คอลัมน์ "สุดฟากสนาม" โดย "นกฟินิกซ์"
ออสเตรเลียน โอเพ่น ปี 1999 เปรียบเสมือนเป็นการสิ้นสุดเส้นทางรักระหว่าง อังเดร อากัสซี่ กับ นักแสดงสาวชื่อดังอย่าง บรู๊ค ชีลด์ เมื่อฝ่ายชายเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับคำร่ำลาของภรรยาที่ทิ้งท้ายไว้ว่า “จบจากทัวร์นาเมนต์นี้ เราสองคนคงต้องคุยกัน” แม้ว่า บรู๊ค จะไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร แต่ด้วยน้ำเสียงและสภาพชีวิตคู่ที่เป็นอยู่ อังเดร ย่อมรู้คำตอบด้วยตนเอง
เมื่อเมฆหมอกแห่งความโชคร้ายมาเยือน มันมักจะมาพร้อมๆกันจนทำให้เส้นทางชีวิตนั้นเหมือนถูกบดบังไปด้วยความมืดมน หลังออกจากบ้านมาด้วยความไม่สบายใจกับข้อความทิ้งท้ายของภรรยาสาวสุดที่รัก การแข่งขันนัดแรกในออสเตรเลียน โอเพ่น อังเดร พบกับ สปาเดีย นักเทนนิสที่เคยเป็นคู่น็อกให้กับเขาเมื่อปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าฝีมือการเล่นหากเปรียบเทียบกันแล้ว สปาเดีย ไม่มีอะไรที่น่ากลัว แต่สภาพของนักเทนนิสหนุ่มที่ถูกทำร้ายจิตใจจากคนที่รักที่สุด แข่งขันมาแบบไม่หยุดติดต่อกันมาถึง 32 สัปดาห์ในรอบปี 1998 และยังแบ่งช่วงเวลาว่างในชีวิตไปจัดการสถาบันเทนนิสของตนเอง ทำให้ อดีตนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งของโลกมิใช่คู่แข่งที่น่ากลัวอีกต่อไป และ สปาเดีย สามารถเอาชนะไปได้ในรอบแรก ของแกรนด์สแลมประเดิมหัวปีอย่าง ออสเตรเลียน โอเพ่น
ความพ่ายแพ้ต่อสปาเดีย ทำให้ อังเดร ถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์ถึงความฟิต และ ฝีมือที่เริ่มถดถอย ด้วยวัย 29 ปี บรรดาคอลัมนิสต์ทั้งหลายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถึงเวลาที่อังเดร อากัสซี่ จะอำลาวงการเสียที เพราะถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเขาจะกลายเป็นเพียงบันไดให้เหล่านักเทนนิสหน้าใหม่เหยียบข้ามหัวไปแทบจะทุกทัวร์นาเมนท์
อังเดร ได้เห็นทุกข่าวเกี่ยวกับตนเอง แน่นอนว่าเขาเองรู้สึกได้ถึงความหมดหวังที่ปรากฎผ่านทุกตัวอักษรในหนังสือพิมพ์ หากแต่เวลานี้สมาธิของนักเทนนิสหนุ่มไม่ได้อยู่ที่ เกมการแข่งขันเสียแล้ว ใจที่กระหวัดถึงบรู๊คอยู่ตลอดเวลา ทำให้ อังเดร กลับไปถึงบ้านอย่างรวดเร็วเพื่อพูดคุยเรื่องที่ชีวิตคู่ที่คาราคาซังกันอยู่ แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิม เมื่อทั้งสองตัดสินใจไปทานข้าวนอกบ้าน แล้วบรู๊ค แสดงความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมา พร้อมกับร้องไห้ ทำให้ อังเดร ต้องรีบพาเธอกลับบ้านเพื่อไม่ให้บรรดาปาปารัสซี่หรือผู้สื่อข่าวได้เห็นภาพที่ไม่ควรจะหลุดออกสู่สาธารณชน
เมื่อกลับถึงบ้าน อังเดร ตัดสินใจหยิบกระเป๋าเดินทางที่เขาเพิ่งเอามันไปเก็บในตู้เสื้อผ้าออกมา หยิบเฉพาะของใช้ที่จำเป็น และ เดินออกจากบ้านไปท่ามกลางฝนที่กระหน่ำอยู่ภายนอก แม้ว่าบรู๊คจะพยายามทัดทานอย่างไรแต่ ด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม ทำให้นักเทนนิสหนุ่มไม่หันกลับมามองบ้านที่เขาไม่รู้สึกว่าเป็นบ้านอีกต่อไป
รถ คาดิลแลค เอลโดราโด พาอังเดร ขึ้นไปบนไฮย์เวย์ ชายหนุ่มพยายามจะสะกดอารมณ์ เขาถามตนเองในระหว่างที่ขับรถไปท่ามกลางฝนตกอย่างหนักว่า “เสียใจเพราะอะไร เสียใจเพราะต้องหย่า หรือ เสียใจเพราะต้องพ่ายแพ้ ทั้งในสนามแข่งและสนามชีวิต
ท้ายที่สุดแล้ว อังเดร ได้คำตอบว่า ที่เสียใจไม่ใช่เพราะต้องแยกทางกับบรู๊ค ชีลด์ หากแต่เขาเป็นคนที่เกลียดความพ่ายแพ้ เขาพยายามหนีความรู้สึกดังกล่าวมาตลอดชีวิต เมื่อต้องมาพ่ายทั้งในสนามแข่งและยังต้องมาเจอภรรยาสาวบอกด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ฉันไม่มีคุณอยู่ในหัวใจอีกต่อไป” เวลานั้นโลกทั้งโลกของ อังเดร เหมือนจะทลายลงในพริบตา
