"บิ๊กหนุ่ม" กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. สวมบทโหดตัดคำว่า "แห่งประเทศไทย" ออกจากการพ่วงท้ายสมาคมมวยสากลสมัครเล่น เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม 2554 ก่อนเข้าดำเนินการบริหารจัดการเพื่อหากลุ่มคณะเข้ามาทำงานแทนผู้บริหารชุดเก่าต่อไป
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันศุกร์ที่ 1 ก.ค. ที่ห้องประชุม 1 ณ สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศ กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่า กกท. พร้อมด้วย จตุรพร ณ นคร รองผู้ว่าการฝ่ายส่งเสริมกีฬาของกกท. , นนทชัย ศานติบุตร ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการกกท. , ณัฐวุฒิ เรืองเวส ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศของ กกท. ร่วมกันแถลงการดำเนินการบริหารจัดการสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย หลัง พล.อ.นรินทร์ แทบประสิทธิ์ นายกสมาคมฯ ไม่จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามคำสั่งของสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบา) เป็นเหตุให้หมิ่นเหม่ต่อการที่ไทยจะหมดสิทธิส่งนักกีฬาความหวังลงแข่งในรายการต่างๆ ที่มีไอบา รับรอง
โดย นายกนกพันธุ์ ประกาศใช้พระราชบัญญัติ การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2528 ถอดถอนคำว่า "แห่งประเทศไทย" ออกจากสมาคมมวยสากลสมัครเล่น และมีการชี้แจงถึงเหตุผลดังนี้ "ตามที่ไอบา ได้มีการขีดเส้นตายให้สมาคมมวยฯ ทำการเลือกตั้งใหม่ภายในวันที่ 30 มิ.ย. แต่นี่ล่วงเลยมาถึงวันที่ 1 ก.ค. ทางสมาคมมวยฯ ก็ยังนิ่งเฉย ดังนั้น กกท.มีความจำเป็นต้องอาศัยอำนาจตาม พรบ.กกท. ปี 2528 ตามาตราที่ 54 และ 55 และข้อบังคับของ กกท.ฉบับที่ 2 ข้อ 9 มีใจความว่า สมาคมกีฬา "แห่งประเทศไทย" ซึ่งบุคคลใดที่ได้รับการอนุญาตได้กระทำการใดๆ ที่เป็นผลเสียแก่ประเทศชาติ จนถูกดูหมิ่นหรือเกลียดชัง ต้องปฏิบัติตามกฎของ กกท. ส่วนฉบับที่ 6 ข้อ 14 ว่าด้วย สมาคมกีฬาจะกระทำการใดๆ ต่อไปนี้ไม่ได้ เมื่อมีการนำความเสื่อมเสียทั้งทางตรงและทางอ้อมมาสู่ประเทศ รวมทั้ง ฉบับ 6 ข้อ 22 เมื่อมติในที่ประชุมของสมาคมกีฬาใดๆ เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ ทางกกท. มีอำนาจหน้าที่ เพื่อดำเนินการแก้ไข กกท.มีอำนาจระงับหรือเพิกถอนการใช้คำว่าแห่งประเทศไทย"
"ซึ่งวันนี้ผมได้ส่งหนังสือเรื่องการเพิกถอนคำว่าแห่งประเทศไทยไปให้ทางสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนขั้นตอนต่อไปที่ทาง กกท. และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยจะดำเนินต่อไปนั้น คือการธำรงไว้ซึ่งสิทธิการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันรายการต่างๆ ที่ไอบา รับรอง ตรงนี้ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า กกท. ได้ทำตามข้อบังคับของ พรบ. ปี 2528 ไม่มีอะไรเกินเลยอำนาจ ส่วนทางสมาคมมวยฯ จะยื่นอุทธรณ์การถูกเพิกถอนครั้งนี้หรือไม่ ต้องเป็นไปภายใน 7 วัน ทั้งนี้ขอให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทางสมาคมด้วย" บิ๊กหนุ่ม กล่าวต่อ
นอกจากนี้ บิ๊กบอส กกท. ยังพูดถึงการดำเนินการต่อไปหลังเข้ามาบริหารจัดการสมาคมมวยฯ เป็นการทิ้งท้าย "ตอนนี้ กกท.เปิดให้กลุ่มคณะบุคคลอื่นที่มีความสนใจ พร้อมรับผิดชอบและสนับสนุนวงการมวยสากลสมัครเล่นของไทย สามารถยื่นความจำนงค์เข้ามาบริหารงานได้ โดยยื่นเรื่องไปจดทะเบียดที่กรมการปกครอง จากนั้นกรมการปกครองก็จะส่งเรื่องต่อมาให้ กกท. เป็นผู้พิจารณาแต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ขอให้คณะบุคคลเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ พลเอกทวีป จันทรโรจน์ อดีตนายกสมาคมฯ คนเก่า มิเช่นนั้นปัญหาก็จะไม่ได้รับแก้ไขให้ลุล่วง ส่วนทางไอบา ตอนนี้เรายังไม่ได้รับหนังสือการระงับสิทธิสมาคมมวยฯ แต่อย่างใด จากนี้ทั้งผมและพลตรีจารึก อารีราชการันย์ เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกเเห่งประเทศไทย เตรียมนัดหมายเพื่อพูดคุยกับประธานและเลขาธิการสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกันต่อไป"
