ASTV ผู้จัดการรายวัน - หลังจากทีมเซปักตะกร้อไทยครองจ้าวเหรียญทองใน "เวียงจันทร์เกมส์" โดยกวาดมาได้ 5 เหรียญทองจาก ลอดห่วงสากลทีมชาย, ทีมชุดชาย-หญิง, ทีมเดี่ยวชาย ดีกรีแชมป์ 11 สมัย และทีมเดี่ยวหญิงเจ้าของแชมป์ 5 สมัย จนกระทั่งเวียนมาถึงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ณ ประเทศอิโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายน 2554 สมาคมเซปักตะกร้อแห่งประเทศไทยเป็นความหวังสร้างเกียรติยศให้ชาติอีกครั้ง
สำหรับการตั้งเป้าหมาย "อิเหนาเกมส์" หลังเจ้าภาพกำหนดจัดชิงชัยกัน 6 เหรียญ พลตรีจารึก อารีราชการัณย์ นายกสมาคมเซปักตะกร้อแห่งประเทศไทย ออกอาการหวั่นใจเล่ห์เหลี่ยมเจ้าภาพ "ทีมชาติไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันได้เพียง 4 รายการ คือ ทีมชุดชาย-หญิง และทีมเดี่ยวชาย-หญิง มีเพียงอินโดนีเซียเท่านั้นที่สามารถส่งได้ครบทุก 6 รายการ ในประเภทคู่ชาย-หญิงด้วย ดังนั้นไทยจึงต้องหวังกวาดมาให้ได้ทั้งหมดทุกรายการ เพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ โดยคู่แข่งสำคัญนอกเหนือจากมาเลเซีย ก็คือประเทศเจ้าภาพ"
ส่วนการเตรียมความพร้อม ธวัช กุมุทพงศ์พานิช ผู้จัดการทีมชายเผยว่า "ขณะนี้นักกีฬาได้เก็บตัวฝึกซ้อมที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ ซึ่งมั่นใจว่าจะป้องกันแชมป์ได้ทั้งทีมชุดและเดี่ยว โดยเรามีการนำเลือดใหม่เข้ามาผสมเพียง 20 % เนื่องจากไม่อยากประมาท อีกทั้งเรายังต้องอาศัยประสบการณ์ที่โชกโชนของผู้เล่นชุดเก่าที่มีศักยภาพมากพอในการรับใช้ทีมชาติอีกหลายปี ส่วนคู่ชิงมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็น มาเลเซีย หรือ อินโดนีเซีย"
"นอกจากนี้เราไม่ได้กังวลเรื่องทีมชุดทั้งชายและหญิงเพราะมีให้แก้เกมถึง 3 ชุด จะห่วงก็แต่ทีมเดี่ยวเท่านั้น หากพลาดพลั้งไปก็จะเสียโอกาสชนะแต้มขาดทันที เพราะกีฬาชนิดนี้ใช้สายตาเป็นตัวตัดสิน ดังนั้นกรรมการที่ทำหน้าที่เป็นไลน์แมนในรอบชิงชนะเลิศไม่ควรเป็นคนสัญชาติเดียวกับเจ้าภาพ มิเช่นนั้นคงเลี่ยงไม่ได้กับการประท้วง" ผจก.ทีมชาติกล่าวต่อ
ขณะเดียวกัน ไพโรจน์ อาชารุ่งโรจน์ ผู้จัดการทีมหญิง พูดถึงการเตรียมพร้อมว่า "ปัจจุบันพาทีมมาเก็บตัวฝึกซ้อมที่ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติมวกเหล็ก จ.สระบุรี เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งซีเกมส์ครั้งนี้มีผู้เล่นชุดเก่า 4-5 คน นำเลือดใหม่เข้ามาผสมถึง 70% ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์คิงส์คัพ ครั้งที่ 26 จากการชนะ 18 ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน จึงทำให้มีความมั่นใจมากถึง 80% ที่จะคว้าแชมป์ทีมชุดหญิง ส่วนทีมเดี่ยวหญิงลุ้นเหนื่อยเอาการ โดยเรามีคู่แข่งที่น่าหนักใจคืออินโดนีเซีย เนื่องจากมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่วนเวียดนาม สตาฟฟ์โค้ชเราศึกษากลเม็ดต่างๆ ไว้แล้ว โดยเวียดนามใช้ผู้เล่นชุดเดิมมาหลายปี ทว่าอาจจะมีเซอร์ไพรส์ที่เมียนมาร์ ซึ่งยังไม่เคยเห็นเข้าร่วมแข่งขันในเวทีนานาชาติ"
