แก้ว พงศ์ประยูร, วรพจน์ เพชรขุ้ม และ อภิเชษฐ์ แสนสิทธิ์ คว้าเหรียญทองมวยสากลสมัครเล่นชายในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ไปครองแบบไม่ยาก ขณะที่ ฉัตรชัย บุตรดี เจอฤทธิ์เจ้าภาพพ่ายให้ ชูลิโอ เบรียร์ แบบค้านสายตา
ศึกมวยสากลสมัครเล่น “อิเหนาเกมส์” ครั้งที่ 26 ประจำวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน ขุนพลกำปั้นของไทยมีคิวชิงเหรียญทองเป็นวันสุดท้าย ซึ่งไทยยังมีเหลือให้ลุ้นอีก 4 รุ่น คือ ไลท์ ฟลาย เวต 49 กก.,ฟลายเวต 52 กก.,แบนตัมเวต 56 กก. และเวลเตอร์เวต 69 กก.
คู่แรกเริ่มที่รุ่นไลท์ฟลาย เวต 49 กก. แก้ว พงศ์ประยูร กำปั้นร่างเล็กของไทย แชมป์เก่าขึ้นสังเวียนดวลกับ ทาน ฮุน ฮยอค จากเวียดนาม รูปเกม กำปั้นจากเวียดนามเล่นงานแก้วด้วยหมัดชุดบนสลับล่าง แต่แก้วยังตั้งการ์ดเหนียวพร้อมสวนกลับ ก่อนที่ยกสอง แก้วได้ทีไล่ถลุงคู่แข่งไม่ยั้ง จนทานต้องขอยอมแพ้ในยกสุดท้าย และในที่สุด แก้วก็กระชากเหรียญทองที่ 5 ให้ทัพเสื้อกล้ามไทยได้อย่างง่ายดาย หลังเอาชนะคะแนนไปขาดลอย 19-8
หลังลงจากสังเวียน แก้ว ให้สัมภาษณ์ว่า "วันนี้ชกได้ดีไม่กดดัน เนื่องจากผ่านด่านเจ้าภาพมาได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งนี่ก็เป็นเหรียญทองที่ 4 ในการมาต่อยซีเกมส์ ส่วนอนาคตตอนนี้ยังไม่ขอรับปาก อยากทำผลงานในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ให้ดีที่สุดก่อน ซึ่งถ้าได้เหรียญรางวัลมีโอกาสแขวนนวม แล้วผันตัวเองมาทำหน้าที่โค้ชเช่นกัน ส่วนการเตรียมตัวไปลอนดอน คงต้องพยายามเร่งสร้างกล้ามเนื้อให้มากขึ้น เนื่องจากต้องเจอกับนักชกยุโรปที่แข็งแกร่งยิ่ง แต่ผมก็จะทำเต็มที่"
คู่ที่สอง ฟลายเวต 52 กก. ฉัตรชัย บุตรดี ขึ้นดวลกำปั้นกับ ชูลิโอ เบรียร์ กำปั้นเจ้าถิ่น รูปเกมทั้งสองแลกกำปั้นกันได้สนุกสูสี ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนๆทั้งสองฝ่าย โดยฉัตรชัยพยายามเล่นงานชูลิโอด้วยการเหวี่ยงหมัดเป็นวงกว้าง ส่วนคู่แข่งอาศัยสวนกลับด้วยการยิงหมัดขวาเข้าช่วงบน และปักหลักแลกหมัดกลางเวทีจนได้คะแนนขึ้นนำนักมวยไทยไป 14-13 ในยกที่สอง ซึ่งหลังโดนนำ ฉัตรชัย เดินเกมบุกแหลกในยกที่สาม แต่ทว่าต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุดด้วยคะแนน 16-19 เก็บได้แค่เหรียญเงินเท่านั้น
ด้าน ฉัตรชัย กล่าวบ้าง "ก่อนอื่นต้องขอโทษแฟนมวยชาวไทยที่ต้องให้ผิดหวัง โดยจุดเปลี่ยนคงอยู่ที่ยกสอง ส่วนตัวผมมั่นใจว่ายังทำได้เหนือกว่า แต่กลายเป็นคะแนนเจ้าภาพนำ ทำให้ผมต้องเปลี่ยนเกมเดินแลกซึ่งก็เข้าทางนักชกอินโดนีเซีย ก่อนขึ้นเวทีผมก็หวั่นใจอยู่แล้วเชียว"
