เอเยนซี - ขณะที่ซีรีส์รอบชิงใหญ่ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ ฤดูกาล 2010/11 กำลังเข้มข้น เดิร์ก โนวิตซกี ต้องดิ้นรนอย่างหนักในการนำ ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ ฝ่าด่าน "บิ๊กทรี" (เลอบรอน เจมส์, ดีเวย์น เหว็ด, คริส บอช) และ ไมอามี ฮีท ไปให้ได้ เพื่อเถลิงแชมป์สมัยแรก ซึ่งถ้าคว้าโอกาสดีที่สุดเอาไว้ไม่ได้ ฟอร์เวิร์ดชาวเยอรมันส่อเข้าทำนอง "ราชันย์ไร้บัลลังก์" เป็นซูเปอร์สตาร์ไร้ซึ่งแหวนแชมป์ไว้เชยชม ดั่งตัวอย่างในบรรทัดต่อจากนี้
แพทริค อีวิง
ใช้เวลาเพียง 2 ซีซัน แพทริค อีวิง ดีกรีดราฟท์คนแรกของปี 1985 ตอบแทนความไว้วางใจ นิวยอร์ก นิกส์ ด้วยการพาแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่เข้าเพลย์ออฟ 14 ฤดูกาลติดต่อกัน (ระหว่างปี 1987-2001) ด้วยเกมรับที่เหนียวแน่นกอปรกับการจัมพ์ชู้ตใต้แป้นอันเป็นเอกลักษณ์ เซ็นเตอร์ร่าง 7 ฟุต ได้รับเลือกให้ติดทีม "ออล-สตาร์" ถึง 11 สมัย แต่สิ่งที่ อีวิง ไขว่คว้ามาโดยตลอดคือการสัมผัส "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" สักครั้งในอาชีพ อย่างไรก็ตาม แหวนแห่งเกียรติยศกลับไม่ยอมให้ อีวิง เป็นเจ้าของ แม้พา นิกส์ เข้าชิง 2 สมัย แต่สุดท้ายก็พ่ายให้ ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ที่มี ฮาคีม โอลาจูวอน ยอดเซ็นเตอร์แห่งยุคเป็นตัวชูโรง 3-4 เกม ในปี 1994 อีกห้าปีให้หลัง อีวิง ไม่สามารถต้านทาน "หอคอยคู่" เดวิด โรบินสัน และ ทิม ดันแคน จึงปราชัย ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ย่อยยับ 1-4 เกม แม้ อีวิง ถูกขนานนามว่าเป็นตำนานแห่งถิ่นเมดิสัน สแควร์ การ์เดน ทว่าน่าเสียดายที่ชื่อของเขาไม่ได้รับการจารึกว่าเป็นแชมป์ NBA แม้แต่สมัยเดียว
ชาร์ลส บาร์คลีย์
พยายามเข็น ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส อยู่นาน เต็มที่คือ ชาร์ลส บาร์คลีย์ พาต้นสังกัดทีมแรกใน NBA ไปถึงรอบชิงแชมป์สายตะวันออก ก่อนพ่าย บอสตัน เซลติกส์ ในปี 1985 จากนั้นฟอร์เวิร์ดซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการรีบาวด์ โยกไปร่วมทัพ ฟีนิกซ์ ซันส์ เพียงฤดูกาลแรก (1992-93) บาร์คลีย์ ก็เปล่งประกายความเป็นซูเปอร์สตาร์ทำเฉลี่ย 25.6 แต้ม 12.2 รีบาวด์ 5.1 แอสซิสต์ ต่อเกมนำ "ลูกพระอาทิตย์" มีสถิติชนะ 62 แพ้ 20 เกมในฤดูกาลปกติ ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) พาแฟรนไชส์กลับสู่รอบชิงหนแรกในรอบ 