ด้าน อนุวัฒน์ ชัยชนะ ตัวแทนขุนพลลูกพลาสติกทีมชาติไทย การันตีถึงความพร้อมก่อนเดินทางไปแข่งขันซีเกมส์ ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ว่า "ตอนนี้ทัพตะกร้อไทยกำลังฝึกซ้อมในช่วงโค้งสุดท้ายโดยมีความพร้อมเกิน 100 % ในการป้องกันแชมป์ทั้งทีมชุดและทีมเดี่ยว ทั้งนี้สิ่งที่เน้นซ้อมเป็นพิเศษคือเกมรับ พร้อมปรับเกมรุกให้ดีกว่าเดิมเพื่อต่อกรกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง มาเลเซีย และเจ้าภาพอินโดนีเซีย"
สุดท้าย"เสธ.จา" ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสที่จะผลักดันกีฬาลูกหวายไทยบรรจุเป็นหนึ่งกีฬาโอลิมปิกเกมส์ว่า "ทุกวันนี้ผมพยายามสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่ไม่สามารถระบุเวลาได้ว่ากีฬาเซปักตะกร้อจะถูกผลักดันเป็นกีฬาสากลเมื่อใด เพราะต้องขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) อีกทั้งต้องสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ภายใต้ข้อกำหนดต่างๆ โดยเฉพาะกีฬาโอลิมปิกต้องมีเพียง 28 ชนิดกีฬาเท่านั้น ที่สำคัญต้องได้รับความนิยมใน 5 ทวีปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จากการจัดการแข่งขันตะกร้อทีมเดี่ยวชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 1 อีสแทฟ เวิลด์ คัพ 2011 และ อีสแทฟ ซูเปอร์ ซีรีส์ 2011-12 ถือเป็นมิติใหม่ของวงการตะกร้อสู่การเป็นที่ยอมรับระดับสากล ลุ้นบรรจุเป็นหนึ่งในกีฬาโอลิมปิกต่อไป"
สำหรับการตั้งเป้าหมาย "อิเหนาเกมส์" หลังเจ้าภาพกำหนดจัดชิงชัยกัน 6 เหรียญ พลตรีจารึก อารีราชการัณย์ นายกสมาคมเซปักตะกร้อแห่งประเทศไทย ออกอาการหวั่นใจเล่ห์เหลี่ยมเจ้าภาพ "ทีมชาติไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันได้เพียง 4 รายการ คือ ทีมชุดชาย-หญิง และทีมเดี่ยวชาย-หญิง มีเพียงอินโดนีเซียเท่านั้นที่สามารถส่งได้ครบทุก 6 รายการ ในประเภทคู่ชาย-หญิงด้วย ดังนั้นไทยจึงต้องหวังกวาดมาให้ได้ทั้งหมดทุกรายการ เพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ โดยคู่แข่งสำคัญนอกเหนือจากมาเลเซีย ก็คือประเทศเจ้าภาพ"
ส่วนการเตรียมความพร้อม ธวัช กุมุทพงศ์พานิช ผู้จัดการทีมชายเผยว่า "ขณะนี้นักกีฬาได้เก็บตัวฝึกซ้อมที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ ซึ่งมั่นใจว่าจะป้องกันแชมป์ได้ทั้งทีมชุดและเดี่ยว โดยเรามีการนำเลือดใหม่เข้ามาผสมเพียง 20 % เนื่องจากไม่อยากประมาท อีกทั้งเรายังต้องอาศัยประสบการณ์ที่โชกโชนของผู้เล่นชุดเก่าที่มีศักยภาพมากพอในการรับใช้ทีมชาติอีกหลายปี ส่วนคู่ชิงมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็น มาเลเซีย หรือ อินโดนีเซีย"