คู่ที่สาม รุ่นแบนตัมเวต 56 กก. ถึงคิวของ วรพจน์ เพชรขุ้ม ขึ้นชิงแชมป์กับ เวียท ทราน คว็อก จากเวียดนาม ขึ้นยกแรก วรพจน์ ใช้ชั้นเชิงมวยที่เหนือกว่าคอยดึงจังหวะต่อย ขณะที่เสื้อกล้ามเหงียนรู้ฝีมือเป็นรองจึงพยายามโถม แต่เป็น วรพจน์ ที่นำก่อน พอยกสอง นักชกไทยเริ่มมั่นใจว่าฝีมือเหนือกว่ามากจึงเดินหน้าชกเก็บแต้มจนทาง ทราน คว็อก ต้องคายฟันยางทิ้งเพื่อหายใจ หมดยก วรพจน์ ทิ้งเป็น 11-5 เข้าสู่ยกสุดท้าย วรพจน์ ต่อยไปตามเกมก่อนเอาชนะไปไม่ยาก 16-9 ซิวเหรียญทองที่สองให้ทัพกำปั้นไทย
ภายหลัง วรพจน์ เผยว่า “ภูมิใจมากที่ได้เหรียญทองเหรียญที่ 5 ในกีฬาซีเกมส์ ซึ่งหลังจากนี้ไปจะมีการคัดเลือกโอลิมปิกที่คาซัคสถานในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ก็จะตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อคว้าโควตาไปลอนดอนเกมส์ให้จงได้ ทั้งนี้ขอขอบคุณชาวไทยทุกคนที่ให้กำลังใจ”
มาถึงรุ่นสุดท้าย เวลเตอร์เวต 69 กก. อภิเชษฐ์ แสนสิทธิ์ ปะทะหมัด ไว ลิน ออง เปิดฉากยกแรกแค่ 55 วินาที นักชกหม่องโดนหมัดขวาของ อภิเชษฐ์ ถลุงข้าลำตัวลงไปกองกับพื้นเวทีให้กรรมการนับ แม้ลุกขึ้นมาได้แต่ ลิน ออง ก็โดน อภิเชษฐ์ ตะบันหมัดใส่ลำตัวย้ำเข้าไปอีก ทำให้นักชกเหมียนมาร์ถอดใจไม่ต่อยต่อแพ้น็อกเอาท์ไป ทำให้ไทยได้ 3 เหรียญทองในมวยสากลสมัครเล่นชาย บวกกับมวยฯ หญิงอีก 4 เหรียญ เท่ากับว่าผลงานเสื้อกล้ามไทยใน “อิเหนาเกมส์” กวาดไป 7 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน กับอีก 2 เหรียญทองแดง
ภายหลัง อภิเชษฐ์ กล่าวว่า "นี่เป็นการชกกันครั้งแรก ดูจากฟอร์มแล้วถือว่าคู่แข่งยังไม่เก่งกาจมากนัก ก็ดีใจที่ได้เหรียญทองมาแบบไม่ต้องเสียเหงื่อมากนัก ถือเป็นเหรียญทองที่สองในซีเกมส์ จากนี้ไปผมจะตั้งใจฝึกซ้อมให้มากขึ้นเพื่อคัดตัวไปโอลิมปิกต่อไป"
ขณะที่ พันตรีธง ทวีคูณ หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชเสื้อกล้ามไทยทิ้งท้ายว่า "ถือว่าเราทำได้ตามเป้าที่วางไว้ จากตอนแรกได้วางไว้เพียง 6 เหรียญทอง แต่ได้ถึง 7 ทองก็ถือว่าน่าพอใจยิ่ง ในส่วนของนักกีฬาชายตั้งไว้ที่ 4 ทอง แต่ได้มาแค่สามไม่ใช่เรื่องเสียหาย ซึ่งหลังจากนี้คงต้องมีการวางแผนฝึกซ้อมกันต่อไปเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของนักมวยให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะ สายลม อาดี ที่มาแข่งที่อินโดนีเซีย ทำผลงานไม่เป็นไปตามความคาดหมาย ฟอร์มไม่สม่ำเสมอเหมือนกับตอนซ้อม"
ศึกมวยสากลสมัครเล่น “อิเหนาเกมส์” ครั้งที่ 26 ประจำวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน ขุนพลกำปั้นของไทยมีคิวชิงเหรียญทองเป็นวันสุดท้าย ซึ่งไทยยังมีเหลือให้ลุ้นอีก 4 รุ่น คือ ไลท์ ฟลาย เวต 49 กก.,ฟลายเวต 52 กก.,แบนตัมเวต 56 กก. และเวลเตอร์เวต 69 กก.
