ชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมมอบนโยบายในการปฏิบัติราชการแก่ผู้บริหารของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2554 ด้าน "บิ๊กหนุ่ม" กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เร่งจัดกรอบงบประมาณเพื่อสรุปตัวเลขพร้อมผลักดันนโยบายมาตรการลดภาษีอุปกรณ์กีฬาให้ทันประจำปี 2555
ตามที่ได้มีการแต่งตั้งนายชุมพล ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมสตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุด ฝ่ายประชาสัมพันธ์กระทรวงฯ แจ้งว่า นายชุมพล ศิลปอาชา มีกำหนดการเป็นประธานมอบนโยบายในการปฏิบัติราชการแก่ผู้บริหารของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในวันจันทร์ที่ 5 กันยายน เวลา 9.00 น.ที่ห้องประชุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในโอกาสที่ได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการอีกครั้ง โดยในส่วนของด้านกีฬาจะมีผู้บริหารสูงสุดจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), กรมพลศึกษา และสถาบันพลศึกษา เข้าร่วมในวันดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียง
ขณะเดียวกัน "บิ๊กหนุ่ม" นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการจัดกรอบงบประมาณสำหรับปี พ.ศ.2555 ว่า "ขณะนี้กระทรวงฯ กำลังทำงานกันอย่างเร่งด่วนร่วมกับหน่วยภายในสังกัดด้านกีฬาคือ กกท., กรมพลศึกษา และสถาบันพลศึกษา เพราะได้ล่วงเลยในช่วงปกติมาแล้ว เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐบาลพอดี อย่างไรก็ดียังไม่ได้สรุปตัวเลข สำหรับนโยบายด้านกีฬาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อสภาไป 4 ข้อใหญ่ ทั้งหมดเขียนจากพันธกิจขององค์กรด้านกีฬาทั้งหมดรวมกันพร้อมกับมีสิ่งใหม่ๆ เสริมเข้ามา เช่น เรื่องมาตรการทางภาษี ซึ่งจะสามารถผลักดันนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้ทันทีที่งบประมาณประจำปี 2555 คลอด แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่างบฯ จะต้องได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะปีที่ผ่านมาก็ถือว่าน้อย"
อนึ่ง คำแถลงนโยบายเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ที่อาคารรัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้แถลงในข้อ "การพัฒนากีฬา" ซึ่งอยู่ในหัวข้อนโยบายเศรษฐกิจ, นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ, ภาคการท่องเที่ยวการบริการและการกีฬาคือ 1.ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกีฬาภูมิภาคและของโลก จัดให้มีการแข่งขันกีฬาและกีฬาคนพิการระดับโลกที่สำคัญๆ ตลอดจนการประชุมเกี่ยวกับกีฬาระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวโดยความร่วมมือและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายเป็น "ทีมไทยแลนด์"
2.จัดหาและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการกีฬาให้เพียงพอ โดยเฉพาะสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สนามกีฬา วัสดุ อุปกรณ์ที่ทันสมัย และจัดให้มีผู้ฝึกสอน และอาสาสมัครการกีฬาประจำศูนย์และสนามกีฬา รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุนและการบริจาคเพื่อพัฒนาการกีฬาด้วยมาตรการจูงใจที่เหมาะสม เช่น มาตรการภาษี มาตรการส่งเสริมการลงทุน และมาตรการการเงิน ภายใต้ความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล
3.จัดให้มีทุนการศึกษาและทุนสนับสนุนแก่เด็กและเยาวชนที่มีความสามารถและมีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้มีความสามารถสูงด้านกีฬาในระดับนานาชาติ ให้สามารถพัฒนาเป็นนักกีฬาทีมชาติที่สร้างชื่อเสียงและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนของประเทศ รวมทั้งปรับบทบาทของกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติให้สนับสนุนภารกิจการพัฒนานักกีฬาตั้งแต่เด็กและเยาวชน
4.พัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศด้วยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬามาประยุกต์ใช้อย่างจริงจัง เพื่อพัฒนากีฬาที่มีศักยภาพไปสู่กีฬาอาชีพ พร้อมไปกับการพัฒนาผู้ฝึกสอนและผู้ตัดสินให้ได้มาตรฐานสากล ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการองค์กรกีฬาอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้ผู้พิการเข้าถึงการกีฬาและการแข่งขันกีฬาในทุกระดับ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถในนามทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาและมหกรรมกีฬาต่างๆ
ตามที่ได้มีการแต่งตั้งนายชุมพล ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมสตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุด ฝ่ายประชาสัมพันธ์กระทรวงฯ แจ้งว่า นายชุมพล ศิลปอาชา มีกำหนดการเป็นประธานมอบนโยบายในการปฏิบัติราชการแก่ผู้บริหารของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในวันจันทร์ที่ 5 กันยายน เวลา 9.00 น.ที่ห้องประชุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในโอกาสที่ได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการอีกครั้ง โดยในส่วนของด้านกีฬาจะมีผู้บริหารสูงสุดจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), กรมพลศึกษา และสถาบันพลศึกษา เข้าร่วมในวันดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียง
ขณะเดียวกัน "บิ๊กหนุ่ม" นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการจัดกรอบงบประมาณสำหรับปี พ.ศ.2555 ว่า "ขณะนี้กระทรวงฯ กำลังทำงานกันอย่างเร่งด่วนร่วมกับหน่วยภายในสังกัดด้านกีฬาคือ กกท., กรมพลศึกษา และสถาบันพลศึกษา เพราะได้ล่วงเลยในช่วงปกติมาแล้ว เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐบาลพอดี อย่างไรก็ดียังไม่ได้สรุปตัวเลข สำหรับนโยบายด้านกีฬาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อสภาไป 4 ข้อใหญ่ ทั้งหมดเขียนจากพันธกิจขององค์กรด้านกีฬาทั้งหมดรวมกันพร้อมกับมีสิ่งใหม่ๆ เสริมเข้ามา เช่น เรื่องมาตรการทางภาษี ซึ่งจะสามารถผลักดันนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้ทันทีที่งบประมาณประจำปี 2555 คลอด แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่างบฯ จะต้องได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะปีที่ผ่านมาก็ถือว่าน้อย"
อนึ่ง คำแถลงนโยบายเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ที่อาคารรัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้แถลงในข้อ "การพัฒนากีฬา" ซึ่งอยู่ในหัวข้อนโยบายเศรษฐกิจ, นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ, ภาคการท่องเที่ยวการบริการและการกีฬาคือ 1.ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกีฬาภูมิภาคและของโลก จัดให้มีการแข่งขันกีฬาและกีฬาคนพิการระดับโลกที่สำคัญๆ ตลอดจนการประชุมเกี่ยวกับกีฬาระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวโดยความร่วมมือและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายเป็น "ทีมไทยแลนด์"
2.จัดหาและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการกีฬาให้เพียงพอ โดยเฉพาะสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สนามกีฬา วัสดุ อุปกรณ์ที่ทันสมัย และจัดให้มีผู้ฝึกสอน และอาสาสมัครการกีฬาประจำศูนย์และสนามกีฬา รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุนและการบริจาคเพื่อพัฒนาการกีฬาด้วยมาตรการจูงใจที่เหมาะสม เช่น มาตรการภาษี มาตรการส่งเสริมการลงทุน และมาตรการการเงิน ภายใต้ความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล
3.จัดให้มีทุนการศึกษาและทุนสนับสนุนแก่เด็กและเยาวชนที่มีความสามารถและมีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้มีความสามารถสูงด้านกีฬาในระดับนานาชาติ ให้สามารถพัฒนาเป็นนักกีฬาทีมชาติที่สร้างชื่อเสียงและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนของประเทศ รวมทั้งปรับบทบาทของกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติให้สนับสนุนภารกิจการพัฒนานักกีฬาตั้งแต่เด็กและเยาวชน
4.พัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศด้วยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬามาประยุกต์ใช้อย่างจริงจัง เพื่อพัฒนากีฬาที่มีศักยภาพไปสู่กีฬาอาชีพ พร้อมไปกับการพัฒนาผู้ฝึกสอนและผู้ตัดสินให้ได้มาตรฐานสากล ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการองค์กรกีฬาอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้ผู้พิการเข้าถึงการกีฬาและการแข่งขันกีฬาในทุกระดับ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถในนามทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาและมหกรรมกีฬาต่างๆ
