คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร
คืนวันเสาร์แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเยือน เวสต์แฮม เตะกันก่อน สโต๊ก ซิตี้ กับเชลซี 2 ชั่วโมงนิดๆ และก่อนอาร์เซนอลเปิดบ้านรับแบล็คเบิร์น 5 ชั่วโมง
ตรงนี้มีประเด็นน่าพูดถึง
เชื่อว่าผู้เกี่ยวข้องกับเชลซีและอาร์เซนอล นับแต่ประธานสโมสร ผู้จัดการทีม เหล่านักเตะ และแฟนบอล ต่างใจจดใจจ่อเฝ้ารอ ‘ปิศาจแดง’ ทำคะแนนหล่นหายไปสัก 2 หรือ 3 ในเกมกับทีมที่กำลังหนีตกชั้นสุดฤทธิ์
ครึ่งแรกเวสต์แฮมออกนำ 2-0 ครึ่งหลังเย่อแข้งกันจนถึงนาที 60 แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคลำหาประตูแรกเจอ ยังเหลือเวลาอีก 30 นาที แฟนๆ ‘ปิศาจแดง’ บางคนนั่งเป่าปากเหงื่อแตกพลั่กๆ หนทางสู่แชมป์สอแววมีปัญหา และอาจหลุดไปด้วยฝีเท้านักเตะ ‘ขุนค้อน’ เสียแล้ว
นาที 65 ‘ปิศาจแดง’ โชว์ฟอร์มบวกสปิริตของทีมที่จะสมควรครอบครองแชมป์พรีเมียร์ชิปฤดูกาล 2010-11 เมื่อเวย์น รูนี่ย์ เบิกประตูแรก และอีก 2 ประตู ในนาทีที่ 73 ตามด้วย 79 ‘เจ้าหมูอ้วน’ ยิงประตูให้ทีมเข้าใกล้ถ้วยเข้าไปทุกขณะ ต่อมานาที 84 ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ บวกประตูที่ 4 ตอกย้ำความเป็นยอดตัวสำรอง
ผู้เกี่ยวข้องของเชลซีกับอาร์เซนอลประจักษ์ด้วยสายตาแล้ว เหลืออีก 25 นาที กรรมการจะเป่านกหวีด ‘ปิศาจแดง’ กลับฟื้นคืนชีพด้วยประตู 4-2 หัวใจที่ฮึกเหิมกลับแฟบเหมือนถูกโป่งโดนเข็มจิ้มประตูละเข็ม ๆ
สองชั่วโมงต่อมา หลังเขี่ยลูกได้ 8 นาที โจนาธาน วอลเตอร์ส ยิงประตูให้เจ้าบ้าน สโต๊ก ซิตี้ ออกนำเชลซี 1-0 นาที 38 ดิดิเยร์ ดร็อกบา ตีเสมอ 1-1 จบเกมเสมอ 1-1
คู่สโต๊กเตะเชลซีจบไปสักพัก อาร์เซนอลเปิดบ้านรับแบล็คเบิร์นที่ฟอร์มนอกบ้านย่ำแย่ ทีม ‘ไอ้ปืนใหญ่’ ที่บ่อนวางให้เป็นต่อ 1.5 + 2 ประตู กลับหมดลานเอาเฉยๆ ทำได้แค่เสมอ 0-0
ผมวิเคราะห์ว่านักเตะเชลซีกับอาร์เซนอลคงหมดจิตหมดใจตั้งแต่เห็นฟอร์มแมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ยิงเวสต์แฮมรวดเดียว 4 ประตูนั่นแหละ หลังจากนี้ต้องรอฟังเสียง จอห์น เทอร์รี่ กับ แฟรงค์ แลมพาร์ด ประกาศยกแชมป์ให้คู่แข่งเท่านั้น
อาร์เซนอลก็เช่นกัน รุ่งเช้า- ยอดกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ ให้สัมภาษณ์สกายสปอร์ต ด้วยความรู้สึกผิดหวัง ทั้งเกรงว่าลูกทีมจะหมดไฟไล่ล่าแชมป์ไปกับเกมเสมอแบล็คเบิร์น ถ้า อังเดร อาร์ชาวิน ทรงคุณค่าจริงสมคำร่ำลือ เขาน่าจะช่วยทีมได้ในยามคับขัน หรือยามที่ทีมจำเป็นต้องได้ชัยชนะมากที่สุด แฟนๆ ‘ไอ้ปืนใหญ่’ หวังพึ่งเขาแทบไม่ได้
