ASTVผู้จัดการรายวัน-กลายเป็นข่าวฮือฮาขึ้นมาอีกครั้งสำหรับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาภายใต้การคุมบังเหียนของนายชุมพล ศิลปอาชา ที่ออกมาประกาศเดินหน้าเต็มสูบในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่งรายการไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ในประเทศไทย อย่างไรก็ดีก็มีคำถามเกิดขึ้นมากมายกับโปรเจคในฝันครั้งนี้ว่าจะออกมาเป็นรูปธรรมได้หรือไม่ โดยเฉพาะความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จะต้องลงทุนไปเกินหลักหมื่นล้านบาท
ย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2010 ครั้งที่บริษัท กระทิงแดง ประเทศไทย ในฐานะบริษัทในเครือทีมแข่งเรดบูลล์ เรซซิง ทีมแชมป์โลกฟอร์มูลา วัน นำรถแข่ง RB6 ของมาร์ค เว็บเบอร์ นักขับชาวออสเตรเลีย มาซิ่งโชว์ต่อหน้าแฟนความเร็วชาวไทยร่วม 1 แสนคนบนถนนราชดำเนิน ถือเป็นการปลุกกระแสเอฟวันฟีเวอร์ครั้งสำคัญ จนมีแฟนเรียกร้องมากมายถึงการจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่งในเมืองไทย
ในช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีการออกข่าวจากภาคเอกชนมากทั้ง สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จํากัด และ บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง ถึงความตั้งใจในการสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบในเมืองไทย แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณจากรัฐบาลมากนัก จวบจนเมื่อช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกแถลงการณ์เดินหน้าเต็มสูบเพื่อผลักดันให้มีการเสนอตัวจัดแข่งเอฟวันในเมืองไทยภายในระยะเวลา 5 ปี
เบื้องต้นนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบหมายให้ นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไปประสานกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาข้อมูลและความเป็นได้ในการร่วมมือของภาครัฐและเอกชนเพื่อเป็นแนวทางในการเดินหน้าเสนอตัวต่อไป
ล่าสุด MGR SPORT ได้รับการเปิดเผยจาก "บิ๊กหนุ่ม" นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ที่เพิ่งจะเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า "การเดินทางไปประเทศอังกฤษในครั้งนี้ของผมนอกจากไปปฏิบัติภารกิจของ กกท.แล้ว ยังมีโอกาสได้เข้าพูดคุยกับคุณเฉลิม อยู่วิทยา ประธานบริษัทเรด บูล คอมปานี ลิมิเต็ด กรุงลอนดอน ในฐานะผู้บริหารเครื่องดื่มกระทิงแดง ถึงความร่วมมือในการเสนอตัวจัดเอฟวันในบ้านเรา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีและมีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว"
พร้อมกันนี้ MGR SPORT ยังได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย ถึงรายละเอียดเบื้องต้นของแผนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเอฟวัน โดยมีรายละเอียดว่าไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ จะใช้รูปแบบการแข่งขันแบบเซอร์กิต ซึ่งจะมีการสร้างสนามแข่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด และได้ล็อกเป้าพื้นที่แทร็กแห่งใหม่ไว้เป็นที่เรียบร้อยว่าเป็นพื้นที่ของ กกท.ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี
จากการเปิดเผยดังกล่าว ทำให้นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคนแรกของไทย ในฐานะประธานราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยฯ (ร.ย.ส.ท.) ได้แสดงความคิดเห็นผ่าน MGR SPORT เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า "ในฐานะคนที่อยู่ในวงการแข่งรถเมืองไทยย่อมต้องการที่จะเห็นเมืองไทยของเราเป็นเจ้าภาพเอฟวัน ซึ่งเสมือนเป็นการแข่งขันรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่สุดในโลก"
"แต่กระนั้นผมเองในฐานะร.ย.ส.ท. ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนของของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ) ในบ้านเรา รู้ดีว่าการที่เราจะก้าวไปถึงจุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการเจรจากับฝ่ายสิทธิประโยชน์ของเบอร์นี เอคเคิลสโตน ซึ่งแม้ที่ผ่านมาฌอง ท็อดด์ (ประธานเอฟไอเอ) จะเคยเดินทางมาเมืองไทยหลายครั้ง แต่เขาไม่ได้มีหน้าที่ในเรื่องนี้ เนื่องจากอำนาจทุกอย่างอยู่กับเอคเคิลสโตน" นายสนธยาร่ายยาว
พร้อมกันนี้ "บิ๊กแป๊ะ" ยังอธิบายขั้นตอนของการเสนอตัวจัดแข่งเอฟวันว่า "จากข่าวที่ไทยเราเตรียมสร้างสนามแข่งนั้น ผมมองว่าอาจเป็นขั้นตอนที่รวดเร็วเกินไป เพราะตามกฎของเอฟวันระบุไว้ชัดเจนว่า หากชาติได้รับไฟเขียวให้เป็นเจ้าภาพ กระบวนการและขั้นตอนที่ตามมานั้นต้องเป็นไปตามแนวทางของฝ่ายสิทธิประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบและการสร้างสนามที่ปกติแล้วจะมีเฮอร์มัน ทิงเก สถาปนิกชาวเยอรมัน ที่รับหน้านี้ และที่สำคัญงบประมาณเฉพาะขั้นตอนที่จะเข้าไปเจรจากับเจ้าพ่อเอฟวัน (เอคเคิลสโตน) นั้นเท่าที่ทราบมาก็สูงลิบทะลุหลัก 1 พันล้านบาท และหากจะเดินหน้าต่อก็ต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านเลยทีเดียว"
ถึงเวลานี้ คงต้องจับตาดูว่านโยบายสุดหรู "เอฟวัน อิน ไทยแลนด์" ของกระทรวงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายตามที่เจ้ากระทรวงวาดฝันไว้หรือไม่ รวมถึงตั้งคำถามกลับไปว่าผลประโยชน์ในเรื่องของการท่องเที่ยวในช่วงเวลาจัดการแข่งขันที่วางเป้าเอาไว้ จะคุ้มค่ากับเงินกว่าหมื่นล้านที่ลงทุนไปหรือไม่ เพราะจากข้อมูลล่าสุดที่ MGR SPORT ได้รับจากผู้บริหารสนามเซปัง เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย บ่งบอกชัดเจนว่าไม่มีชาติไหนที่ได้กำไรจากการขายบัตรผ่านประตูในฐานะเจ้าภาพเอฟวันแม้แต่เจ้าเดียว
