xs
xsm
sm
md
lg

NBA Finals ซีรีส์ 1 รุม 3 / ลุงแซม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม

ปิดฉากกันไปสำหรับศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ประจำฤดูกาล 2010/11 ท่ามกลางความชื่นมื่นของสาวก "แมฟส์แมน" ทั้งไทยและเทศ หรืออาจรวมถึงอเมริกันชนหมู่มากที่เห็น ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ ไล่ทุบ ไมอามี ฮีท เก็บซีรีส์สำเร็จที่ 4-2 เกม พร้อมคว้า "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" มานอนกอดเป็นสมัยแรกสมใจอยาก

ในซีรีส์ที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นใน NBA Finals ทั้งก่อนและหลัง หรือระหว่างเกม แต่ท้ายที่สุด มาร์ค คิวบาน เจ้าของทีมที่ทำตัวติดดินก็นำพา "แมฟส์แมน" ที่เขาลงทุนสร้างทีมไปมหาศาลถึงฝั่งฝัน โดยทั้ง 6 เกมที่ผ่านพ้นสายตาคอกีฬายัดห่วง เราได้เห็นการพูดจาเกทับบลัฟแหลก มวยหมู่ที่เกือบเกิดขึ้นกลางสนาม การคัมแบ็กสวยๆ ของแมฟเวอร์ริกส์ คำให้สัมภาษณ์ที่ถ่อมตนให้เครดิตเพื่อนมากกว่าตัวเองของ เดิร์ก โนวิตซกี หรือแม้แต่อาการคึกคะนองของ เลอบรอน เจมส์ กับ ดีเวย์น เหว็ด จนนำมาซึ่งคะแนนนิยมที่ตกลงไปของฮีท

สัปดาห์ก่อน ผู้เขียนจั่วพาดหัว "ฮีท-แมฟส์" ซีรีส์ 3 รุม 1 ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าการที่ไมอามี มี "บิ๊กทรี" (เลอบรอน, เหว็ด และ คริส บอช) เป็นตัวหลัก ทำให้ แมฟเวอร์ริกส์ ต้องเค้นฟอร์มอย่างหนักแทนที่จะพึ่งพา โนวิตซกี แต่เพียงผู้เดียว จากนั้นในเกม 5 และ 6 เราก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงจากฟากดัลลัส เมื่อ ริค คาร์ไลส์ โชว์กึ๋นของความเป็นโค้ชมากประสบการณ์ ปรับหมากใช้ เจ.เจ.บาเรีย ยืนตัวจริงแทน เดอชอว์น สตีเวนสัน หวังใช้ความว่องไวของการ์ดเปอร์โตริกันทำลายเกมรับอันแข็งแกร่งของฮีท ซึ่งก็ได้ผล ผิดกับทาง เอริค สโปเอลสตรา ที่กลับมาโดนจวกอีกครั้ง เรื่องการแก้เกมที่ช้าเกินไป กว่าจะปรับเอา มาริโอ ชาลเมอร์ส ลงตัวจริงได้ ต้องรอให้ ไมค์ บิบบี หมดสภาพกู่ไม่กลับและมันก็สายเกินไป

เรียกได้ว่าจุดพลิกผันของซีรีส์มาเกิดเอาใน 2 เกมสุดท้ายอย่างแท้จริง เมื่อตัวช่วย "แมฟส์แมน" เริ่มปล่อยทีเด็ด เจสัน เทอร์รี กลายเป็นอีกหนึ่งกลจักรสำคัญ ลุกจากม้านั่งสำรองช่วย โนวิตซกี แบกทีมเข้าป้าย นอกจากได้แหวนแชมป์วงแรกมาประดับนิ้วมือ การ์ดตัวเก๋าวัย 33 ปี ไม่ต้องเจ็บตัวกับการถ่อไปลบรอยสักโทรฟีแชมป์ NBA ออกจากต้นแขนข้างขวา ขณะที่ฮีท การทำท่าไอระหว่างให้สัมภาษณ์ของ เลอบรอน กับ เหว็ด ทำนองล้อเลียน โนวิตซกี ที่โดนไข้หวัดเล่นงานในเกม 4 ทำให้ดูโอทีมชาติสหรัฐฯ โดนสื่อเล่นงานอย่างหนักเรื่องมารยาท เรียกได้ว่าใครที่ไม่ชอบขี้หน้า เลอบรอน กับ "ดี-เหว็ด" เป็นทุนเดิมอยู่แล้วกับทฤษฏีสมคบคิด ความเกลียดชังยิ่งเพิ่มทวีคูณ เมื่อเป็นเช่นนั้นความกดดันจึงก่อเกิด ยิ่ง "คิงเจมส์" ประกาศกร้าวขอเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นด้วยการเล่นแบบ "วันแมนโชว์" หลังเปิดทางให้เพื่อนอยู่นานสองนาน ทว่ามันกลับตาลปัตรเป็นความเสียหายมากกว่าที่ฮีทจะเป็นประโยชน์

ถึงแม้กลับมาทำแต้มถึงสองหลักได้อีกครั้งหลังฟอร์มบู่ในเกม 4 แต่เมื่อเข้าสู่สถานการณ์เข้าด้ายเข้าเข็ม เลอบรอน ดันบ้อท่าควอเตอร์สุดท้ายซึ่งตลอดทั้งซีรีส์เขาทำรวมกันได้เพียง 17 แต้ม ถือเป็นความแตกต่างสำคัญระหว่างทั้งสองทีม เพราะในทางกลับกัน โนวิตซกี พกทีเด็ดลงมาเสมอยามเข้าสู่ช่วง 12 นาทีสุดท้าย มันจึงเป็นคำถามให้น่าคิดต่อไปว่าตกลงแล้วระหว่าง เลอบรอน กับ เหว็ด ใครควรเป็นผู้บัญชาเกมในสนามให้ไมอามีมากกว่ากัน

ส่วน แมฟเวอร์ริกส์ การคว้าแชมป์หนนี้ทำให้เราไม่ต้องทนเห็นผู้เล่นจอมเก๋าฝีมือเยี่ยมอย่าง โนวิตซกี, เทอร์รี, เจสัน คิดด์ หรือแม้แต่ ชอน แมเรียน ตามรอยช้ำ แพทริค อีวิง, ชาร์ลส บาร์คลีย์, คาร์ล มาโลน และ จอห์น สต็อคตัน สุดท้ายผู้เขียนขอปรบมือดังๆ ให้แก่ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของเหล่าฮีโร่แห่งดัลลัส เพราะในเกมกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นทีมแล้ว เมื่อใดที่ทุกคนยอมเสียสละช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เมื่อนั้นความสำเร็จสูงสุดคงไม่ไกลเกินฝัน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคอลัมน์ตอนนี้ถึงคู่ควรกับการที่จะพาดหัวตระหง่านว่า "NBA Finals ซีรีส์ 1 รุม 3"
กำลังโหลดความคิดเห็น