การท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือ กทท. ลงนาม MOU ร่วมกับ ซุปเปอร์ริชฯ เปิดทางบริหารทีม "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี เป็นเวลา 5 ปี พร้อมตั้ง ธงชัย สุขโกกี คุมทัพ มั่นใจจบฤดูกาลที่ท็อป 5 ไทยพรีเมียร์ลีก
เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2554 ณ อาคารการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีการแถลงข่าวการลงบันทึกความเข้าใจร่วมกันหรือ MOU ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทย กับ บริษัท ซุปเปอร์ริช แบ็งคอก จำกัด ที่เข้ามาเป็นผู้สนับสนุน และบริหารสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ในศึกฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก
ทั้งนี้มีการเปิดเผยว่ามีการลงนาม MOU ร่วมกันเป็นเวลา 5 ปี โดยมีเงื่อนไขสัญญา 3 ข้อ ประกอบด้วย 1 เซ็นสัญญาร่วมกันเป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2554 ถึง กุมภาพันธ์ 2559 เพื่อสร้างทีมในระยะยาว 2. การใช้สนามแพท สเตเดียม ร่วมกันระหว่าง การท่าเรือแห่งประเทศไทย และ การท่าเรือไทย เอฟซี โดยการใช้สนามของหน่วยงานแม่ ต้องไม่ตรงกับวันเวลาแข่งขันของสโมสร และ 3. หากทั้งสองฝ่ายต้องการขอยกเลิก MOU ดังกล่าว ต้องมีการแจ้งล่วงหน้า 6-12 เดือน
โดยนายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า "ถึงวันนี้ทั้งสองฝ่ายมีความชัดเจนในข้อตกลง MOU เพื่อให้สโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ และเก่าแก่แห่งหนึ่งของประเทศไทย ยังคงความยิ่งใหญ่ต่อไปในวงการฟุตบอลเหมือนที่เคยผ่านมา"
ด้าน "บิ๊กเบญ" วรพงษ์ ตันติเวชยานนท์ รองประธานสโมสร "สิงห์เจ้าท่า" และผู้บริหาร "ซุปเปอร์ริช" กล่าวว่า "ผมเป็นคนทำงานจริงจัง ดังนั้นจึงต้องการทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เมื่อรับปากว่าจะพาทีมการท่าเรือไทย เอฟซี ก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ ก็ต้องทำให้ได้ตามที่สิ่งที่พูดออกไป"
ในส่วนผลงานของทีม "สิงห์เจ้าท่า" นั้น "บิ๊กเบญ" กล่าวต่อด้วยว่า "ปัจจุบันทีมอยู่อันดับที่ 5 ซึ่งนับว่าน่าพอใจมาก และผมหวังไว้ว่าเมื่อจบเลก 2 แล้วเราจะยังรักษาอันดับท็อป 5 เอาไว้ได้เช่นเดิม ส่วนผู้เล่นและ สะสม พบประเสริฐ ผู้จัดการทีมที่ย้ายออกไปร่วมงานกับทีมบุรีรัมย์ เอฟซี ในดิวิชั่น 1 ก็ถือเป็นผู้เสียสละเพื่อทีม จากนี้เราคงไม่ปล่อยนักเตะตัวหลักออกไปอีกแล้ว และเชื่อว่าด้วยศักยภาพผู้เล่นที่มีอยู่บวกกับความสามารถของ ธงชัย สุขโกกี ที่จะมาทำทีมแทนนั้นก็มีดีกรีไม่เป็นรองทีมใดในไทยพรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำ จะสามารถพาทีมก้าวต่อไป"
อย่างไรก็ตามในส่วนของการปรับปรุงสนามแพท สเตเดียม รองประธานทีม "สิงห์เจ้าท่า" กล่าวต่อไปว่า "ที่ผ่านมาเรามีปัญหาเรื่องความสว่างของไฟสนามไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงใหม่ ซึ่งทางการท่าเรือแห่งประเทศไทยพร้อมจะรับเรื่องดังกล่าวกลับไปดูแล ขณะที่ในอนาคตผมวางแผนที่จะสร้างสนามใหม่ให้กับการท่าเรือไทย เอฟซี บนพื้นที่เดิม เพื่อเพิ่มความจุ และความยิ่งใหญ่ของทีมต่อไป เพียงแต่คงต้องใช้เวลาพอสมควรเพราะเป็นโครงการใหญ่ แต่เชื่อว่าจะลุล่วงไปด้วยดี"
ขณะเดียวกันในเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน ณ สนามแพท สเตเดียม ได้มีการเปิดตัว "โค้ชธง" ธงชัย สุขโกกี เข้ามารับตำแหน่งกุนซือสโมสร การท่าเรือไทย เอฟซี อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเซ็นสัญญาคุมทัพเป็นเวลา 4 ปีด้วยกัน ทั้งนี้กุนซือเคราครึ้มเปิดเผยว่า "รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการติดต่อมาคุมทีมการท่าเรือฯ เนื่องจากเป็นสโมสรเก่าแก่ที่มีเกียรติประวัติยิ่งใหญ่ทีมหนึ่ง อีกทั้งยังดีใจที่ปัญหาเรื่อง MOU สามารถตกลงกันได้ จากนี้พร้อมจะก้าวเดินไปกับทีม เชื่อมั่นว่าจะไม่มีการปล่อยผู้เล่นตัวหลักออกไปอีก เนื่องจากผมต้องการเก็บนักเตะเหล่านี้ไว้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีรายงานว่าผู้เล่นอีก 6-8 คนจะย้ายออก แต่เมื่อมีความชัดเจนก็พร้อมอยู่ช่วยทีมต่อไป"
"สำหรับสไตล์การเล่นก็จะเน้นเอ็นเตอร์เทนเหมือนเดิม เชื่อว่าด้วยสภาพผู้เล่นที่มีอยู่เราไม่เป็นรองทีมใดในไทยพรีเมียร์ลีกแน่นอน มั่นใจว่าจะมีผลงานดีไม่แพ้การคุมทีมของโค้ชคนเก่าอย่างแน่นอน" ธงชัย สุขโกกี กล่าว
ส่วน เด่นพงษ์ พงษ์ญาติ ผู้อำนวยการทีมการท่าเรือไทย เอฟซี เผยถึงการเลือกตัว "โค้ชธง" มาร่วมงานว่า "ยินดีที่ได้ร่วมงานกับ โค้ชธง ผมมั่นใจว่าเราได้เคยเห็นผลงานของเขากับทีม จุฬาฯ มาแล้ว และจากนี้เขาจะมาทำงานร่วมกับการท่าเรือฯ ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ามีความเหมาะสม และเชื่อว่าจะทำผลงานดีได้ไม่แพ้ สะสม พบประเสริฐ กุนซือคนดังเช่นกัน"