xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กอ๊อด"ดักคนกีฬาอย่าหากินกับสมาคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปธ.อลป.ไทยดักคอผู้บริหาร ส.กีฬาอย่าเข้ามาเพื่อตักตวงผลประโยชน์
"บิ๊กอ๊อด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เตือนสติคนกีฬาตั้งใจรับใช้ชาติอย่างจริงใจ อย่าเข้ามาหาผลประโยชน์ภายในสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เพราะอาจเป็นปัญหาลุกลามระดับประเทศเหมือนทุกวันนี้

เมื่อเวลา 11.30 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม 2554 พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานการประชุมกรรมการบริหารคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ครั้งที่ 3/2554 ณ ห้องประชุมใหญ่คณะกรรมการโอลิปิคฯ ถนนศรีอยุธยา โดยวาระสำคัญเป็นการแจ้งเพื่อทราบถึงความก้าวหน้าของกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ซึ่งจะมีขึ้นที่เมืองปาเลมบัง และกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายนนี้

โดยที่ประชุมได้แจ้งเรื่องสื่บเนื่องจากการประชุมกรรมการบริหารคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ครั้งที่ 2/2554 เมื่อวันอังคารที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา เรื่องคณะกรรมการโอลิมปิคสากล (ไอโอซี) จะทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "ไอโอซี โทรฟี" และสหพันธ์เรือใบนานาชาติ (ไอเอสเอเอฟ) จะทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "ไอเอสเอเอฟ อวอร์ด" ซึ่งเป็นรางวัลหางเสือเรือใบมดทำด้วยทองคำ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเทิดพระเกียรติฯ ที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักกีฬา และเนื่องในวโรกาสทรงมีพระชนมายุ 84 พรรษา โดยทั้ง 2 องค์กร ได้ให้คณะกรรมการโอลิมปิคฯ ประสานราชเลขาธิการ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว ขณะนี้ก็เหลือเพียงขั้นตอนโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้า

จากนั้น พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ในฐานะรองประธานสหพันธ์ยกน้ำหนักแห่งเอเชีย ได้ชี้แจงให้ประชุมรับทราบหลังจากเดินทางเป็นผู้แทนสหพันธ์กีฬาในการประชุมเทคนิคกีฬาในชนิดกีฬาที่จัดการแข่งขัน ณ เมืองปาเลมบัง ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค.ที่ผ่านมา ถึงความคืบหน้าการเตรียมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ว่า "ทางเจ้าภาพได้สรุปชัดเจนแล้วว่าจะมีการแข่งขันทั้งหมด 42 ชนิดกีฬา 545 เหรียญทอง แยกเป็น 2 เมือง ที่กรุงจาการ์ตา 22 ชนิด 260 เหรียญทอง และเมืองปาเลมบัง 20 ชนิดกีฬา 285 เหรียญทอง ส่วนกีฬาสาธิต คือ คริกเก็ต"

"สำหรับพิธีเปิด-ปิด จะมีขึ้นที่ปาเลมบัง ซึ่งความพร้อมที่ปาเลมบัง ตอนนี้กำลังเร่งก่อสร้างสนามให้เสร็จ ถือว่าคืบหน้าไปพอสมควร เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชนบท อีกทั้งบรรดาสื่อมวลชนไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทางเพราะสนามอยู่ในเมืองและไม่ไกลกันนัก ขณะที่กีฬาฟุตบอล ทางเจ้าภาพยืนยันแล้วว่าจะให้แข่งในจาการ์ตาเพียงที่เดียว นอกจากนี้ อินโดนีเซีย กำลังคัดเลือกว่าจะให้ประเทศใดระหว่าง ไทย, จีน หรือ อินเดีย ที่จะเข้ามาดูแลเรื่องการตรวจโด๊ป อย่างไรก็ตามการส่งชื่อนักกีฬาแต่ละชาติต้องไม่เกินวันที่ 30 กันยายนนี้"

ด้าน พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองคณะกรรมการและเลขาธิการโอลิมปิค กล่าวเสริมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายสมาคมฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเตรียมทีมไปซีเกมส์ ว่า "ในส่วนของบาสเกตบอล ตอนนี้ได้ ดร.ณัฐ อินทรปาณ ผู้แทนคณะกรรมการโอลิมปิคสากล หรือ ไอโอซี ของไทยเป็นผู้ประสานงานกับสหพันธ์บาสเกตบอลนานาชาติ หรือ ฟีบา อย่างเต็มที่ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วง และขอให้มั่นใจว่าทีมชาติไทยได้ลงแข่งขันในนามสมาคมชุดใหม่แน่นอน"

"ส่วนมวยสากลสมัครเล่นได้มีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้นเมื่อ พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ พร้อมเดินทางไปประเทศคาซัคสถานปลายเดือนนี้เพื่อชี้แจงร่วมกับคุณกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และ มนตรี ไชยพันธุ์ รองผู้ว่า กกท. ในฐานะคณะทำงานสมาคมมวยสากลสมัครเล่นเพื่อชี้แจงถึงการถอดถอนชื่อ ไทยแลนด์ บ็อกซิ่ง แอสโซซิเอชัน ที่ยังไม่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง เพื่อให้กกท.ได้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมมวยฯ คนใหม่ต่อไป"

ท้ายนี้ "บิ๊กอ๊อด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้เตือนสติบุคคลที่สนใจเข้ามาบริหารงานภายในสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยว่า "อย่างไรก็ดี หลังมีปัญหาเรื่องการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ภายในวงการกีฬาไทยไม่ว่าจะเป็น บาสเกตบอล, ยิงปืน หรือ มวยสากลสมัครเล่น จนลุกลามบานปลายเรื่องถึงสหพันธ์กีฬาระดับนานาชาติ ผมจึงขอความร่วมมือกับคนกีฬาอยากให้คิดว่าตัวเองเป็นเบื้องหลังคอยผลักดันให้สมาคมกีฬาที่ตนรับผิดชอบสร้างชื่อเสียงให้ประเทศเป็นหลัก อย่าพยายามเข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์ เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมันไม่ใช่เพียงในประเทศเท่านั้น แต่มันจะลุกลามเป็นปัญหาระดับประเทศ ดังนั้นการแก้ไขย่อมยากมากขึ้นด้วย"

อนึ่ง ผศ.ดร.ณัฐ อินทรปาณ ผู้แทนคณะกรรมการโอลิมปิคสากล หรือ ไอโอซี ประจำประเทศไทย เผยในที่ประชุมว่าตนกำลังจะเสนอชื่อประเทศไทยเพื่อรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคสากล ในปี 2015 เพราะหลังจากที่ประเทศสิงค์โปร์รับหน้าเสื่อไปเมื่อครั้งที่ผ่านมานั้นทำให้มีเงินเข้าประเทศได้มากถึง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 500 ล้าน ดังนั้นจึงคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเมืองไทยทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว
กำลังโหลดความคิดเห็น