xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อ "สิงโตน้อย" เติบใหญ่ / ลุงแซม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม

"สิงโตน้อย" ดีทรอยต์ ไลออนส์ ถือเป็นหนึ่งในทีมประวัติศาสตร์ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) หากไม่นับว่าเคยมีผู้เล่นระดับตำนานอย่าง แบร์รี แซนเดอร์ส ส่วนใหญ่แฟรนไชส์แห่งนี้พานพบแต่เรื่องราวเลวร้าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของสถิติ "เพอร์เฟกต์ ลูสเซอร์" แพ้มันทั้งซีซัน 16 เกมเมื่อสามปีก่อน หรือปราชัยคู่แข่งเมื่อออกไปเยือน 26 เกมรวด รวมถึงกล้าๆ ไม่เคยคว้าชัยในการเยือนคู่แข่งร่วมกลุ่มเอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ 19 เกมติดต่อกัน

ทว่า ณ ปัจจุบัน ไลออนส์ เป็นเพียงหนึ่งใน 3 ทีมของศึกคนชนคนนอกเหนือจาก "แชมป์เก่า" กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส และ บัฟฟาโล บิลล์ส ที่ออกตัวฤดูกาล 2011/12 ด้วยการเก็บชัยทั้ง 3 เกม นับจากวันชีช้ำถึงวันนี้ "สิงโตตัวน้อย" มีพัฒนาการที่น่าสนใจ ค่อยๆ ขยับสถิติจากชนะ 2 แพ้ 14 มาเป็น 6-10 เกมเมื่อซีซันก่อน ล่าสุดแสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ด้วยการคัมแบ็กจากเป็นรอง มินเนโซตา ไวกิงส์ 0-20 เมื่อจบครึ่งแรก กลับมาประกาศชัยช่วงต่อเวลาพิเศษ 26-23 ถึงถิ่นเมโทรโดรม สังเวียนที่พวกเขาเพิ่งบุกมาเฮครั้งแรกตั้งแต่ปี 1997

โดย แม็ทธิว สแตฟฟอร์ด ที่ทำท่าแจ้งเกิดไม่สำเร็จ เนื่องจากประสบปัญหาบาดเจ็บหัวไหล่ กลับสามารถเปล่งประกายฟอร์มสมราคา "นัมเบอร์วันดราฟท์" ขว้างไป 378 หลา 2 ทัชดาวน์ เท่ากับว่าสามเกม ควอเตอร์แบ็กวัย 23 ปี บอมบ์ไปแล้ว 977 หลา 9 ทัชดาวน์ เสียแค่ 2 อินเทอร์เซปต์ นอกจากการขว้างบอลที่ค่อนข้างแน่นอน (ขว้างสำเร็จคิดเป็น 67 เปอร์เซ็นต์) โชคดีที่ ไลออนส์ มีกลุ่มปีกฝีมือจัดจ้านทั้ง แคลวิน จอห์นสัน และ แบรนดอน เพ็ททิกรูว์ น่าเสียดายที่เกมรุกภาคพื้นดินด้อยประสิทธิภาพไปนิด มิเช่นนั้น สิงโตตัวนี้มีโอกาสติดปีกบินสร้างเทพนิยาย (ดั่งเช่น แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส ทีมที่เคยสร้างประวัติศาสตร์แพ้ 26 เกมรวด กลับไต่ขึ้นไปเถลิงแชมป์ซูเปอร์โบว์ล เมื่อปี 2002) เพราะทีมรับภายใต้การนำของ เอ็นดามูคอง ซูห์ ไม่ขี้เหร่เลย

จะว่าไปแนวทางที่ จิม ชวาร์ทซ หัวหน้าโค้ชวางเอาไว้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น นับตั้งแต่เข้ามาคุมบังเหียนแทน ร็อด มาริเนลลี เมื่อสามปีก่อน เนื่องจากทีมมีควอเตอร์แบ็กที่ฝากผีฝากไข้ได้อย่าง สแตฟฟอร์ด เกมบุกก็ร้อนแรง เกมรับไม่ใช่กระดาษทิชชู่เปียกน้ำอีกต่อไป ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ "สิงโตน้อย" สามารถเติบใหญ่ได้ ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตระบบของวงการกีฬาอเมริกัน การนำเอากฎ "เพดานเงินเดือน" เข้ามาใช้ มีโอกาสที่ทุกทีมจะเข้าสู่วัฎจักรแห่งแชมป์ หากบริหารจัดการเป็นไปอย่างอดทนและมีแบบแผน หายากที่จะมีการผูกขาดความสำเร็จเกิดขึ้น

อีกทั้งการเปิดโอกาสให้ทีมที่มีผลงานย่ำแย่ได้ "ดราฟท์" ตัวผู้เล่นขึ้นมาจากมหาวิทยาลัยก่อน ทำให้ทุกแฟรนไชส์มีโอกาสลืมตาอ้าปาก ดั่งเช่น ไลออนส์ หลังผ่านวิกฤติก็ใช้สิทธิเลือก สแตฟฟอร์ด ขึ้นมาเป็นคนแรกของปี 2009 ตามด้วยดึง เพ็ททิกรูว์ ปีกในฝีมือดีของโอกลาโฮมา สเตท ขึ้นมาในอันดับ 20 ปีถัดมา "สิงโต" แปะป้ายอันดับ 2 เติมความแกร่งทีมรับด้วยการสอย ซูห์ ดีเฟนซีฟ แท็คเกิล ว่าที่ซูเปอร์สตาร์มาจาก ม.เนบราสกา หากในปี 2012 บอร์ดบริหารเล่นแร่แปรธาตุเทรดสิทธิดราฟท์ขึ้นมาลุ้น เทรนท์ ริชาร์ดสัน หรือกรณี ลาไมเคิล เจมส์ ตัววิ่งดาวเด่นโอเรกอน หล่นมาใส่มือ เกมบุกของทีมจะยิ่งมีความสมดุลขึ้น หรือไม่เมื่อชำเลืองตลาดฟรีเอเยนต์ "รันนิงแบ็ก" ระดับหัวกะทิมีคิวลุ้นย้ายทีมเพียบ ไม่ว่าจะเป็น เรย์ ไรซ์, แมทท์ ฟอร์เท, ไรอัน แกรนท์ รวมทั้ง ลาไดเนียน ทอมลินสัน

ถึงวันนี้ยังเร็วไปหากมาพูดว่า ไลออนส์ จะหลุดเข้าเพลย์ออฟครั้งแรกในรอบ 12 ปี เมื่อยังมีงานท้าทายรออยู่ เริ่มจากสัปดาห์ที่ 4 สแตฟฟอร์ด เจอบทพิสูจน์สำคัญวัดฝีมือ โทนี โรโม ขณะเดียวกันสาวก "สิงโตน้อย" ต้องลุ้น ซูห์ จะปรี่เข้าอัดจอมทัพ ดัลลัส คาวบอยส์ ได้กี่หน อย่างไรก็ดี การที่โปรแกรมเป็นใจจะกลับมาเล่นที่ฟอร์ดฟิลด์ 3 เกมติดกับ ชิคาโก แบร์ส, ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส และ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ก่อนเยือน เดนเวอร์ บรองโกส์ แล้วก็เข้าสู่บายวีค ซึ่งถ้าหากผ่านครึ่งทางฤดูกาลปกติด้วยสถิติสัก 6-2 ไลออนส์โฉมใหม่มีสิทธิลุ้นตั๋ว "ไวลด์การ์ด" เข้าโพสต์ซีซันเต็มตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น