"นอกจากนี้เราไม่ได้กังวลเรื่องทีมชุดทั้งชายและหญิงเพราะมีให้แก้เกมถึง 3 ชุด จะห่วงก็แต่ทีมเดี่ยวเท่านั้น หากพลาดพลั้งไปก็จะเสียโอกาสชนะแต้มขาดทันที เพราะกีฬาชนิดนี้ใช้สายตาเป็นตัวตัดสิน ดังนั้นกรรมการที่ทำหน้าที่เป็นไลน์แมนในรอบชิงชนะเลิศไม่ควรเป็นคนสัญชาติเดียวกับเจ้าภาพ มิเช่นนั้นคงเลี่ยงไม่ได้กับการประท้วง" ผจก.ทีมชาติกล่าวต่อ
ขณะเดียวกัน ไพโรจน์ อาชารุ่งโรจน์ ผู้จัดการทีมหญิง พูดถึงการเตรียมพร้อมว่า "ปัจจุบันพาทีมมาเก็บตัวฝึกซ้อมที่ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติมวกเหล็ก จ.สระบุรี เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งซีเกมส์ครั้งนี้มีผู้เล่นชุดเก่า 4-5 คน นำเลือดใหม่เข้ามาผสมถึง 70% ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์คิงส์คัพ ครั้งที่ 26 จากการชนะ 18 ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน จึงทำให้มีความมั่นใจมากถึง 80% ที่จะคว้าแชมป์ทีมชุดหญิง ส่วนทีมเดี่ยวหญิงลุ้นเหนื่อยเอาการ โดยเรามีคู่แข่งที่น่าหนักใจคืออินโดนีเซีย เนื่องจากมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่วนเวียดนาม สตาฟฟ์โค้ชเราศึกษากลเม็ดต่างๆ ไว้แล้ว โดยเวียดนามใช้ผู้เล่นชุดเดิมมาหลายปี ทว่าอาจจะมีเซอร์ไพรส์ที่เมียนมาร์ ซึ่งยังไม่เคยเห็นเข้าร่วมแข่งขันในเวทีนานาชาติ"
ด้าน อนุวัฒน์ ชัยชนะ ตัวแทนขุนพลลูกพลาสติกทีมชาติไทย การันตีถึงความพร้อมก่อนเดินทางไปแข่งขันซีเกมส์ ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ว่า "ตอนนี้ทัพตะกร้อไทยกำลังฝึกซ้อมในช่วงโค้งสุดท้ายโดยมีความพร้อมเกิน 100 % ในการป้องกันแชมป์ทั้งทีมชุดและทีมเดี่ยว ทั้งนี้สิ่งที่เน้นซ้อมเป็นพิเศษคือเกมรับ พร้อมปรับเกมรุกให้ดีกว่าเดิมเพื่อต่อกรกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง มาเลเซีย และเจ้าภาพอินโดนีเซีย"
สุดท้าย"เสธ.จา" ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสที่จะผลักดันกีฬาลูกหวายไทยบรรจุเป็นหนึ่งกีฬาโอลิมปิกเกมส์ว่า "ทุกวันนี้ผมพยายามสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่ไม่สามารถระบุเวลาได้ว่ากีฬาเซปักตะกร้อจะถูกผลักดันเป็นกีฬาสากลเมื่อใด เพราะต้องขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) อีกทั้งต้องสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ภายใต้ข้อกำหนดต่างๆ โดยเฉพาะกีฬาโอลิมปิกต้องมีเพียง 28 ชนิดกีฬาเท่านั้น ที่สำคัญต้องได้รับความนิยมใน 5 ทวีปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จากการจัดการแข่งขันตะกร้อทีมเดี่ยวชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 1 อีสแทฟ เวิลด์ คัพ 2011 และ อีสแทฟ ซูเปอร์ ซีรีส์ 2011-12 ถือเป็นมิติใหม่ของวงการตะกร้อสู่การเป็นที่ยอมรับระดับสากล ลุ้นบรรจุเป็นหนึ่งในกีฬาโอลิมปิกต่อไป"