คู่แรกเริ่มที่รุ่นไลท์ฟลาย เวต 49 กก. แก้ว พงศ์ประยูร กำปั้นร่างเล็กของไทย แชมป์เก่าขึ้นสังเวียนดวลกับ ทาน ฮุน ฮยอค จากเวียดนาม รูปเกม กำปั้นจากเวียดนามเล่นงานแก้วด้วยหมัดชุดบนสลับล่าง แต่แก้วยังตั้งการ์ดเหนียวพร้อมสวนกลับ ก่อนที่ยกสอง แก้วได้ทีไล่ถลุงคู่แข่งไม่ยั้ง จนทานต้องขอยอมแพ้ในยกสุดท้าย และในที่สุด แก้วก็กระชากเหรียญทองที่ 5 ให้ทัพเสื้อกล้ามไทยได้อย่างง่ายดาย หลังเอาชนะคะแนนไปขาดลอย 19-8
หลังลงจากสังเวียน แก้ว ให้สัมภาษณ์ว่า "วันนี้ชกได้ดีไม่กดดัน เนื่องจากผ่านด่านเจ้าภาพมาได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งนี่ก็เป็นเหรียญทองที่ 4 ในการมาต่อยซีเกมส์ ส่วนอนาคตตอนนี้ยังไม่ขอรับปาก อยากทำผลงานในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ให้ดีที่สุดก่อน ซึ่งถ้าได้เหรียญรางวัลมีโอกาสแขวนนวม แล้วผันตัวเองมาทำหน้าที่โค้ชเช่นกัน ส่วนการเตรียมตัวไปลอนดอน คงต้องพยายามเร่งสร้างกล้ามเนื้อให้มากขึ้น เนื่องจากต้องเจอกับนักชกยุโรปที่แข็งแกร่งยิ่ง แต่ผมก็จะทำเต็มที่"
คู่ที่สอง ฟลายเวต 52 กก. ฉัตรชัย บุตรดี ขึ้นดวลกำปั้นกับ ชูลิโอ เบรียร์ กำปั้นเจ้าถิ่น รูปเกมทั้งสองแลกกำปั้นกันได้สนุกสูสี ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนๆทั้งสองฝ่าย โดยฉัตรชัยพยายามเล่นงานชูลิโอด้วยการเหวี่ยงหมัดเป็นวงกว้าง ส่วนคู่แข่งอาศัยสวนกลับด้วยการยิงหมัดขวาเข้าช่วงบน และปักหลักแลกหมัดกลางเวทีจนได้คะแนนขึ้นนำนักมวยไทยไป 14-13 ในยกที่สอง ซึ่งหลังโดนนำ ฉัตรชัย เดินเกมบุกแหลกในยกที่สาม แต่ทว่าต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุดด้วยคะแนน 16-19 เก็บได้แค่เหรียญเงินเท่านั้น
ด้าน ฉัตรชัย กล่าวบ้าง "ก่อนอื่นต้องขอโทษแฟนมวยชาวไทยที่ต้องให้ผิดหวัง โดยจุดเปลี่ยนคงอยู่ที่ยกสอง ส่วนตัวผมมั่นใจว่ายังทำได้เหนือกว่า แต่กลายเป็นคะแนนเจ้าภาพนำ ทำให้ผมต้องเปลี่ยนเกมเดินแลกซึ่งก็เข้าทางนักชกอินโดนีเซีย ก่อนขึ้นเวทีผมก็หวั่นใจอยู่แล้วเชียว"
