"บิ๊กโต้ง" กิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้นั่งแท่นผู้จัดการทีมฟุตบอลไทยและประธานเตรียมทีมสู้ศึกซีเกมส์ที่เมียนมาร์ ปลายปีหน้าสมใจอยาก หลังจาก "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดไฟเขียวให้เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ส่งสัญญาณมายังสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย สำหรับการขันอาสากู้วิกฤติฟุตบอลชายไทยในซีเกมส์ ให้กลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังตกรอบแรก 2 สมัยติด ล่าสุดในงานมีทเดอะเพรส ของสมาคมนักข่าวและช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ภายในสนามกีฬาแห่งชาติ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม 2555 นายวรวีร์ มะกูดี ตอบรับความประสงค์ของ "บิ๊กโต้ง" กันไป
โดย นายกิตติรัตน์ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมและประธานการเตรียมทีมฟุตบอลเพื่อสู้ศึกกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 เมืองเนปิดอว์ ในปีหน้า ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่า "บิ๊กโต้ง" สนใจทาบทาม "เดอะเซนต์" อรรณพ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทั่วไป "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี รองแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 รวมถึง "จูเนียร์" วัชร วัชรพล ทายาทหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ "ไทยรัฐ" มาช่วยงานกัน อีกทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังจะช่วยดูแลทีมชาติไทยชุดยู 22 ปี ด้วย
นอกจากนี้ "บังยี" ยังเปิดเผยถึงความพึงพอใจในการจัดฟุตบอลไทยลีกประจำปี 2011 ว่า "ฤดูกาลที่แล้วถือว่าดีในระดับหนึ่ง โดยลีกไทยกำลังเริ่มต้นพัฒนา จึงต้องปรับเปลี่ยนกฎไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ยังต้องฟังเสียงจากสโมสรสมาชิก คาดว่าทุกอย่างจะลงตัวในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะเรื่องกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ส่วนภาพรวมเรื่องข้อผิดพลาดของผู้ตัดสิน หากวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ถือว่าผิดพลาดเท่าใดนัก"
นอกจากนี้ ประมุขลูกหนังไทยยังชี้แจงว่าสมาคมฯ ได้รับจดหมายขอเปลี่ยนชื่อสโมสรจากทาง บุรีรัมย์ พีอีเอ ขณะที่ สงขลา เอฟซี ที่จะรวมกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังไม่ได้รับทราบเป็นลายลักษณ์อักษร "ตอนนี้หนังสือขอเปลี่ยนชื่อสโมสรจาก บุรีรัมย์ พีอีเอ เป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่งมาถึงสมาคมฯ เรียบร้อยแล้ว โดยเรายังรอหนังสือยืนยันของ สงขลา เอฟซี ในการผนวกรวมกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งคาดว่าภายในศุกร์หน้าน่าจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการ"
ส่วนประเด็นการรับแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 ของบุรีรัมย์ พีอีเอ "บังยี" ให้ทาง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เป็นผู้ชี้แจงว่า "เรื่องมอบโทรฟีแชมป์ให้ บุรีรัมย์ พีอีเอ จะมีขึ้นที่สนามแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย วันที่ 28 มกราคมนี้แน่นอน ถึงแม้มีข่าวว่า คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรไม่ต้องการเดินทางมารับแชมป์ แต่เชื่อว่านักเตะในสนามน่าจะมีใครที่ขึ้นมารับแชมป์แทน ทั้งนี้ผมหวังว่าผู้บริหารของบุรีรัมย์จะแสดงสปิริตขึ้นมารับถ้วยเกียรติยศ ขณะที่ ดิวิชัน 1 บุรีรัมย์ เอฟซี จะรับแชมป์กันในวันที่ 26 มกราคม"
