ASTV ผู้จัดการรายวัน – คืนวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ซาแมนธา สโตเซอร์ สร้างชื่อเป็นนักเทนนิสหญิงชาวออสเตรเลียคนแรกในรอบ 38ปี ที่คว้าแกรนด์สแลม ยูเอส โอเพน มาครองได้สำเร็จ หลังโค่นเต็งแชมป์อย่าง เซเรนา วิลเลียมส์ ขวัญใจเจ้าถิ่น โดยสโตเซอร์เป็นนักเทนนิสจากออสเตรเลียคนที่สามต่อจาก อีวอนเน กูลากอง ในปี 1980 ที่คว้าแชมป์วิมเบิลดันมาครอง ขณะเดียวกันความสำเร็จดังกล่าวยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับหวดวัย 27 ปี ได้เป็นอย่างดี ก่อนจะกลับไปลงแข่ง ออสเตรเลียน โอเพน ที่ประเทศบ้านเกิดในปีหน้า ส่วนบรรดานักวิเคราะห์ยังเชื่อมั่นว่า เซเรนา ยังมีโอกาสทวงความสำเร็จในฐานะอดีตมือ 1 ของโลกกลับคืนมาอีกครั้ง หากยังรักษาสภาพร่างกายและฟอร์มการเล่นอันแข็งแกร่งไว้ได้เช่นเดิม
การแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมรายการสุดท้ายของปี “ยูเอส โอเพน 2011” ประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่าง เซเรนา วิลเลียมส์ นักหวดหญิงอดีตมือ 1 โลก ชาวอเมริกัน และ ซาแมนธา สโตเซอร์ หวดมือวางอันดับ 9 ของรายการ ชาวออสซี ซึ่งก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น หลายฝ่ายมองว่า เซเรนา ที่กลับมาคืนฟอร์มแกร่งจากอาการบาดเจ็บอีกครั้ง พร้อมกำความได้เปรียบจากการลงเล่นในบ้านต่อหน้าแฟนเทนนิสของตัวเองนับหมื่นคน น่าจะเป็นฝ่ายคว้าสแลมยูเอสฯ ได้ไม่ยาก
แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อผลการแข่งขันปรากฏว่า สโตเซอร์ เป็นฝ่ายโค่นเต็งแชมป์อย่างเซเรนา ไปอย่างสบายมือ 2-0 เซต 6-2,6-3 โดยทางด้านของ สโตเซอร์ นอกจากจะคว้าแชมป์พร้อมเงินรางวัลจำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 59 ล้านบาท) ไปครองแล้ว ยังกลายเป็นนักเทนนิสหญิงชาวออสเตรเลียคนแรกที่คว้าแชมป์ ยูเอส โอเพน นับตั้งแต่ มาร์กาเรต คอร์ต เคยทำได้ในปี 1973 ก่อนเตรียมขยับขึ้นเป็นมือวางอันดับ 7 ของโลก จากการจัดอันดับนักเทนนิสหญิงของดับเบิลยูทีเอ ครั้งต่อไป
หลังจบการแข่งขัน สโตเซอร์ กล่าวความรู้สึกที่คว้าสแลมได้เป็นรายการแรกในชีวิตว่า “ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะสามารถคว้าแชมป์ได้ด้วยการเอาชนะคู่แข่งอย่าง เซเรนา วิลเลียมส์ ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่อยู่หลังเก็บชัยชนะได้ในเซตแรก แต่จากนั้น ฉันก็ลงไปในสนามโดยมุ่งสมาธิไปที่แต่ละเกม ทำตามแผนการเล่นที่วางไว้และไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป”
ขณะเดียวกัน หวดวัย 27 ปี ก็ยอมรับว่าความสำเร็จดังกล่าวถือเป็นการสร้างความกดดันให้กับตัวเองเช่นเดียวกัน เมื่อถึงเวลาต้องเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิด เพื่อลงแข่งขัน ออสเตรเลียน โอเพน ในปีหน้า โดยกล่าวว่า “ถือเป็นแรงกดดันที่แตกต่างออกไป เมื่อต้องกลับไปแข่งขันที่เมลเบิร์น แต่ฉันรู้ว่านับจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ฉันได้เรียนรู้จากผลงานของตัวเองตลอดทั้งปีที่ผ่านมา รวมถึงมีความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ฉันเชื่อมั่นว่าหากยังรักษาฟอร์มการเล่นไว้ได้เช่นวันนี้ ก็หวังว่าผลงานในบ้านเกิดก็ย่อมออกมาดีเช่นกัน”
สำหรับ เซเรนา แม้จะสร้างความผิดหวังให้กับแฟนเทนนิสเจ้าถิ่น ที่ไม่สามารถกระชากแกรนด์สแลมใบที่ 14 มาครองได้ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ แต่บรรดานักวิจารณ์มองว่า วงการเทนนิสยังต้องการผู้เล่นอย่างเซเรนา ไว้คอยสร้างสีสันอยู่เหมือนเดิม เพราะหากเทนนิสที่ปราศจากเซเรนา ก็เหมือนกับวงการกอล์ฟ ที่ขาดผู้เล่นหมายเลข 1 อย่าง ไทเกอร์ วูดส์ เช่นกัน พร้อมยังเชื่อว่า หากวันใดที่เซเรนามีสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์ และรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งไว้ได้ ก็ยังมีโอกาสที่เซเรนา จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมมาครองได้อีกครั้ง
ณ เวลานี้ ฤดูกาลแกรนด์สแลมของฝ่ายหญิงได้ปิดฉากครบทั้งสี่รายการแล้ว จากนี้ไปแฟนเทนนิสต้องจับตามองว่าเมื่อถึงฤดูกาลหน้า สโตเซอร์ที่มีความมั่นใจมากขึ้นหลังซิวสแลมส่งท้ายปีที่สหรัฐอเมริกา จะรักษาฟอร์มการเล่นของตัวเอง รวมถึงสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ให้กับวงการลูกสักหลาดในแดนจิงโจ้ ได้หรือไม่ เมื่อถึงเวลาที่การแข่งขัน ออสเตรเลียน โอเพน เปิดฉากขึ้น หรือจะเป็นเพียงแค่นักเทนนิสหญิงที่ก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จเพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งคงต้องยกหน้าที่ให้ สโตเซอร์ เป็นฝ่ายตอบคำถามด้วยผลงานของตัวเอง
