ASTVผู้จัดการรายวัน - หลังจากวุ่นไม่เลิกว่าใครจะได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ประจำปี 2012 เมื่อบุรีรัมย์ พีอีเอ เจ้าของแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกส่อมีปัญหาในการส่งชื่อ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" งานนี้ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรมั่นใจเป็นผู้ถือสิทธิ แต่ก็อยากเร่งให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยรวมถึง บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เร่งชี้ขาดเป็นการด่วน
แม้ เนวิน ชิดชอบ การันตีกับทีมข่าว MGR Sport ถึงเรื่องการแยกร่างจาก "การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค" ไม่มีปัญหา โดยเตรียมโปรเจคผนึกรวมยอดฝีแข้ง บุรีรัมย์ พีอีเอ กับ บุรีรัมย์ เอฟซี ดีกรีแชมป์ดิวิชั่น 1 เป็นหนึ่งเดียวเข้าสู่สังกัดใหม่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการในไม่ช้า เพื่อป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า และลุยภารกิจอันท้าทายใน เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก เผชิญสโมสรชั้นนำของเอเชียอย่าง ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส แชมป์เค-ลีก เกาหลีใต้ และรองแชมป์เก่ารายการนี้ รวมถึง คาชิวา เรย์โซล แชมป์เจลีก ญี่ปุ่น และ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ แชมป์ไชนีส ซูเปอร์ลีก
ทว่าล่าสุด สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ทักท้วงถึงการให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าร่วมชิงชัยฟุตบอลสโมสรถ้วยใบใหญ่ของเอเชีย เนื่องจากสิทธิดังกล่าวควรเป็นของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะใช้สิทธิในการเลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 1 ของบุรีรัมย์ เอฟซี ไปเล่นไม่ได้เป็นอันขาด เหตุจากเป็นคนละทีมกัน
เมื่อท่าทีจาก เอเอฟซี ออกมาเช่นนี้ "บิ๊กเน" จึงอยากให้ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย รวมถึง บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก เร่งชี้ขาด "การเข้าร่วมแข่งฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก คงต้องอยู่กับการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของสมาคมฯ รวมถึงการพิจารณาจากไทยพรีเมียร์ลีก ส่วนเรื่องการเปลี่ยนชื่อเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผมได้เคลียร์กับผู้ใหญ่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไปแล้ว ทั้งเรื่องการเทคโอเวอร์และสิทธิการทำทีม โดยผมถือหุ้น บุรีรัมย์ พีอีเอ 70 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นสิทธิในการเป็นแชมป์ย่อมต้องตกอยู่กับทีมของผม ส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะได้สิทธิการเป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 จากบุรีรัมย์ เอฟซี ซึ่งพวกเขาจะนำเอา พีอีเอ ไปรวมกับจังหวัดใดก็สุดแล้วแต่"
ด้าน ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว MGR Sport ถึงปัญหาความวุ่นวายในโควตา เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก เช่นกัน "หากว่ากันตามตารางคะแนน ทีมที่จะได้ไปลุยแชมเปียนส์ ลีก คือ บุรีรัมย์ พีอีเอ แต่ในเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงชื่อทีมเกิดขึ้น คงต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยว่าจะมีมติส่งทีมใดเข้าร่วมการแข่งขัน ผมคาดว่าเราคงได้บทสรุปในเร็ววันนี้"
อย่างไรก็ดี การส่งชื่อทีมโม่แข้ง เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ต้องทำภายในวันที่ 7 มกราคมนี้ ก่อนส่งชื่อนักเตะเข้าแข่งไปทาง เอเอฟซี อีกครั้งภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ได้รับไฟเขียวจากสมาคมฯ นั่นหมายความว่า ชลบุรี เอฟซี ในฐานะรองแชมป์จะรับส้มหล่นไปแทน
เรื่องนี้ อรรณพ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทั่วไป "ฉลามชล" ทิ้งท้ายกับทีมข่าว MGR Sport ว่า "เรายังไม่ทราบเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่ได้สนใจและตื่นเต้นกับข่าวที่ออกไป เพราะทางสโมสรมองว่ามันเป็นหน้าที่ของสมาคมฟุตบอลฯ รวมถึงบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกที่จะต้องจัดการเรื่องดังกล่าวให้เรียบร้อย เพื่อทำอย่างไรให้บุรีรัมย์ ได้สิทธิ์ไปเล่นแชมเปียนส์ ลีก"
"โดยทางสมาคมจำเป็นต้องทำเรื่องไปยังเอเอฟซี เพื่ออธิบายเรื่องการเปลี่ยนชื่อและสิทธิทำทีม ซึ่งจากนั้นก็อยู่ที่ดุลยพินิจของเอเอฟซีว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งหากเอเอฟซีไฟเขียวทุกอย่างก็จบ แต่หากไม่ได้รับอนุญาตก็ต้องเป็นหน้าที่ของสมาคมฟุตบอลของไทยที่จะหาทางแก้ปัญหากันต่อไป ซึ่งในนามทีมชลบุรีคงให้ความเห็นได้เพียงเท่านี้" เดอะเซนต์ ทิ้งท้าย