คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร
ก่อนลงสนามสื่อในโปรโมตให้เกมชิงเจ้ายุโรป “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นคู่หยุดโลก ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดระดับสโมสร
สื่อพาดหัวกระตุ้นให้ตื่นเต้นว่าแมนฯ ยูไนเต็ด สะสมความแค้นจากพ่ายนัดชิง ชปล. ต่อ “บาร์ซ่า” 2-0 ที่โรมเมื่อปี 2009 เกมนี้จะเป็นเกมแก้แค้น
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รีบพลิกเกมจิตวิทยา บอกว่ามันไม่ใช่เกมแก้แค้น แต่มันเป็นเกมแห่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี มีนักเตะปัจจุบัน และอดีตนักเตะมากมายสนับสนุน“ปีศาจแดง”
แต่มันเป็นเพียงกำลังใจที่ได้รับจากนอกสนาม ส่วนในสนามเวมบลี่ย์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา “ปีศาจแดง” แม้คล้ายๆ เป็นเจ้าบ้านก็ไม่อาจต้านทานเกมบุกของ “บาร์ซ่า” ได้เลย
แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งเกมบุกขึงคู่แข่งจากสเปนได้ใน 10 นาทีแรก พาร์ค ชี ซอง นักเตะชาวเกาหลีใต้ไล่ลูกและตัดเกมต่อบอลระหว่างลีโอเนล เมสซี่กับเดเนียล อัลเวซ ได้อย่างเกาะติด เวย์น รูนี่ย์ เกือบทำประตูในนาทีที่ 7 จากการเปิดลูกโกลของเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารชาวดัตช์
นาทีที่ 11 เป็นต้นมา เป็นฝ่าย “บาร์ซ่า” ที่ยึดกุมเกมบุก และครอบครองบอลเอาไว้กับทีมได้ ทั้งเกือบทำประตูแรก ทีมจากสเปนเริ่มแสดงให้เห็นความคมของเกมบุก ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป
นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่รู้จะจับตายใครระหว่าง ลีโอเนล เมสซี่, ชาบี เอร์นานเดช, อันเดรียส อีเนสต้า,ดาบิด บิย่า และเปโดร โรดิเกซ ตัวจบสกอร์ที่ไม่ถูกจับตาย ที่เคลื่อนไหวซ้ายขวาได้อย่างอิสระ เขาเป็นคนหลุดเข้ายิงประตูแรกอย่างง่ายๆ ในนาที 27 ก่อนรูนี่ย์จะตีเสมอ 1-1 ในนาที 33 นั่นทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ครึ่งหลังเกมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โจเซป กวาร์ดิโอล่า เหมือนไม่เน้นไปที่เมสซี่นัก มีโอกาสก็ลากเลื้อย ไม่มีช่องก็ทำชิงหลอกนักเตะคู่แข่งไปเรื่อยๆ คืนนี้บทบาทสำคัญอยู่ที่ชาบีกัปตันทีม ที่เป็นหัวใจของเกมบุก นักเตะไทยไม่อาจหยิบเอา “ขนาดตัว” เป็นข้ออ้าง แม้ตัวจะเล็กและสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ชาบีทำให้เราได้เห็นว่าไม่มีปัญหาในการครอบครองบอล แย่งบอล ผ่านบอล และทำประตู ครบเครื่องทุกอย่าง
เมื่อนักเตะ “ปีศาจแดง” ไม่อาจครอบครองบอล นักเตะบาร์เซโลน่าเป็นฝ่ายทำเกมบุกเข้าใสเป็นระลอกๆ เมื่อลูกบอลไม่ผ่านปราการหลัง เมสซี่ใช้ทักษะยิงลูกนอกกรอบเขตโทษเสียบ้าง แล้วก็เป็นประตูขึ้นนำ 2 – 1 และต่อด้วยลูกปั่นไซด์สุดแสนงดงามจากนอกเขตโทษของบีย่า สกอร์ 3 – 1 เหลืออีก 21 นาทีให้แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ยิงตีเสมอ ถ้าต้องการเล่นต่อเวลา