"ขณะที่รายละเอียดของไทยพรีเมียร์ลีก ในส่วนของโปรแกรม ผมขอยืนยันว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนให้วุ่นวาย เราจะมีการจับสลากโปรแกรมรวมถึงดิวิชัน 1 กันที่โรงแรมโกลเดน ทิวลิป ซอฟเฟอรีน วันที่ 31 มกราคมนี้ แต่ฤดูกาลหน้าคงต้องโยกโปรแกรมมาเตะนัดกลางสัปดาห์มากขึ้น ส่วนเรื่องการกำหนดกฎเกณฑ์การลงโทษ วันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ เราจะประชุมหารือเพื่อให้ได้บทสรุปว่ากรณีไหนควรรับโทษมากน้อยเพียงใด" ดร.วิชิต ทิ้งท้าย
ด้าน พลตรีชินเสน ทองโกมล ประธานคณะกรรมการการแต่งตั้งและติดตามผลประเมินผู้ตัดสิน กล่าวเช่นกันเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของเชิ้ตดำในซีซันที่ผ่านมา "เราคงต้องมีการเพิ่มผู้ตัดสินจาก 100 คนเป็น 120-130 คน หลังจากมีเรื่องการแบ่งขั้วผู้ตัดสินเกิดขึน ซึ่งผมพอทราบแล้วว่ามีใครบ้าง จึงอยากพูดไว้ตรงนี้ว่าถ้าใครไม่ต้องการทำงาน หรือไม่เต็มใจ คงต้องแยกกันไป แต่ผมจะพยายามหาคนฝีมือดีมาร่วมงานกันต่อไป อีกทั้งผมจะเพิ่มบุคลากรที่จะเข้ามาพัฒนาอบรมผู้ตัดสินอีกสัก 30-40 คนด้วย"
สุดท้าย ร้อยตำรวจโท เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กรรมผู้จัดการสปอร์ตฮีโร่ จำกัด ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก เปิดเผยถึงความพึงพอใจที่ "สปอนเซอร์" มีต่อฟุตบอลลีกอาชีพของไทย "ทางผู้บริหารพอใจเป็นอย่างยิ่งกับกระแสตอบรับ โดยเราอยากเห็นไทยลีกก้าวหน้าไปอย่างมีมาตรฐาน ซึ่งเราพร้อมให้การช่วยเหลือในทุกภาคส่วน เร็วๆ นี้น่าจะมีข่าวดีถึงการเซ็นสัญญาสนับสนุนกันต่ออีกสัก 3-5 ปี"
หลังจากที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ส่งสัญญาณมายังสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย สำหรับการขันอาสากู้วิกฤติฟุตบอลชายไทยในซีเกมส์ ให้กลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังตกรอบแรก 2 สมัยติด ล่าสุดในงานมีทเดอะเพรส ของสมาคมนักข่าวและช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ภายในสนามกีฬาแห่งชาติ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม 2555 นายวรวีร์ มะกูดี ตอบรับความประสงค์ของ "บิ๊กโต้ง" กันไป
โดย นายกิตติรัตน์ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมและประธานการเตรียมทีมฟุตบอลเพื่อสู้ศึกกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 เมืองเนปิดอว์ ในปีหน้า ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่า "บิ๊กโต้ง" สนใจทาบทาม "เดอะเซนต์" อรรณพ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทั่วไป "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี รองแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 รวมถึง "จูเนียร์" วัชร วัชรพล ทายาทหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ "ไทยรัฐ" มาช่วยงานกัน อีกทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังจะช่วยดูแลทีมชาติไทยชุดยู 22 ปี ด้วย