ฤดูกาลยังไม่จบ ยังเหลืออีก 9-10 เกม ที่อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนมองแมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ต้องเจอสายตรงไปกลับกับเชลซี ส่วนนักเตะอาร์เซนอล หากหมดถ่านหมดไฟอย่างที่ผู้จัดการทีมกังวล สัปดาห์หน้าคงได้ทราบว่าพวกเขาจะยอมยกธงขาว หรือเดินหน้าต่อ
แต่ผมคิดว่า นักเตะอาร์เซนอล เกือบทุกคน ‘โลว์แบ๊ต’ กันทั่วหน้าแล้ว
คืนพรุ่งนี้ (วันอังคาร) อย่าลืมตื่นมาเชียร์ ทอตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ให้สู่กับ รีล มาดริด ได้อย่างสนุกสูสี หรือเก็บชัยชนะกลับบ้าน
เจ้าบ้าน รีล มาดริด คืนวันเสาร์พ่ายคารัง สปอร์ติ้ง กิฆ่อน 0-1 เกมนี้ โฮเซ่ มูรินโญ่ เก็บ คริสเตียโน โรนัลโด้ ไว้ลากเลื้อยแข่งกับ แกเร็ธ เบล ของสเปอร์ หรือว่า ‘เจ้าโด้’ ยังไม่อยู่ในสภาพจริงๆ เหลือจะคาดเดา
แต่ที่แน่ๆ รีล มาดริด เสียสิทธิ์คว้าแชมป์ ลา ลิกา ฤดูกาล 2010-11 ให้แก่บาร์เซโลน่า 100 เปอร์เซ็นต์
เท่านั้นยังสะใจไม่พอ เกมชิงถ้วยโกปา เดอ เรย์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ประกาศจะถลุง รีล มาดริด 6-0
งานนี้ –ถึงคั่งแค้นแค่ไหน มูรินโญ่ก็ต้องจำใจกลืนเลือด แชมป์เท่านั้นที่สามารถพูดถ้อยคำเหล่านี้
หลังพลิกชนะเวสต์แฮม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ลูกทีมของเขาเล่นด้วยฟอร์มของแชมเปี้ยนโดยแท้
คืนวันเสาร์แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเยือน เวสต์แฮม เตะกันก่อน สโต๊ก ซิตี้ กับเชลซี 2 ชั่วโมงนิดๆ และก่อนอาร์เซนอลเปิดบ้านรับแบล็คเบิร์น 5 ชั่วโมง
ตรงนี้มีประเด็นน่าพูดถึง
เชื่อว่าผู้เกี่ยวข้องกับเชลซีและอาร์เซนอล นับแต่ประธานสโมสร ผู้จัดการทีม เหล่านักเตะ และแฟนบอล ต่างใจจดใจจ่อเฝ้ารอ ‘ปิศาจแดง’ ทำคะแนนหล่นหายไปสัก 2 หรือ 3 ในเกมกับทีมที่กำลังหนีตกชั้นสุดฤทธิ์
ครึ่งแรกเวสต์แฮมออกนำ 2-0 ครึ่งหลังเย่อแข้งกันจนถึงนาที 60 แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคลำหาประตูแรกเจอ ยังเหลือเวลาอีก 30 นาที แฟนๆ ‘ปิศาจแดง’ บางคนนั่งเป่าปากเหงื่อแตกพลั่กๆ หนทางสู่แชมป์สอแววมีปัญหา และอาจหลุดไปด้วยฝีเท้านักเตะ ‘ขุนค้อน’ เสียแล้ว
นาที 65 ‘ปิศาจแดง’ โชว์ฟอร์มบวกสปิริตของทีมที่จะสมควรครอบครองแชมป์พรีเมียร์ชิปฤดูกาล 2010-11 เมื่อเวย์น รูนี่ย์ เบิกประตูแรก และอีก 2 ประตู ในนาทีที่ 73 ตามด้วย 79 ‘เจ้าหมูอ้วน’ ยิงประตูให้ทีมเข้าใกล้ถ้วยเข้าไปทุกขณะ ต่อมานาที 84 ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ บวกประตูที่ 4 ตอกย้ำความเป็นยอดตัวสำรอง
