ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมเตรียมเปิด แอนฟิลด์ รับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี คืนวันพุธที่ 25 มกราคมนี้เพื่อทำศึก คาร์ลิง คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง โดยเจ้าถิ่นกุมความได้เปรียบมาก่อนด้วยสกอร์ 1-0 ถือเป็นสัปดาห์ที่สำคัญยิ่งของ "หงส์แดง" เพราะอีก 3 วันต้องเปิดบ้านรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 หากพลาดพลั้งตกรอบอาจเป็นการปิดฉากฤดูกาลนี้ก่อนเวลาอันควรก็ว่าได้
นัดแรกเมื่อ 11 มกราคมที่ อิติฮัด สเตเดียม ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ 1-0 จากการยิงจุดโทษของ สตีเวน เจอร์ราร์ด ทำให้เกมนี้เงื่อนไขขอเสมอเป็นอย่างน้อยก็จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่มีโอกาสคว้าแชมป์สูง เพราะรอพบผู้ชนะที่อ่อนชั้นกว่าระหว่าง คาร์ดิฟฟ ซิตี และ คริสตัล พาเลซ นัดแรกฝ่ายหลังชนะมาก่อน 1-0
แม้จะเล่นในถิ่นแต่ ลิเวอร์พูล ไม่ได้ดูดีกว่า เพราะ พรีเมียร์ชิป นัดล่าสุดบุกพ่าย โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-3 ทำให้ก่อนเกม เคนนี ดัลกลิช กุนซือออกมากระตุ้นลูกทีมว่า "จากนี้เราจะต้องมีสมาธิอยู่กับการรับมือ แมนฯซิตี และต้องได้ผลการแข่งขันที่ดีเพื่อคลี่คลายปัญหาของทีมที่ฟอร์มกำลังแกว่ง ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อที่จะทำอะไรสักอย่างให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง แน่นอนที่ผ่านมาเราก็ทำแบบนี้ได้เสมอ"
สำหรับเกมกับ แมนฯซิตี ดัลกลิช กุนซือ ลิเวอร์พูล อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบางตำแหน่งส่ง สจ๊วร์ต ดาวนิง และ เดิร์ก เคาท์ 2 แนวรุกคืนตัวจริงประสานงานกับคนที่พอฝากผีฝากไข้ได้อย่าง เคร็ก เบลลามี และ สตีเวน เจอร์ราร์ด ส่วนทีมเยือนยังไม่มีตัวที่ต้องไปรับใช้ชาติทำศึก แอฟริกัน เนชันส์ คัพ รวมถึง แวงซองต์ กอมปานี กองหลังที่อยู่ระหว่างชดใช้โทษแบน
จากนี้วันเสาร์ที่ 28 มกราคม ลิเวอร์พูล ต้องเปิด แอนฟิลด์ ทำศึก "แดงเดือด" กับ แมนฯยูไนเต็ด ศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 แน่นอนว่าฟอร์มของ "ผีแดง" กลับมาเข้าฝักอีกครั้งหนึ่งเพิ่งบุกเอาชนะ อาร์เซนอล 2-1 เกม พรีเมียร์ชิป โดยเป็นทีมที่เล่นนอกบ้านได้ดีที่สุด ดังนั้นหาก "หงส์แดง" แพ้ ฤดูกาลนี้คงจบตั้งแต่ครึ่งทาง เพราะในลีกรั้งอันดับ 7 ห่างจากที่ 4 อยู่ 6 แต้มการจะไปกลับไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ไม่ง่ายแล้ว ส่วนโอกาสไป ยูโรปา ลีก ยังมี แต่สาวก "เดอะ ค็อป" คงไม่ต้องการ