คู่ที่สาม รุ่นแบนตัมเวต 56 กก. ถึงคิวของ วรพจน์ เพชรขุ้ม ขึ้นชิงแชมป์กับ เวียท ทราน คว็อก จากเวียดนาม ขึ้นยกแรก วรพจน์ ใช้ชั้นเชิงมวยที่เหนือกว่าคอยดึงจังหวะต่อย ขณะที่เสื้อกล้ามเหงียนรู้ฝีมือเป็นรองจึงพยายามโถม แต่เป็น วรพจน์ ที่นำก่อน พอยกสอง นักชกไทยเริ่มมั่นใจว่าฝีมือเหนือกว่ามากจึงเดินหน้าชกเก็บแต้มจนทาง ทราน คว็อก ต้องคายฟันยางทิ้งเพื่อหายใจ หมดยก วรพจน์ ทิ้งเป็น 11-5 เข้าสู่ยกสุดท้าย วรพจน์ ต่อยไปตามเกมก่อนเอาชนะไปไม่ยาก 16-9 ซิวเหรียญทองที่สองให้ทัพกำปั้นไทย
ภายหลัง วรพจน์ เผยว่า “ภูมิใจมากที่ได้เหรียญทองเหรียญที่ 5 ในกีฬาซีเกมส์ ซึ่งหลังจากนี้ไปจะมีการคัดเลือกโอลิมปิกที่คาซัคสถานในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ก็จะตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อคว้าโควตาไปลอนดอนเกมส์ให้จงได้ ทั้งนี้ขอขอบคุณชาวไทยทุกคนที่ให้กำลังใจ”
มาถึงรุ่นสุดท้าย เวลเตอร์เวต 69 กก. อภิเชษฐ์ แสนสิทธิ์ ปะทะหมัด ไว ลิน ออง เปิดฉากยกแรกแค่ 55 วินาที นักชกหม่องโดนหมัดขวาของ อภิเชษฐ์ ถลุงข้าลำตัวลงไปกองกับพื้นเวทีให้กรรมการนับ แม้ลุกขึ้นมาได้แต่ ลิน ออง ก็โดน อภิเชษฐ์ ตะบันหมัดใส่ลำตัวย้ำเข้าไปอีก ทำให้นักชกเหมียนมาร์ถอดใจไม่ต่อยต่อแพ้น็อกเอาท์ไป ทำให้ไทยได้ 3 เหรียญทองในมวยสากลสมัครเล่นชาย บวกกับมวยฯ หญิงอีก 4 เหรียญ เท่ากับว่าผลงานเสื้อกล้ามไทยใน “อิเหนาเกมส์” กวาดไป 7 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน กับอีก 2 เหรียญทองแดง
ภายหลัง อภิเชษฐ์ กล่าวว่า "นี่เป็นการชกกันครั้งแรก ดูจากฟอร์มแล้วถือว่าคู่แข่งยังไม่เก่งกาจมากนัก ก็ดีใจที่ได้เหรียญทองมาแบบไม่ต้องเสียเหงื่อมากนัก ถือเป็นเหรียญทองที่สองในซีเกมส์ จากนี้ไปผมจะตั้งใจฝึกซ้อมให้มากขึ้นเพื่อคัดตัวไปโอลิมปิกต่อไป"
ขณะที่ พันตรีธง ทวีคูณ หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชเสื้อกล้ามไทยทิ้งท้ายว่า "ถือว่าเราทำได้ตามเป้าที่วางไว้ จากตอนแรกได้วางไว้เพียง 6 เหรียญทอง แต่ได้ถึง 7 ทองก็ถือว่าน่าพอใจยิ่ง ในส่วนของนักกีฬาชายตั้งไว้ที่ 4 ทอง แต่ได้มาแค่สามไม่ใช่เรื่องเสียหาย ซึ่งหลังจากนี้คงต้องมีการวางแผนฝึกซ้อมกันต่อไปเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของนักมวยให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะ สายลม อาดี ที่มาแข่งที่อินโดนีเซีย ทำผลงานไม่เป็นไปตามความคาดหมาย ฟอร์มไม่สม่ำเสมอเหมือนกับตอนซ้อม"