แม้ไม่อยากดูนักเตะบาร์เซโลน่าฉลองชัยชนะ นักเตะ “ปีศาจแดง” ทุกคนรวมทั้งกองเชียร์ควรยืนตรงแล้วปรบมือให้ทีมจากสเปน 93 นาทีในสนาม เราจะเห็นความแตกต่างของสองทีมได้ชัดเจน โดยเฉพาะกองกลางและกองหน้าที่สอดประสานกันอย่างรู้ใจของนักเตะบาร์เซโลน่า ยากที่ใครจะเอาชนะทีมนี้
จบเกม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” ออกมาจับมือแสดงความยินดีและกล่าวชื่นชม โจเซป กวาร์ดิโอล่า ด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มของผู้ที่ยอมรับความพ่ายแพ้ เท่ากับยกย่องผู้ชนะ
สิ่งที่ควรชื่นชมอีกอย่าง และสำคัญมากก็คือ กรรมการชาวฮังการี ที่ควบคุมเกมได้หมด นักเตะทั้งสองทีมเล่นเกมอย่างสุภาพ ไม่มีผลักอกหรือทุ่มเถียงกัน เป็นเกมที่สะอาดหมดจด ไม่มีตุกติกหรือสำออย
เนมานย่า วิดิช กัปตันทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ยอมรับความจริงด้วยหัวใจนักกีฬา ว่าเป็นทีมที่ดีกว่าจริงๆ โดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะผิดหวังอย่างมากก็ตาม
พ่ายด้วยสกอร์ 3 - 1 กับ 2 – 0 ที่โรม กัดฟันพูดได้คำเดียวว่ายังห่างชั้น
ฤดูกาลหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อหานักเตะเก่งๆ เพิ่มอีก 4 – 5 คน ไม่ใช่ 3 คนอย่างที่ตั้งเป้าไวเสียแล้ว
ก่อนลงสนามสื่อในโปรโมตให้เกมชิงเจ้ายุโรป “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นคู่หยุดโลก ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดระดับสโมสร
สื่อพาดหัวกระตุ้นให้ตื่นเต้นว่าแมนฯ ยูไนเต็ด สะสมความแค้นจากพ่ายนัดชิง ชปล. ต่อ “บาร์ซ่า” 2-0 ที่โรมเมื่อปี 2009 เกมนี้จะเป็นเกมแก้แค้น
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รีบพลิกเกมจิตวิทยา บอกว่ามันไม่ใช่เกมแก้แค้น แต่มันเป็นเกมแห่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี มีนักเตะปัจจุบัน และอดีตนักเตะมากมายสนับสนุน“ปีศาจแดง”
แต่มันเป็นเพียงกำลังใจที่ได้รับจากนอกสนาม ส่วนในสนามเวมบลี่ย์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา “ปีศาจแดง” แม้คล้ายๆ เป็นเจ้าบ้านก็ไม่อาจต้านทานเกมบุกของ “บาร์ซ่า” ได้เลย
แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งเกมบุกขึงคู่แข่งจากสเปนได้ใน 10 นาทีแรก พาร์ค ชี ซอง นักเตะชาวเกาหลีใต้ไล่ลูกและตัดเกมต่อบอลระหว่างลีโอเนล เมสซี่กับเดเนียล อัลเวซ ได้อย่างเกาะติด เวย์น รูนี่ย์ เกือบทำประตูในนาทีที่ 7 จากการเปิดลูกโกลของเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารชาวดัตช์