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันศุกร์ที่ 1 ก.ค. ที่ห้องประชุม 1 ณ สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศ กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่า กกท. พร้อมด้วย จตุรพร ณ นคร รองผู้ว่าการฝ่ายส่งเสริมกีฬาของกกท. , นนทชัย ศานติบุตร ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการกกท. , ณัฐวุฒิ เรืองเวส ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศของ กกท. ร่วมกันแถลงการดำเนินการบริหารจัดการสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย หลัง พล.อ.นรินทร์ แทบประสิทธิ์ นายกสมาคมฯ ไม่จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามคำสั่งของสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบา) เป็นเหตุให้หมิ่นเหม่ต่อการที่ไทยจะหมดสิทธิส่งนักกีฬาความหวังลงแข่งในรายการต่างๆ ที่มีไอบา รับรอง
โดย นายกนกพันธุ์ ประกาศใช้พระราชบัญญัติ การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2528 ถอดถอนคำว่า "แห่งประเทศไทย" ออกจากสมาคมมวยสากลสมัครเล่น และมีการชี้แจงถึงเหตุผลดังนี้ "ตามที่ไอบา ได้มีการขีดเส้นตายให้สมาคมมวยฯ ทำการเลือกตั้งใหม่ภายในวันที่ 30 มิ.ย. แต่นี่ล่วงเลยมาถึงวันที่ 1 ก.ค. ทางสมาคมมวยฯ ก็ยังนิ่งเฉย ดังนั้น กกท.มีความจำเป็นต้องอาศัยอำนาจตาม พรบ.กกท. ปี 2528 ตามาตราที่ 54 และ 55 และข้อบังคับของ กกท.ฉบับที่ 2 ข้อ 9 มีใจความว่า สมาคมกีฬา "แห่งประเทศไทย" ซึ่งบุคคลใดที่ได้รับการอนุญาตได้กระทำการใดๆ ที่เป็นผลเสียแก่ประเทศชาติ จนถูกดูหมิ่นหรือเกลียดชัง ต้องปฏิบัติตามกฎของ กกท. ส่วนฉบับที่ 6 ข้อ 14 ว่าด้วย สมาคมกีฬาจะกระทำการใดๆ ต่อไปนี้ไม่ได้ เมื่อมีการนำความเสื่อมเสียทั้งทางตรงและทางอ้อมมาสู่ประเทศ รวมทั้ง ฉบับ 6 ข้อ 22 เมื่อมติในที่ประชุมของสมาคมกีฬาใดๆ เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ ทางกกท. มีอำนาจหน้าที่ เพื่อดำเนินการแก้ไข กกท.มีอำนาจระงับหรือเพิกถอนการใช้คำว่าแห่งประเทศไทย"
"ซึ่งวันนี้ผมได้ส่งหนังสือเรื่องการเพิกถอนคำว่าแห่งประเทศไทยไปให้ทางสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนขั้นตอนต่อไปที่ทาง กกท. และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยจะดำเนินต่อไปนั้น คือการธำรงไว้ซึ่งสิทธิการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันรายการต่างๆ ที่ไอบา รับรอง ตรงนี้ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า กกท. ได้ทำตามข้อบังคับของ พรบ. ปี 2528 ไม่มีอะไรเกินเลยอำนาจ ส่วนทางสมาคมมวยฯ จะยื่นอุทธรณ์การถูกเพิกถอนครั้งนี้หรือไม่ ต้องเป็นไปภายใน 7 วัน ทั้งนี้ขอให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทางสมาคมด้วย" บิ๊กหนุ่ม กล่าวต่อ
นอกจากนี้ บิ๊กบอส กกท. ยังพูดถึงการดำเนินการต่อไปหลังเข้ามาบริหารจัดการสมาคมมวยฯ เป็นการทิ้งท้าย "ตอนนี้ กกท.เปิดให้กลุ่มคณะบุคคลอื่นที่มีความสนใจ พร้อมรับผิดชอบและสนับสนุนวงการมวยสากลสมัครเล่นของไทย สามารถยื่นความจำนงค์เข้ามาบริหารงานได้ โดยยื่นเรื่องไปจดทะเบียดที่กรมการปกครอง จากนั้นกรมการปกครองก็จะส่งเรื่องต่อมาให้ กกท. เป็นผู้พิจารณาแต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ขอให้คณะบุคคลเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ พลเอกทวีป จันทรโรจน์ อดีตนายกสมาคมฯ คนเก่า มิเช่นนั้นปัญหาก็จะไม่ได้รับแก้ไขให้ลุล่วง ส่วนทางไอบา ตอนนี้เรายังไม่ได้รับหนังสือการระงับสิทธิสมาคมมวยฯ แต่อย่างใด จากนี้ทั้งผมและพลตรีจารึก อารีราชการันย์ เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกเเห่งประเทศไทย เตรียมนัดหมายเพื่อพูดคุยกับประธานและเลขาธิการสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกันต่อไป"