ออสเตรเลียน โอเพ่น ปี 1999 เปรียบเสมือนเป็นการสิ้นสุดเส้นทางรักระหว่าง อังเดร อากัสซี่ กับ นักแสดงสาวชื่อดังอย่าง บรู๊ค ชีลด์ เมื่อฝ่ายชายเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับคำร่ำลาของภรรยาที่ทิ้งท้ายไว้ว่า “จบจากทัวร์นาเมนต์นี้ เราสองคนคงต้องคุยกัน” แม้ว่า บรู๊ค จะไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร แต่ด้วยน้ำเสียงและสภาพชีวิตคู่ที่เป็นอยู่ อังเดร ย่อมรู้คำตอบด้วยตนเอง
เมื่อเมฆหมอกแห่งความโชคร้ายมาเยือน มันมักจะมาพร้อมๆกันจนทำให้เส้นทางชีวิตนั้นเหมือนถูกบดบังไปด้วยความมืดมน หลังออกจากบ้านมาด้วยความไม่สบายใจกับข้อความทิ้งท้ายของภรรยาสาวสุดที่รัก การแข่งขันนัดแรกในออสเตรเลียน โอเพ่น อังเดร พบกับ สปาเดีย นักเทนนิสที่เคยเป็นคู่น็อกให้กับเขาเมื่อปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าฝีมือการเล่นหากเปรียบเทียบกันแล้ว สปาเดีย ไม่มีอะไรที่น่ากลัว แต่สภาพของนักเทนนิสหนุ่มที่ถูกทำร้ายจิตใจจากคนที่รักที่สุด แข่งขันมาแบบไม่หยุดติดต่อกันมาถึง 32 สัปดาห์ในรอบปี 1998 และยังแบ่งช่วงเวลาว่างในชีวิตไปจัดการสถาบันเทนนิสของตนเอง ทำให้ อดีตนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งของโลกมิใช่คู่แข่งที่น่ากลัวอีกต่อไป และ สปาเดีย สามารถเอาชนะไปได้ในรอบแรก ของแกรนด์สแลมประเดิมหัวปีอย่าง ออสเตรเลียน โอเพ่น
ความพ่ายแพ้ต่อสปาเดีย ทำให้ อังเดร ถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์ถึงความฟิต และ ฝีมือที่เริ่มถดถอย ด้วยวัย 29 ปี บรรดาคอลัมนิสต์ทั้งหลายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถึงเวลาที่อังเดร อากัสซี่ จะอำลาวงการเสียที เพราะถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเขาจะกลายเป็นเพียงบันไดให้เหล่านักเทนนิสหน้าใหม่เหยียบข้ามหัวไปแทบจะทุกทัวร์นาเมนท์
อังเดร ได้เห็นทุกข่าวเกี่ยวกับตนเอง แน่นอนว่าเขาเองรู้สึกได้ถึงความหมดหวังที่ปรากฎผ่านทุกตัวอักษรในหนังสือพิมพ์ หากแต่เวลานี้สมาธิของนักเทนนิสหนุ่มไม่ได้อยู่ที่ เกมการแข่งขันเสียแล้ว ใจที่กระหวัดถึงบรู๊คอยู่ตลอดเวลา ทำให้ อังเดร กลับไปถึงบ้านอย่างรวดเร็วเพื่อพูดคุยเรื่องที่ชีวิตคู่ที่คาราคาซังกันอยู่ แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิม เมื่อทั้งสองตัดสินใจไปทานข้าวนอกบ้าน แล้วบรู๊ค แสดงความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมา พร้อมกับร้องไห้ ทำให้ อังเดร ต้องรีบพาเธอกลับบ้านเพื่อไม่ให้บรรดาปาปารัสซี่หรือผู้สื่อข่าวได้เห็นภาพที่ไม่ควรจะหลุดออกสู่สาธารณชน
เมื่อกลับถึงบ้าน อังเดร ตัดสินใจหยิบกระเป๋าเดินทางที่เขาเพิ่งเอามันไปเก็บในตู้เสื้อผ้าออกมา หยิบเฉพาะของใช้ที่จำเป็น และ เดินออกจากบ้านไปท่ามกลางฝนที่กระหน่ำอยู่ภายนอก แม้ว่าบรู๊คจะพยายามทัดทานอย่างไรแต่ ด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม ทำให้นักเทนนิสหนุ่มไม่หันกลับมามองบ้านที่เขาไม่รู้สึกว่าเป็นบ้านอีกต่อไป
รถ คาดิลแลค เอลโดราโด พาอังเดร ขึ้นไปบนไฮย์เวย์ ชายหนุ่มพยายามจะสะกดอารมณ์ เขาถามตนเองในระหว่างที่ขับรถไปท่ามกลางฝนตกอย่างหนักว่า “เสียใจเพราะอะไร เสียใจเพราะต้องหย่า หรือ เสียใจเพราะต้องพ่ายแพ้ ทั้งในสนามแข่งและสนามชีวิต
ท้ายที่สุดแล้ว อังเดร ได้คำตอบว่า ที่เสียใจไม่ใช่เพราะต้องแยกทางกับบรู๊ค ชีลด์ หากแต่เขาเป็นคนที่เกลียดความพ่ายแพ้ เขาพยายามหนีความรู้สึกดังกล่าวมาตลอดชีวิต เมื่อต้องมาพ่ายทั้งในสนามแข่งและยังต้องมาเจอภรรยาสาวบอกด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ฉันไม่มีคุณอยู่ในหัวใจอีกต่อไป” เวลานั้นโลกทั้งโลกของ อังเดร เหมือนจะทลายลงในพริบตา