นาทีที่ 11 เป็นต้นมา เป็นฝ่าย “บาร์ซ่า” ที่ยึดกุมเกมบุก และครอบครองบอลเอาไว้กับทีมได้ ทั้งเกือบทำประตูแรก ทีมจากสเปนเริ่มแสดงให้เห็นความคมของเกมบุก ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป
นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่รู้จะจับตายใครระหว่าง ลีโอเนล เมสซี่, ชาบี เอร์นานเดช, อันเดรียส อีเนสต้า,ดาบิด บิย่า และเปโดร โรดิเกซ ตัวจบสกอร์ที่ไม่ถูกจับตาย ที่เคลื่อนไหวซ้ายขวาได้อย่างอิสระ เขาเป็นคนหลุดเข้ายิงประตูแรกอย่างง่ายๆ ในนาที 27 ก่อนรูนี่ย์จะตีเสมอ 1-1 ในนาที 33 นั่นทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ครึ่งหลังเกมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โจเซป กวาร์ดิโอล่า เหมือนไม่เน้นไปที่เมสซี่นัก มีโอกาสก็ลากเลื้อย ไม่มีช่องก็ทำชิงหลอกนักเตะคู่แข่งไปเรื่อยๆ คืนนี้บทบาทสำคัญอยู่ที่ชาบีกัปตันทีม ที่เป็นหัวใจของเกมบุก นักเตะไทยไม่อาจหยิบเอา “ขนาดตัว” เป็นข้ออ้าง แม้ตัวจะเล็กและสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ชาบีทำให้เราได้เห็นว่าไม่มีปัญหาในการครอบครองบอล แย่งบอล ผ่านบอล และทำประตู ครบเครื่องทุกอย่าง
เมื่อนักเตะ “ปีศาจแดง” ไม่อาจครอบครองบอล นักเตะบาร์เซโลน่าเป็นฝ่ายทำเกมบุกเข้าใสเป็นระลอกๆ เมื่อลูกบอลไม่ผ่านปราการหลัง เมสซี่ใช้ทักษะยิงลูกนอกกรอบเขตโทษเสียบ้าง แล้วก็เป็นประตูขึ้นนำ 2 – 1 และต่อด้วยลูกปั่นไซด์สุดแสนงดงามจากนอกเขตโทษของบีย่า สกอร์ 3 – 1 เหลืออีก 21 นาทีให้แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ยิงตีเสมอ ถ้าต้องการเล่นต่อเวลา
แม้ไม่อยากดูนักเตะบาร์เซโลน่าฉลองชัยชนะ นักเตะ “ปีศาจแดง” ทุกคนรวมทั้งกองเชียร์ควรยืนตรงแล้วปรบมือให้ทีมจากสเปน 93 นาทีในสนาม เราจะเห็นความแตกต่างของสองทีมได้ชัดเจน โดยเฉพาะกองกลางและกองหน้าที่สอดประสานกันอย่างรู้ใจของนักเตะบาร์เซโลน่า ยากที่ใครจะเอาชนะทีมนี้
จบเกม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” ออกมาจับมือแสดงความยินดีและกล่าวชื่นชม โจเซป กวาร์ดิโอล่า ด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มของผู้ที่ยอมรับความพ่ายแพ้ เท่ากับยกย่องผู้ชนะ
สิ่งที่ควรชื่นชมอีกอย่าง และสำคัญมากก็คือ กรรมการชาวฮังการี ที่ควบคุมเกมได้หมด นักเตะทั้งสองทีมเล่นเกมอย่างสุภาพ ไม่มีผลักอกหรือทุ่มเถียงกัน เป็นเกมที่สะอาดหมดจด ไม่มีตุกติกหรือสำออย
เนมานย่า วิดิช กัปตันทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ยอมรับความจริงด้วยหัวใจนักกีฬา ว่าเป็นทีมที่ดีกว่าจริงๆ โดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะผิดหวังอย่างมากก็ตาม
พ่ายด้วยสกอร์ 3 - 1 กับ 2 – 0 ที่โรม กัดฟันพูดได้คำเดียวว่ายังห่างชั้น
ฤดูกาลหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อหานักเตะเก่งๆ เพิ่มอีก 4 – 5 คน ไม่ใช่ 3 คนอย่างที่ตั้งเป้าไวเสียแล้ว
