วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมันลั่นนำขุนพล "ช้างศึก" ทีมชาติไทย คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 41 มาครอง แม้ต้องเผชิญแข้งสุดหินทั้ง "แชมป์เก่า" เดนมาร์ก, นอร์เวย์ หรือว่า เกาหลีใต้
เมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ.2555 ที่ผ่านมา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดแถลงข่าวการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 41 ระหว่างวันที่ 15-21 มกราคม ที่ห้องบุหงา โรงแรมโกลเดน ทิวลิป ซอฟเฟอรีน
โดย นายพิชัย ซึ่งเป็นประธานฝ่ายจัดการแข่งขัน เปิดเผยว่า "รู้สึกเป็นเกียรติที่ผมได้มานั่งตำแหน่งประธานฝ่ายจัดการแข่งขันครั้งนี้ โดยผมเป็นแฟนฟุตบอลตั้งแต่เด็ก และก็ได้ติดตามศึกชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพมาตลอด ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่สนุกยิ่ง งานนี้ถือเป็นการจัดงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รวมถึงเป็นการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย กระชับสัมพันธไมตรีกับนานาชาติ และเผยแพร่ฟุตบอลไปสู่ประชาชนเพื่อความสมัครสามัคคี"
ด้าน "บังยี" วรวีร์ กล่าวเช่นกันว่า "ถือเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีของประเทศไทยอย่างแท้จริง โดยระบบการแข่งขันเป็นแบบ 3 นัดพบกันหมด ชาติใดมีคะแนนดีที่สุดก็จะรับแชมป์ไปครอง ซึ่งทีมที่เชิญมาล้วนฝีเท้าแข็งแกร่งเท่ากันหมด ส่วนตัวผมเชื่อว่าไทยจะได้ประโยชน์ ทั้งยกระดับฝีเท้า พัฒนาศักยภาพของนักเตะเราให้ดียิ่งๆ ขึ้น"
ขณะที่ "วินนี" เชเฟอร์ ให้สัมภาษณ์ทิ้งท้ายว่า "ผมได้เรียกนักเตะมา 33 คน แต่ศุกร์นี้คงตัดให้เหลือ 25 คนสำหรับลงเตะคิงส์คัพ ตอนนี้ขอเช็คสภาพความพร้อมของหลายๆ คนในทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ และเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด ที่เพิ่งกรำศึกเอฟเอ คัพ ส่วนทรรศนะถึงคู่แข่ง เดนมาร์ก เป็นทีมแกร่งซิวแชมป์คิงส์คัพมาแล้ว 3 หน แต่สมัยนี้ถึงเวลาที่ต้องยกแชมป์ให้ทีมอื่นบ้าง ขณะที่ นอร์เวย์ สไตล์คล้ายคลึงบอลอังกฤษ เน้นลูกกลางอากาศเป็นหลัก เราต้องตั้งรับการโจมตีแบบนี้ให้ดี ด้าน เกาหลีใต้ ส่งทีมชุดโอลิมปิกมาเล่น เราไม่สามารถประมาทได้เลย แต่ทั้งนี้ผมหวังนำทีมไทยเก็บชัยและคว้าแชมป์ให้จงได้"
โดยโปรแกรมคิงส์คัพ นัดประเดิมอาทิตย์ที่ 15 ม.ค. เดนมาร์ก พบ นอร์เวย์ ต่อด้วย ไทย เจอ เกาหลีใต้ จากนั้นพุธที่ 18 ม.ค. เกาหลีใต้ ดวล เดนมาร์ก ตามด้วย ไทย ชน นอร์เวย์ ก่อนปิดท้ายเสาร์ที่ 21 ม.ค. นอร์เวย์ ชน เกาหลีใต้ และ ไทย เผชิญแข้ง เดนมาร์ก