ผู้เกี่ยวข้องของเชลซีกับอาร์เซนอลประจักษ์ด้วยสายตาแล้ว เหลืออีก 25 นาที กรรมการจะเป่านกหวีด ‘ปิศาจแดง’ กลับฟื้นคืนชีพด้วยประตู 4-2 หัวใจที่ฮึกเหิมกลับแฟบเหมือนถูกโป่งโดนเข็มจิ้มประตูละเข็ม ๆ
สองชั่วโมงต่อมา หลังเขี่ยลูกได้ 8 นาที โจนาธาน วอลเตอร์ส ยิงประตูให้เจ้าบ้าน สโต๊ก ซิตี้ ออกนำเชลซี 1-0 นาที 38 ดิดิเยร์ ดร็อกบา ตีเสมอ 1-1 จบเกมเสมอ 1-1
คู่สโต๊กเตะเชลซีจบไปสักพัก อาร์เซนอลเปิดบ้านรับแบล็คเบิร์นที่ฟอร์มนอกบ้านย่ำแย่ ทีม ‘ไอ้ปืนใหญ่’ ที่บ่อนวางให้เป็นต่อ 1.5 + 2 ประตู กลับหมดลานเอาเฉยๆ ทำได้แค่เสมอ 0-0
ผมวิเคราะห์ว่านักเตะเชลซีกับอาร์เซนอลคงหมดจิตหมดใจตั้งแต่เห็นฟอร์มแมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ยิงเวสต์แฮมรวดเดียว 4 ประตูนั่นแหละ หลังจากนี้ต้องรอฟังเสียง จอห์น เทอร์รี่ กับ แฟรงค์ แลมพาร์ด ประกาศยกแชมป์ให้คู่แข่งเท่านั้น
อาร์เซนอลก็เช่นกัน รุ่งเช้า- ยอดกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ ให้สัมภาษณ์สกายสปอร์ต ด้วยความรู้สึกผิดหวัง ทั้งเกรงว่าลูกทีมจะหมดไฟไล่ล่าแชมป์ไปกับเกมเสมอแบล็คเบิร์น ถ้า อังเดร อาร์ชาวิน ทรงคุณค่าจริงสมคำร่ำลือ เขาน่าจะช่วยทีมได้ในยามคับขัน หรือยามที่ทีมจำเป็นต้องได้ชัยชนะมากที่สุด แฟนๆ ‘ไอ้ปืนใหญ่’ หวังพึ่งเขาแทบไม่ได้
ฤดูกาลยังไม่จบ ยังเหลืออีก 9-10 เกม ที่อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนมองแมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ต้องเจอสายตรงไปกลับกับเชลซี ส่วนนักเตะอาร์เซนอล หากหมดถ่านหมดไฟอย่างที่ผู้จัดการทีมกังวล สัปดาห์หน้าคงได้ทราบว่าพวกเขาจะยอมยกธงขาว หรือเดินหน้าต่อ
แต่ผมคิดว่า นักเตะอาร์เซนอล เกือบทุกคน ‘โลว์แบ๊ต’ กันทั่วหน้าแล้ว
คืนพรุ่งนี้ (วันอังคาร) อย่าลืมตื่นมาเชียร์ ทอตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ให้สู่กับ รีล มาดริด ได้อย่างสนุกสูสี หรือเก็บชัยชนะกลับบ้าน
เจ้าบ้าน รีล มาดริด คืนวันเสาร์พ่ายคารัง สปอร์ติ้ง กิฆ่อน 0-1 เกมนี้ โฮเซ่ มูรินโญ่ เก็บ คริสเตียโน โรนัลโด้ ไว้ลากเลื้อยแข่งกับ แกเร็ธ เบล ของสเปอร์ หรือว่า ‘เจ้าโด้’ ยังไม่อยู่ในสภาพจริงๆ เหลือจะคาดเดา
แต่ที่แน่ๆ รีล มาดริด เสียสิทธิ์คว้าแชมป์ ลา ลิกา ฤดูกาล 2010-11 ให้แก่บาร์เซโลน่า 100 เปอร์เซ็นต์
เท่านั้นยังสะใจไม่พอ เกมชิงถ้วยโกปา เดอ เรย์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ประกาศจะถลุง รีล มาดริด 6-0
งานนี้ –ถึงคั่งแค้นแค่ไหน มูรินโญ่ก็ต้องจำใจกลืนเลือด แชมป์เท่านั้นที่สามารถพูดถ้อยคำเหล่านี้
หลังพลิกชนะเวสต์แฮม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ลูกทีมของเขาเล่นด้วยฟอร์มของแชมเปี้ยนโดยแท้
