xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตบอลไทย หลังผลัดใบนายกสมาคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“บังยี”
วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2554 อันเป็นวาระการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นั้นคาดว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งของวงการลูกหนังไทย เมื่อ พิเชฐ มั่นคง อดีตประธานสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี เสนอตัวชิงเก้าอี้กับ วรวีร์ มะกูดี หนึ่งในบอร์ดบริหารสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่ดำรงตำแหน่งมา 2 สมัย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกระแสอย่างหนาหูว่าอาจมี “ตาอยู่” โผล่มาสร้างเซอร์ไพรส์ในวินาทีสุดท้าย ซึ่งจนถึงบัดนี้ยังไม่อาจระบุได้อย่างชัดเจนว่าเขาคือใคร

บ้างก็ร่ำลือว่า “ม้ามืดตัวที่ 3” มีดีกรีเป็นอดีตรัฐมนตรี บ้างก็คาดการณ์ว่าเป็นคนทำงานอยู่ในสมาคมฟุตบอลมาก่อน ตลอดจนมีการบอกใบ้อักษรย่อว่าชื่อขึ้นต้นด้วย “ว” เมื่อผนวกรวมกับข่าวถูกปรับตกรอบของทีมชาติไทยในศึกฟุตบอลปรีโอลิมปิก 2012 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบแรก เพียงเพราะความสะเพร่าในการทำงานแบบเดิมๆ หลังส่งผู้เล่นที่ติดโทษแบนตกค้างจาก 3 ปีก่อนลงสนามที่ออกมาเขย่าอย่างประจวบเหมาะกับช่วงสำคัญ จึงถือเป็นการปรุงแต่งให้ศึกชิงบัลลังก์ของ “บังยี” มีรสชาติเข้มข้นมากขึ้นเป็นทวีคูณ

อย่างไรก็ดี อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรและผู้จัดการทั่วไปของ ชลบุรี เอฟซี กลับมองว่า “ผมยังคิดว่าคุณวรวีร์ได้เปรียบผู้ท้าชิง จากการที่ทำงานก่อนมานาน และสโมสรสมาชิกส่วนใหญ่, สภากรรมการบริหารสมาคมฯ ทั้ง 19 คน รวมถึงฐานเสียงในมือคุณวิจิตร เกตุแก้ว น่าจะเทคะแนนให้ แม้ผลงานที่ผ่านมาจะเลวร้ายหรือมีกระแสแฟนบอลต่อต้านอย่างไรก็ยอมรับว่าโอกาสพลิกล็อกยาก เนื่องจากการเลือกตั้งยังยึดระบบเดิม แฟนบอลก็ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง แต่การมีคุณพิเชฐกับม้ามืดเข้ามาชิงตำแหน่งทำให้เกิดการแข่งขันและน่าติดตามมากขึ้น”

คนโตแห่งภาคตะวันออก ยังกล่าวถึงทิศทางหลังจากได้ตัวนายกสมาคมฯคนใหม่ว่า “ไม่ว่าใครจะได้เป็น สิ่งสำคัญคือการปรับโครงสร้างการพัฒนาเยาวชนที่เป็นพื้นฐานความสำเร็จอย่างยั่งยืนให้เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ โดยไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรมพลศึกษาหรือการกีฬาแห่งประเทศไทยเท่านั้น ส่วนการจัดฟุตบอลลีกก็ต้องปรับให้ดีขึ้น ให้ความสำคัญกับทุกฝ่ายอย่างทั่วถึง ไม่เอื้อประโยชน์เฉพาะทีมใหญ่ ยกตัวอย่างแค่ในเอฟเอ ยูธ คัพ ระหว่าง บุรีรัมย์ กับ เพื่อนตำรวจ ที่มีปัญหาเรื่องการส่งตัวผู้เล่นลงสนามก็ยังเคลียร์กันไม่จบจนทีมอื่นเคว้งคว้าง นอกจากนั้น ต้องมีตัวแทนที่มีจากการเลือกของทุกสโมสรเข้าไปเป็นสภากรรมการบริหารด้วย ส่วนเรื่องการถูกปรับตกรอบปรีโอลิมปิกก็ขอให้เป็นบทเรียนในการทำงานให้รอบคอบมากขึ้น เพราะมันกระทบต่อความรู้สึกของคนส่วนรวม หากบกพร่องต้องขอโทษ แสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่โทษนั่นโทษนี่ไปเรื่อย”

ด้าน “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล อดีตกุนซือทีมชาติไทยเปิดเผยว่า “แม้ใครใน 3 คนนี้จะได้เป็น ผมก็ได้รับการทาบทามให้เข้ามาทำหน้าที่ประธานพัฒนาเทคนิค แต่ผมยังบอกไม่ได้ว่าจะตอบตกลงหรือไม่ เนื่องจากผมยังเป็นผู้จัดการทีมและประธานพัฒนาเทคนิคของชลบุรี เอฟซี ทว่าผมก็อยากช่วยเหลือทีมชาติไทย เพราะผมมีความประสงค์สานฝันให้ไทยได้ไปฟุตบอลโลกสักครั้ง แต่ผมจะเน้นไปที่การพัฒนานักเตะเยาวชนมากกว่า ซึ่งนั่นคือรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน”

ขณะที่ “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ ก็ออกมากล่าวเช่นกันว่า “ผลการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับสโมสรสมาชิกว่าจะไว้วางใจคนใด แต่หลังจากนี้ผมเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งในเรื่องของการทำงานที่ต้องมีแผน มีนโยบายชัดเจนมากขึ้น มีการปรับธรรมนูญการปกครองสมาคมฯ การพัฒนาเยาวชนขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ การพัฒนาวงการผู้ตัดสิน ตลอดจนมีการแต่งตั้งประธานพัฒนาเทคนิคที่จะให้เขามีอิสระในการทำงานอย่างเต็มที่”

ทั้งนี้ การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ หนนี้เป็นที่จับตามองของแฟนลูกหนังชาวไทยอย่างมาก ซึ่งคาดว่าจะมีมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางไปยังศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติหนองจอก สถานที่จัดการเลือกตั้ง เพื่อสังเกตการณ์และแสดงเจตจำนงให้สโมสรสมาชิกที่มีสิทธิ์ออกเสียงรับรู้ว่าต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่หากคนเดิมยังได้รับเลือกอีกสมัยวงการฟุตบอลไทยอาจจะหนีไม่พ้นวัฏจักรเก่าๆ ในทางกลับกันหากได้คนใหม่ขึ้นมานั่งเก้าอี้แฟนบอลชาวไทยอาจได้เห็นภาพของวงการลูกหนังไทยที่เปลี่ยนแปลงไปก็เป็นได้
“บิ๊กเชฐ” หรือ ม้ามืด ใครจะเป็นผู้มีชัย?
ฟุตบอลไทยจะเดินไปในทิศทางใดหลังการเลือกตั้ง?
กำลังโหลดความคิดเห็น