ศรัทธาของ แบรด กิลเบิร์ก ที่มีต่ออังเดร แทบจะสูญสลายไปสิ่งที่ โค้ชคู่ใจพยายามจะบอก และ เตือนอากัสซี่ มาโดยตลอดมิใช่การเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น หรือการฝึกซ้อมอย่างหนัก หากแต่เป็นความรู้สึกในการตีลูก ที่ครั้งหนึ่งอังเดร เคยได้ชื่อว่าเป็นนักเทนนิสที่มีจังหวะการตีที่ดีที่สุดในโลก นั้นได้หายไป ความรู้สึกที่เจ้าตัวใช้เวลาถึง 22 ปี ในการใช้มันก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์แกรนด์สแลม และ มือหนึ่งโลก ถึงเวลานี้เขาใช้เวลาเพียง 2 ปี เพื่อที่จะสูญเสียมันไป
การขอโอกาสครั้งที่สองของ อังเดร อากัสซี่เริ่มต้นในช่วงต้นปี 1995 หลังจากฝึกหนักร่วมกับเทรนเนอร์ คู่ใจ กิล เรเยส อดีตนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งของโลกเริ่มต้นชีวิตนักเทนนิสอาชีพรอบที่สองด้วยการแข่งขันในระดับชาเลนเจอร์ รายการสำหรับมือใหม่ที่หวังไต่เต้าเข้าสู่ทัวร์นาเมนท์ระดับเอทีพี กับเงินรางวัลรวมอันน้อยนิดเพียงแค่ 3,500 เหรียญสหรัฐ และแน่นอนว่าจำนวนผู้ชมนั้นน้อยกว่า คนดูการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลในระดับไฮสคูลเสียด้วยซ้ำ
การลงสนามระดับชาเลนเจอร์ ในช่วงวัยที่ผ่านมาแล้วทั้งตำแหน่งนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลก และแชมป์ระดับแกรนด์สแลม ทำให้ชีวิตของอังเดร ต้องหวนคืนสู่สามัญอีกครั้ง เป็นความสามัญที่นักเทนนิสหนุ่มบอกกับตนเองว่า ที่นี่คือคอร์ตเดียวกับที่เขาเคยลงชิงชัยมาแล้วเมื่ออายุ 7 ปี มันคือบรรยากาศที่ อังเดร บอกกับตนเองว่า เขาลืมเลือนไป ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศในห้องพักนักกีฬา อาหาร สำหรับนักเทนนิสก่อนแข่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับ ทัวร์นาเมนท์ในระดับเอทีพี ทัวร์ แต่การเตือนความทรงจำเช่นนี้ดูจะทำให้ อดีตมือหนึ่งโลก ได้รับบทเรียนจากการกระทำที่เขาล้วนเป็นผู้ก่อมันขึ้นทั้งสิ้น
อังเดร ลงสนามแข่งครั้งนั้น เขาถูกจัดให้เป็นมือวางอันดับที่ 141 ของโลก ซึ่งเจ้าตัวรู้ดีว่าเป็นอันดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เทิร์นโปรเข้าสู่การแข่งขันเทนนิส ขณะที่บรรดาผู้สื่อข่าวกีฬาต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่า “นี่คือช่วงตกต่ำที่สุดของ อังเดร อากัสซี่” ขณะที่เจ้าตัวเองไม่ได้สนใจกับคำพูดดังกล่าว หากมุ่งมั่นไปที่ผลการแข่งขันและในที่สุด อากัสซี่ สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ หากสมาธิที่หลุดไปชั่วขณะจากเสียงเยาะเย้ยถากถางรอบข้าง ทำให้อังเดร ต้องพบกับความพ่ายแพ้อีกครั้ง
และความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ได้ทำให้ศรัทธาของ แบรด กิลเบิร์ก ที่มีต่ออังเดร แทบจะสูญสลายไปสิ่งที่ โค้ชคู่ใจพยายามจะบอก และ เตือนอากัสซี่ มาโดยตลอดมิใช่การเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น หรือการฝึกซ้อมอย่างหนัก หากแต่เป็นความรู้สึกในการตีลูก ที่ครั้งหนึ่งอังเดร เคยได้ชื่อว่าเป็นนักเทนนิสที่มีจังหวะการตีที่ดีที่สุดในโลก นั้นได้หายไป ความรู้สึกที่เจ้าตัวใช้เวลาถึง 22 ปี ในการใช้มันก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์แกรนด์สแลม และ มือหนึ่งโลก ถึงเวลานี้เขาใช้เวลาเพียง 2 ปี เพื่อที่จะสูญเสียมันไป