บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เจ้าของผลิตภัณฑ์ “ช้าง” ประกาศเป็นสปอนเซอร์หลักของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต่อไปอีก 2 ปีพร้อมทั้งเทงบก้อนโตถึง 60 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาฟุตบอลไทยทั้งระบบ ทั้งการสนับสนุนทีมชาติไทยทุกชุดและการพัฒนาเยาวชนในทุกภูมิภาค
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา “ช้าง” จัดงานแถลงข่าวสนับสนุนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้สโลแกน “ไม่ใช่แค่ทีมชาติ แต่เพื่อคนไทยทั้งชาติ” ณ ห้องทับทิมสยาม โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน พระราม 9 ซึ่งถือเป็นการเข้าสู่ปีที่ 10 ของการสนับสนุน โดยครั้งนี้ “ช้าง” ได้เทงบรวมทั้งสิ้น 60 ล้านบาทเป็นเวลา 2 ปี
ด้าน สุรพล อุทินทุ กรรมการบริหารบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด พูดถึงการสนับสนุนสมาคมลูกหนังไทยต่อเนื่องในครั้งนี้ว่า “เราให้การสนับสนุนทีมชาติไทยมาตลอด 9 ปีที่ผ่านมาไม่ว่าผลงานจะเป็นอย่างไรก็ตามตั้งแต่ทีมชุดใหญ่ไล่ไปจนถึงในระดับเยาวชน ซึ่งเราต้องการสร้างความสุขให้คนทั้งชาติจึงให้การสนับสนุนต่อ โดยนอกเหนือจากตัวเงินแล้วยังพร้อมที่จะสนับสนุนทุกกิจกรรมที่ยกระดับมาตรฐานวงการฟุตบอลไทยด้วยการจัดคลินิกฟุตบอลและฟุตซอลสัญจรสำหรับเยาวชนทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กไทยมีพัฒนาการด้านฟุตบอลอย่างถูกต้องไล่ตั้งแต่ระดับ 12-13 ปีเป็นต้นไป”
ทั้งนี้ นายสุรพล ยังเผยอีกว่าอาจนำโครงการ “ช้างไทยไปเอฟเวอร์ตัน” กลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง หลังจากเคยส่งนักเตะเยาวชนฝีเท้าดี อาทิ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย, สมปอง สอเหลบ, รณชัย รังสิโย ไปร่วมฝึกซ้อมกับทีมอะคาเดมีของ เอฟเวอร์ตัน สโมสรดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่ง “ช้าง” ไปเป็นผู้สนับสนุนหลักให้มาแล้ว
ส่วน วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็กล่าวว่า “เราดีใจที่ ช้าง อยู่เคียงข้างมาโดยตลอด ซึ่งทำให้สมาคมฟุตบอลฯ ได้รับการสนับสนุนรวมกับสปอนเซอร์เจ้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ไนกี้, แม็คโดนัลด์, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ยูเมะพลัส และโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี”
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้อาจยังน้อยอยู่เนื่องจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องจ่ายค่าจ้างให้กับโค้ชชาวต่างชาติฝีมือดี 2 คนอย่าง วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ และ วิคเตอร์ เฮอร์มันส์ ประธานพัฒนาเทคนิคฟุตซอลแห่งชาติรวมปีละกว่า 40 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเบี้ยเลี้ยง รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการแข่งขันรายการต่างๆ และการเดินทางไปต่างประเทศอีกด้วย
นอกจากนั้น วรวีร์ พูดถึงการจัดกิจกรรมพัฒนานักเตะเยาวชนภายใต้การสนับสนุนของ “ช้าง” ว่า “ตอนนี้เรากำลังจะมีโปรเจกต์พัฒนาเยาวชนในระดับรากหญ้า คือ การจัดการแข่งขันระดับอะคาเดมีทั้งในประเทศและระดับนานาชาติตั้งแต่รุ่นอายุ 12 ปีเป็นต้นไป”
ท้ายสุด “บังยี” เอ่ยถึง วิคเตอร์ เฮอร์มันส์ โค้ชฟุตซอลชาวฮอลแลนด์ที่เพิ่งเดินทางมาถึงเมืองไทยเมื่อวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า “เขาจะเข้ามาเป็นประธานพัฒนาเทคนิคฟุตซอลแห่งชาติ รวมถึงดูแลเรื่องการคุมทีมฟุตซอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ในการสู้ศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเดือนพฤษภาคมนี้ และฟุตซอลโลกที่เราเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งเราต้องให้เวลาเขาทำงานสักระยะก่อน แต่ก็หวังว่าเขาจะพาทีมเข้ารอบลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ในฟุตซอลโลก ส่วนหน้าที่อื่นๆ ก็คือจะช่วยเข้ามาดูแลฟุตซอลคลินิก เพื่อฝึกสอนทักษะให้กับเยาวชนทั่วประเทศ”