17 ปี แต่สุดท้ายไม่สามารถต้านทานความยิ่งใหญ่ ชิคาโก บูลส์ ภายใต้ยุคของ ไมเคิล จอร์แดน พ่ายไป 2-4 เกม นั่นเป็นซีรีส์รอบชิงใหญ่เพียงหนเดียวของ "เซอร์ ชาร์ลส" แม้มีการดิ้นเฮือกสุดท้ายในอาชีพเข้าร่วมทัพ ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ประสานงาน "เดอะดรีม" โอลาจูวอน ทว่าก็เสียทีแก่ จอห์น สต็อคตัน การ์ดทีเด็ด ยูทาห์ แจซซ์ รอบชิงสายตะวันตกเมื่อซีซัน 1996-97
จอห์น สต็อคตัน กับ คาร์ล มาโลน
จอห์น สต็อคตัน กับ คาร์ล มาโลน เข้าขาเป็น "ดูโอ" ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดคู่หนึ่งของลีก การเล่น "พิก แอนด์ โรล" ของทั้งคู่ดูเนียนตา โดย มาโลน จุดเด่นคือความแข็งแกร่งวงในและฟรีโทรล์ที่เชื่อขนมกินได้ จนถูกเลือกให้เป็น MVP สองสมัยในปี 1997 และ 1999 ขณะที่ สต็อคตัน ตั้งแต่ถูกดราฟท์เข้าลีกในปี 1984 จนเลิกเล่นปี 2003 การ์ดจ่ายทีมชาติสหรัฐฯ ภักดีต่อ แจซซ์ ทีมเดียว เป็นเจ้าของสถิติแอสซิสต์มากที่สุดของ NBA 15,806 ครั้ง อย่างไรก็ดี ทั้งคู่ถือเป็นตำนานที่ไร้แหวนประดับนิ้ว เมื่อ แจซซ์ โดน "แอร์ จอร์แดน" และขุนพลบูลส์ ย้ำชัย 4-2 เกม ทั้งสองหนในรอบชิงปี 1997 และ 1998 จากนั้น มาโลน เลือกลดศักดิ์ศรีหวังเกาะ แอลเอ เลเกอร์ส ครองบัลลังก์ แต่ โคบี ไบรอันท์ และ ชาคิล โอนีล ไม่สามารถทำฝัน "เมล์แมน" ให้เป็นจริงได้ โดน ดีทรอยต์ พิสตันส์ ยำใหญ่ 4-1 เกม
เดิร์ก โนวิตซกี ?
ขณะที่ เลอบรอน เจมส์ ตามหาแชมป์แรกในชีวิต มีแนวโน้มเป็นจริงได้เมื่อ ฮีท ขึ้นนำซีรีส์ ณ ปัจจุบันอยู่ 2-1 เกม ฟากของ เดิร์ก โนวิตซกี ก็ฝันมีเกียรติพ่วงท้ายในอาชีพเช่นกัน หลังเคยผิดหวังกับ แมฟเวอร์ริกส์ เมื่อปี 2006 ด้วยการพ่าย ฮีท 2-4 เกม อย่างไรก็ตาม การที่ "แมฟส์แมน" พึ่งพาเพียงฟอร์เวิร์ดทีมชาติเยอรมนี ในการทำคะแนนทำให้ "แมฟส์แมน" ทรงเกมดูเป็นรอง ฮีท อย่างเห็นได้ชัดตลอดสามเกมแรก ถ้า "เดิร์ก" ซึ่งมีปัญหาเจ็บนิ้วกลางมือซ้ายจนปัญญาต่อกรกับ "บิ๊กทรี" เกรงว่าผู้เล่นที่ได้รับเกียรตินำไปเปรียบเทียบกับ แลร์รี เบิร์ด ตำนานแห่งเซลติกส์ จะเป็นสตาร์ฝีมือดีสุดจากเมืองเบียร์ต่อจาก เดทเลฟ เชรมป์ ที่เข้าตำรา "ราชันย์ไร้บัลลังก์" ด้วยการที่ แมฟเวอร์ริกส์ อายุเฉลี่ยของผู้เล่นเกือบ 30 ปี มาร์ค คิวบาน คงต้องปฏิรูปทีมขนานใหญ่ช่วงซัมเมอร์ การสร้างทีมหนนี้อาจต้องใช้เวลาพักใหญ่ ถึงวันนั้น โนวิตซกี ในวัย 32 ปี อาจไม่ได้โลดแล่นอยู่บนสังเวียนปาเก้แล้วก็เป็นได้