"ช่วงเวลาที่เลวร้ายในกีฬากอล์ฟเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่าช่วงเวลาที่ดี และเคยมีเวลาที่ผมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับการเล่นของผม แต่เพื่อนๆและครอบครัวบอกผมให้ฝึกซ้อมและพยายามต่อไป นั้นคือเหตุผลที่ผมได้มาอยู่ที่นี่ มันเป็นความรู้สึกที่น่าฉงน เพราะผมฝันมาตั้งแต่เด็กๆที่จะคว้าแชมป์ดิ โอเพน ซึ่งก็เหมือนกับความฝันของเด็กทุกคน และในที่สุดเมื่อผมทำได้ มันก็เป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก"
ข้างต้นคือคำกล่าวของ ดาร์เรน คลาร์ก โปรชาวไอร์แลนด์เหนือ หลังผงาดคว้าแชมป์เมเจอร์แรกในชีวิตจากรายการดิ โอเพน แชมเปียนชิป ครั้งที่ 140 ณ สนามรอยัล เซนต์ จอร์จส์ ในเมืองแซนด์วิช ประเทศอังกฤษ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่หลายคนมองว่า คลาร์ก ในวัย 42 ปีกำลังอยู่ในช่วงขาลงสวนทางกับบรรดาผู้เล่นดาวรุ่งดวงใหม่ที่ทยอยขึ้นมาประดับวงการก้านเหล็กนำโดย รอรีย์ แม็คอิลรอย นักกอล์ฟรุ่นน้องร่วมชาติ ดังนั้นการคว้าคลาเร็ต จัก จึงเป็นผลตอบแทนความอดทนพยายามของโปรชาวไอริชที่ลงชิงชัยในดิ โอเพน มาร่วม 20 ครั้ง และเป็นรางวัลปลอบใจจากที่เคยเผชิญมรสุมชีวิตในช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้
คลาร์ก เริ่มต้นชีวิตการเล่นกอล์ฟอาชีพได้อย่างสวยงามจนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าของวงการช่วงยุคปลายทศวรรษ 1990 ต่อต้นศตวรรษ 2000 โดยเคยคว้ารองแชมป์ดิ โอเพน ที่สนามรอยัล ทรูน เมื่อปี 1997 และได้อันดับสามในปี 2001 ก่อนหน้านั้นหนึ่งปียังสร้างชื่อด้วยการโค่น "พญาเสือ" ไทเกอร์ วูดส์ ยอดโปรชาวอเมริกัน คว้าแชมป์กอล์ฟเวิลด์ แมตช์เพลย์ แชมเปียนชิป แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและการเล่นของเขาคือการที่ ฮีทเธอร์ อดีตภรรยาถูกตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านมและได้เสียชีวิตลงในปี 2006 ปล่อยให้ คลาร์ก เลี้ยงลูกชายสองคนคือ ไทรอน และ คอเนอร์ ตามลำพัง
เนื่องจาก ฮีทเธอร์ ชอบการแข่งขันกอล์ฟไรเดอร์ คัพมาก และโน้มน้าวให้สามีเข้าร่วมแข่งขันตลอดแม้ว่าตนเองป่วยอยู่ ดังนั้น คลาร์ก จึงตัดสินใจรับคำเชิญจาก เอียน วูสแนม กัปตันทีมให้เข้าร่วมทีมไรเดอร์ คัพ ประจำปี 2006 ในฐานะสมาชิกไวลด์การ์ดหลังจากภรรยาเสียชีวิต 6 สัปดาห์ และ คลาร์ก ก็เก็บ 3 แต้มจาก 3 แมตช์ช่วยให้ยุโรปเอาชนะทีมสหรัฐอเมริกาในการชิงชัยที่สนามเค คลับ เมืองดับบลิน ประเทศไอร์แลนด์ โดย คลาร์ก ซึ่งเป็นผู้เล่นที่แฟนๆและเพื่อนร่วมอาชีพชื่นชอบจากความเป็นคนง่ายๆ สนุกสนาน รักการดื่มและชอบสูบบุหรี่ ก็ฉลองชัยด้วยการเอาเบียร์ราดลงบนระเบียงของคลับเฮาส์
อีก 1-2 ปีถัดมา คลาร์ก ตัดสินใจย้ายครอบครัวจากกรุงลอนดอนกลับยังบ้านเกิดไอร์แลนด์เหนือ และเมื่อลูกชายทั้งสองคนปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ได้แล้ว เขาก็เริ่มก้าวต่อไปในชีวิตของตัวเองบ้าง กระทั่งพบรักกับ อลิสัน แคมพ์เบลล์ อดีตนางแบบและทั้งคู่ก็ได้หมั้นกัน โดย อลิสัน ก็ได้ปรากฎตัวบนหลุมที่ 18 ของสนามรอยัล เซนต์ จอร์จส์ ด้วยเพื่อฉลองชัยชนะกับ คลาร์ก อย่างไรก็ตาม คลาร์ก ก็ยังไม่ลืมเลือน ฮีทเธอร์ โดยกล่าวถึงอดีตภรรยาว่า "สิ่งที่ผ่านเข้ามาในจิตใจของผมนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นคนผู้ซึ่งกำลังมองดูจากบนฟ้าด้วย และผมรู้ว่าเธอภูมิใจในตัวผม ถ้าเธอยังอยู่ก็คงจะพูดกับผมว่า 'ฉันบอกคุณแล้วไงว่าคุณทำได้' "
คลาร์ก คว้าแชมป์เมเจอร์แรกสำเร็จในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งยังมาจากการทำงานอย่างหนักร่วมกับ พีท โคเวน, ดร.บ็อบ โรเทลลา และไมค์ ฟินนิแกน ทีมงานโค้ชของตนเอง โดยโปรชาวไอริช ได้สัมผัสชัยชนะเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีจากการคว้าแชมป์กอล์ฟยูโรเปียน ทัวร์ รายการ ไอเบอร์โดรรา โอเพน ที่ประเทศสเปน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนคว้าแชมป์ดิ โอเพน บนสนามรอยัล เซนต์ จอร์จส์ จากการทำสกอร์รวมสี่วัน 5 อันเดอร์พาร์ เอาชนะ เอาชนะ ฟิล มิคเคลสัน และ ดัสติน จอห์นสัน สองโปรชาวอเมริกันจำนวน 3 สโตรก
"มันเป็นการเดินทางอันยาวนานและตอนนี้ผมไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว แต่คุณรู้ไหมในที่สุดผมก็ทำได้ มันอาจเป็นเมเจอร์เดียวที่ผมชนะหรือผมอาจชนะเมเจอร์รายการอื่นอีกก็ได้ แต่อย่างน้อยผมทำอย่างดีที่สุด ผมเคยบอกลูกๆให้พยายามทำอะไรต่างๆอย่างดีที่สุดและผมไม่ขออะไรพวกเขามากกว่านั้น ดังนั้นพ่อของพวกเขาก็ควรพยายามและทำให้ดีที่สุดด้วย" คลาร์ก ซึ่งเป็นอีกตัวอย่างของผู้แพ้ที่กลับมาชนะอีกครั้งกล่าวทิ้งท้าย