นิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสรฟุตบอลสงขลา โวยแหลกว่าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนและตัดสินใจโดยเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับวงการกีฬา หลังมีการพิจารณาในเบื้องต้นว่า “วัวชนแดนใต้” ไม่สามารถสวมสิทธิ์ของ บุรีรัมย์ เอฟซี ขึ้นไปเล่นไทยพรีเมียร์ลีกได้ พร้อมทั้งขู่ฟ้องศาลหากยังไม่ได้รับความเป็นธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ.2555 เวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา มีการประชุมสภากรรมการของสมาคมฟุตบอลฯ ที่สนามศุภชลาศัย เพื่อหาข้อสรุปของกรณีที่เป็นปัญหาถกเถียงต่างๆ ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมก็มีการแถลงข่าวว่า สงขลา ทีมอันดับ 5 ของศึกดิวิชัน 1 ไม่สามารถโอนสิทธิ์เล่นในฟุตบอลสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2012 มาจาก บุรีรัมย์ เอฟซี แชมป์ดิวิชัน 1 ที่เตรียมไปรวมกับ บุรีรัมย์ พีอีเอ เป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ เนื่องจาก บุรีรัมย์ เอฟซี เป็นทีมที่มาจากลีกภูมิภาคซึ่งมีกฎห้ามย้ายถิ่นฐาน
โดยนายวีระ คำมี ประธานฝ่ายกฎหมายของสมาคมฟุตบอลฯ ชี้แจงว่า “นักรบลาวาเพลิง” สามารถขายหุ้นให้ “วัวชนแดนใต้” ได้ในฐานะนิติบุคคล แต่ “นักรบลาวาเพลิง” ยังมีสถานะเป็นทีมที่มาจากลีกภูมิภาค ทำให้ไม่สามารถย้ายไปเล่นในจังหวัดอื่นได้ ซึ่งหากบอร์ดบริหารของ “วัวชนแดนใต้” ที่ซื้อหุ้นมาครบ 100 เปอร์เซ็นต์จะเข้ามาบริหารทีมต่อก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องใช้สนามเหย้าที่บุรีรัมย์เท่านั้น ถ้ายอมรับเงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้ก็จะให้ ปตท.ระยอง ทีมอันดับ 4 ของดิวิชัน 1 ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีกแทน ขณะที่ สมุทรปราการ ศุลกากร ทีมสุดท้ายที่จะตกชั้นสู่ดิวิชัน 2 จะได้เล่นในดิวิชัน 1 ต่อไปในซีซันหน้า
ผู้สื่อข่าว MGR Sport จึงสอบถามไปยัง นิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสรสงขลาภายหลังทราบผลการพิจารณาก่อนได้รับคำตอบว่า “ผมไม่แปลกใจว่าทำไมระยะหลังฟุตบอลไทยถึงได้วนเวียนอยู่กับความตกต่ำมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติไทยตกรอบแรกในซีเกมส์ 2 สมัยซ้อน หรือ คิงส์คัพ ที่จัดแล้วคนดูน้อยกว่าฟุตบอล อบต. การที่สมาคมฯ ตัดสินออกมาแบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีหลายมาตรฐาน ขึ้นอยู่กับความพอใจหรือมีใครขอมา ทีทีเอ็ม สามารถย้ายไปเชียงใหม่ได้ ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ก็ทำเรื่องขอย้ายไปเล่นที่ อุบลราชธานี พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น อีสาน ยูไนเต็ด ได้ แต่ สงขลา ที่โอนหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์จาก บุรีรัมย์ มาแล้วทำไมถึงทำไม่ได้”
นิพนธ์ ซึ่งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปแบบหัวเสียว่า “การที่ บุรีรัมย์ เอฟซี โอนหุ้นให้กับ สงขลา เพราะต้องการลบข้อครหาที่ว่า 2 ทีมจากจังหวัดเดียวกันจะสมยอมกัน และสงขลา เองก็มีความพร้อมที่จะเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสนามหรือฐานแฟนบอล รวมทั้งดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎของไทยพรีเมียร์ลีกและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่สุดท้ายสมาคมฯ ก็ตัดสินโดยที่เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง บางทีอาจเป็นเพราะผมและคุณเนวิน ชิดชอบ อยู่ในพรรคฝ่ายค้านจึงตัดสินแบบนี้ ขณะที่ ทีทีเอ็ม และ ศรีสะเกษ ทำได้อาจเป็นเพราะอยู่ในขั้วการเมืองเดียวกัน ซึ่งวันจันทร์นี้ (30 มกราคม) สโมสรจะประชุมหาทางออกกันอีกครั้ง โดยอาจจะแจ้งขอเปลี่ยนชื่อทีมและย้ายสนามดูบ้าง ถ้ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมอีกก็คงต้องไปว่ากันในชั้นศาล”