นอกจากนี้ "บังยี" ยังเปิดเผยถึงความพึงพอใจในการจัดฟุตบอลไทยลีกประจำปี 2011 ว่า "ฤดูกาลที่แล้วถือว่าดีในระดับหนึ่ง โดยลีกไทยกำลังเริ่มต้นพัฒนา จึงต้องปรับเปลี่ยนกฎไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ยังต้องฟังเสียงจากสโมสรสมาชิก คาดว่าทุกอย่างจะลงตัวในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะเรื่องกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ส่วนภาพรวมเรื่องข้อผิดพลาดของผู้ตัดสิน หากวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ถือว่าผิดพลาดเท่าใดนัก"
นอกจากนี้ ประมุขลูกหนังไทยยังชี้แจงว่าสมาคมฯ ได้รับจดหมายขอเปลี่ยนชื่อสโมสรจากทาง บุรีรัมย์ พีอีเอ ขณะที่ สงขลา เอฟซี ที่จะรวมกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังไม่ได้รับทราบเป็นลายลักษณ์อักษร "ตอนนี้หนังสือขอเปลี่ยนชื่อสโมสรจาก บุรีรัมย์ พีอีเอ เป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่งมาถึงสมาคมฯ เรียบร้อยแล้ว โดยเรายังรอหนังสือยืนยันของ สงขลา เอฟซี ในการผนวกรวมกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งคาดว่าภายในศุกร์หน้าน่าจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการ"
ส่วนประเด็นการรับแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 ของบุรีรัมย์ พีอีเอ "บังยี" ให้ทาง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เป็นผู้ชี้แจงว่า "เรื่องมอบโทรฟีแชมป์ให้ บุรีรัมย์ พีอีเอ จะมีขึ้นที่สนามแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย วันที่ 28 มกราคมนี้แน่นอน ถึงแม้มีข่าวว่า คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรไม่ต้องการเดินทางมารับแชมป์ แต่เชื่อว่านักเตะในสนามน่าจะมีใครที่ขึ้นมารับแชมป์แทน ทั้งนี้ผมหวังว่าผู้บริหารของบุรีรัมย์จะแสดงสปิริตขึ้นมารับถ้วยเกียรติยศ ขณะที่ ดิวิชัน 1 บุรีรัมย์ เอฟซี จะรับแชมป์กันในวันที่ 26 มกราคม"
"ขณะที่รายละเอียดของไทยพรีเมียร์ลีก ในส่วนของโปรแกรม ผมขอยืนยันว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนให้วุ่นวาย เราจะมีการจับสลากโปรแกรมรวมถึงดิวิชัน 1 กันที่โรงแรมโกลเดน ทิวลิป ซอฟเฟอรีน วันที่ 31 มกราคมนี้ แต่ฤดูกาลหน้าคงต้องโยกโปรแกรมมาเตะนัดกลางสัปดาห์มากขึ้น ส่วนเรื่องการกำหนดกฎเกณฑ์การลงโทษ วันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ เราจะประชุมหารือเพื่อให้ได้บทสรุปว่ากรณีไหนควรรับโทษมากน้อยเพียงใด" ดร.วิชิต ทิ้งท้าย
ด้าน พลตรีชินเสน ทองโกมล ประธานคณะกรรมการการแต่งตั้งและติดตามผลประเมินผู้ตัดสิน กล่าวเช่นกันเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของเชิ้ตดำในซีซันที่ผ่านมา "เราคงต้องมีการเพิ่มผู้ตัดสินจาก 100 คนเป็น 120-130 คน หลังจากมีเรื่องการแบ่งขั้วผู้ตัดสินเกิดขึน ซึ่งผมพอทราบแล้วว่ามีใครบ้าง จึงอยากพูดไว้ตรงนี้ว่าถ้าใครไม่ต้องการทำงาน หรือไม่เต็มใจ คงต้องแยกกันไป แต่ผมจะพยายามหาคนฝีมือดีมาร่วมงานกันต่อไป อีกทั้งผมจะเพิ่มบุคลากรที่จะเข้ามาพัฒนาอบรมผู้ตัดสินอีกสัก 30-40 คนด้วย"
สุดท้าย ร้อยตำรวจโท เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กรรมผู้จัดการสปอร์ตฮีโร่ จำกัด ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก เปิดเผยถึงความพึงพอใจที่ "สปอนเซอร์" มีต่อฟุตบอลลีกอาชีพของไทย "ทางผู้บริหารพอใจเป็นอย่างยิ่งกับกระแสตอบรับ โดยเราอยากเห็นไทยลีกก้าวหน้าไปอย่างมีมาตรฐาน ซึ่งเราพร้อมให้การช่วยเหลือในทุกภาคส่วน เร็วๆ นี้น่าจะมีข่าวดีถึงการเซ็นสัญญาสนับสนุนกันต่ออีกสัก 3-5 ปี"