เมื่อวันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ.2555 เวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา มีการประชุมสภากรรมการของสมาคมฟุตบอลฯ ที่สนามศุภชลาศัย เพื่อหาข้อสรุปของกรณีที่เป็นปัญหาถกเถียงต่างๆ ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมก็มีการแถลงข่าวว่า สงขลา ทีมอันดับ 5 ของศึกดิวิชัน 1 ไม่สามารถโอนสิทธิ์เล่นในฟุตบอลสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2012 มาจาก บุรีรัมย์ เอฟซี แชมป์ดิวิชัน 1 ที่เตรียมไปรวมกับ บุรีรัมย์ พีอีเอ เป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ เนื่องจาก บุรีรัมย์ เอฟซี เป็นทีมที่มาจากลีกภูมิภาคซึ่งมีกฎห้ามย้ายถิ่นฐาน
โดยนายวีระ คำมี ประธานฝ่ายกฎหมายของสมาคมฟุตบอลฯ ชี้แจงว่า “นักรบลาวาเพลิง” สามารถขายหุ้นให้ “วัวชนแดนใต้” ได้ในฐานะนิติบุคคล แต่ “นักรบลาวาเพลิง” ยังมีสถานะเป็นทีมที่มาจากลีกภูมิภาค ทำให้ไม่สามารถย้ายไปเล่นในจังหวัดอื่นได้ ซึ่งหากบอร์ดบริหารของ “วัวชนแดนใต้” ที่ซื้อหุ้นมาครบ 100 เปอร์เซ็นต์จะเข้ามาบริหารทีมต่อก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องใช้สนามเหย้าที่บุรีรัมย์เท่านั้น ถ้ายอมรับเงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้ก็จะให้ ปตท.ระยอง ทีมอันดับ 4 ของดิวิชัน 1 ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีกแทน ขณะที่ สมุทรปราการ ศุลกากร ทีมสุดท้ายที่จะตกชั้นสู่ดิวิชัน 2 จะได้เล่นในดิวิชัน 1 ต่อไปในซีซันหน้า
ผู้สื่อข่าว MGR Sport จึงสอบถามไปยัง นิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสรสงขลาภายหลังทราบผลการพิจารณาก่อนได้รับคำตอบว่า “ผมไม่แปลกใจว่าทำไมระยะหลังฟุตบอลไทยถึงได้วนเวียนอยู่กับความตกต่ำมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติไทยตกรอบแรกในซีเกมส์ 2 สมัยซ้อน หรือ คิงส์คัพ ที่จัดแล้วคนดูน้อยกว่าฟุตบอล อบต. การที่สมาคมฯ ตัดสินออกมาแบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีหลายมาตรฐาน ขึ้นอยู่กับความพอใจหรือมีใครขอมา ทีทีเอ็ม สามารถย้ายไปเชียงใหม่ได้ ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ก็ทำเรื่องขอย้ายไปเล่นที่ อุบลราชธานี พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น อีสาน ยูไนเต็ด ได้ แต่ สงขลา ที่โอนหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์จาก บุรีรัมย์ มาแล้วทำไมถึงทำไม่ได้”
นิพนธ์ ซึ่งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปแบบหัวเสียว่า “การที่ บุรีรัมย์ เอฟซี โอนหุ้นให้กับ สงขลา เพราะต้องการลบข้อครหาที่ว่า 2 ทีมจากจังหวัดเดียวกันจะสมยอมกัน และสงขลา เองก็มีความพร้อมที่จะเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสนามหรือฐานแฟนบอล รวมทั้งดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎของไทยพรีเมียร์ลีกและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่สุดท้ายสมาคมฯ ก็ตัดสินโดยที่เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง บางทีอาจเป็นเพราะผมและคุณเนวิน ชิดชอบ อยู่ในพรรคฝ่ายค้านจึงตัดสินแบบนี้ ขณะที่ ทีทีเอ็ม และ ศรีสะเกษ ทำได้อาจเป็นเพราะอยู่ในขั้วการเมืองเดียวกัน ซึ่งวันจันทร์นี้ (30 มกราคม) สโมสรจะประชุมหาทางออกกันอีกครั้ง โดยอาจจะแจ้งขอเปลี่ยนชื่อทีมและย้ายสนามดูบ้าง ถ้ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมอีกก็คงต้องไปว่ากันในชั้นศาล”