ขานรับ "พิเชฐ" เขย่าเก้าอี้ "บังยี"

ASTVผู้จัดการรายวัน - หลังจากที่ พิเชฐ มั่นคง อดีตประธานสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ประกาศตัวลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ แข่งขันกับ "บิ๊กยี" วรวีร์ มะกูดี เจ้าของเก้าอี้เดิม 2 สมัยซ้อน โดยหลายฝ่ายต่างตอบรับว่าเป็นเรื่องดีที่จะมีตัวเลือกในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพื่อต่อยอดการพัฒนาวงการลูกหนังไทยอย่างเป็นรูปธรรม

โดย "บิ๊กเชฐ" เปิดเผยถึงการตัดสินใจลงชิงตำแหน่งประมุขลูกหนังไทยในครั้งนี้ว่า "ผมเชื่อว่าแนวทางการทำงานที่ผ่านมาจะเป็นการพิสูจน์เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเชื่อว่าการเสนอตัวครั้งนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความล้มเหลวของทีมชาติไทยมากมาย โดยเฉพาะการตกรอบแรกฟุตบอลซีเกมส์ 2009 ที่ประเทศลาว แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเราขาดพัฒนาการในส่วนนี้ ซึ่งผมมั่นใจว่าจะทำได้ดีกว่าคนเก่า และไม่หวั่นเกรงต่อความพ่ายแพ้ เพราะเชื่อว่าเมื่อประกาศนโยบายในวันอังคารที่ 26 เมษายนนี้ ณ สนามแพท สเตเดียม ก็จะได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้น"

พร้อมกันนี้ "บิ๊กเชฐ" กล่าวถึงนโยบายในเบื้องต้นไว้ว่า "ที่ผ่านมาฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ก็มีปัญหาตามมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎ กติกา และมาตรฐานการแข่งขันที่ดูแล้วไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ผมต้องการให้การแข่งขันทุกสนามมีความเสมอภาคกัน เพื่อให้การแข่งขันเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุด ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทุกทีมรวมถึงกองเชียร์ก็จะยอมรับผลการแข่งขันที่ออกมาได้ นอกจากนี้ในส่วนของทีมชาติไทย มีการให้น้ำหนักที่ทีมชุดใหญ่มากเกินไป ขณะที่ทีมชุดเยาวชนก็ไม่ได้มีการพัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง ผมต้องการเข้ามารื้อระบบทั้งระบบ เพื่อให้มีการสร้างความแข็งแกร่งของผู้เล่นอย่างเป็นระบบเช่นเดียวกับในต่างประเทศ"

ในส่วนของ "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการลงชิงชัยของ "บิ๊กเชฐ" ว่า "เป็นเรื่องของคนที่มีแนวความคิดแบบใหม่ และเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ในวันเลือกตั้งหากมีสโมสรสมาชิกรายใดเสนอชื่อคุณพิเชฐ มั่นคง ลงแข่งขันก็จะมีการเปิดโอกาสให้ผู้สมัครทั้งสองได้มีการแสดงวิสัยทัศน์กัน เพื่อให้สมาชิกได้รับทราบแนวนโยบายของแต่ละฝ่ายก่อนจะมีการตัดสินใจลงคะแนนต่อไป"

ด้าน "เสี่ยเหน่ง" ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ รองประธานสโมสร และผู้จัดการทีม "กระต่ายแก้ว" บางกอกกล๊าส เอฟซี ยอมรับว่าการตัดสินใจของ "บิ๊กเชฐ" นั้นเป็นการสร้างทางเลือกให้สโมสรสมาชิกในการเลือกตั้ง "ส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าเป็นเรื่องน่ายินดีมากที่ได้เห็นคนอย่างคุณพิเชฐ ลงชิงตำแหน่ง เพราะอย่างน้อยๆ ก็เป็นทางเลือกสำหรับสมาชิกในการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามคงไม่สามารถตอบได้ว่าจะให้การสนับสนุนใครเป็นนายกสมาคมฯ เนื่องจากต้องรอฟังนโยบายทั้งระยะสั้น และระยะยาวของทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะตัดสินใจ"

ขณะที่ขาใหญ่แห่งภาคตะวันออกอย่าง "เดอะ เซนต์" อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสร และผู้จัดการทั่วไปทีม "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี เชื่อว่าการที่ "บังยี" มีคู่แข่งในการเลือกตั้งประมุขลูกหนังไทย จะทำให้เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดี "ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบว่ากลุ่มชลบุรีของเรามีเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ประมาณ 25 คะแนน และยังไม่มีการกำหนดว่าเราจะสนับสนุนใคร แต่เชื่อว่าการที่คุณวรวีร์ มีคู่แข่งเป็นคุณพิเชฐ ในการเลือกตั้งก็เป็นเรื่องดี ไม่ใช่ว่ากี่ปีกี่ชาติ ก็มีอยู่คนเดียวไม่มีคนอื่นให้เลือกกันเลย แบบนี้มันดูไม่เป็นประชาธิปไตย แต่พอมีตัวเลือก มีคู่แข่ง ทั้งสองฝ่ายก็ต้องเตรียมตัวให้ดีในการเสนอนโยบายเพื่อมัดใจสมาชิก ซึ่งหากสามารถทำได้ตามที่พูดไว้ มันก็จะเกิดการพัฒนาขึ้นมาเอง"

อย่างไรก็ตาม "เดอะ เซนต์" ยอมรับว่ากลุ่มชลบุรีนั้นยังคงต้องรอฟังนโยบายของทั้งสองฝ่ายก่อนตัดสินใจ "ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเลือกใคร เพราะตัวเลือกมี 2 คน และยังมีเวลาอีกนานก่อนจะถึงการเลือกตั้ง ไม่แน่อาจมีคนมีความรู้ความสามารถคนอื่นประกาศตัวลงชิงตำแหน่งอีกก็เป็นได้ อีกทั้งผมคิดว่าเราคงต้องรอดูนโยบายของทั้งสองฝ่ายเพื่อประกอบในการตัดสินใจ"

ซึ่งคนโตแห่งภาคตะวันออกกล่าวต่ออีกเช่นกันถึงการบริหารงานช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาของ "บิ๊กยี" ว่าอาจยังไม่น่าประทับใจนัก แต่ก็พร้อมให้โอกาสทำงานหากมีนโยบายที่ดี "ยืนยันว่ากลุ่มชลบุรียังพร้อมให้โอกาสคุณวรวีร์อยู่เสมอ แม้ที่ผ่านมาผลงานอาจไม่เข้าตา เพราะผมเองก็เป็นคนมีหัวใจเดียวกับแฟนฟุตบอลที่บ่อยครั้งก็เห็นแตกต่างกับการทำงานของสมาคมฟุตบอลในปัจจุบัน แต่หากคุณวรวีร์แสดงวิสัยทัศน์ได้น่าชื่นชม และรับปากว่าจะทำได้อย่างที่นำเสนอ เพื่อการพัฒนาฟุตบอลไทยไปในทิศทางที่ถูกต้อง กลุ่มชลบุรีเองก็พร้อมให้การสนับสนุน เช่นเดียวกับคุณพิเชฐ หากมีแนวทางการทำงานที่ดี เราก็พร้อมให้การสนับสนุนทุกคนที่ตั้งใจพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง"

ถึงบรรทัดนี้คงต้องรอชมว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการลูกหนังไทยหรือไม่ในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2554 ณ ห้องประชุมศูนย์พัฒนาฟุตบอลแห่งชาติหนองจอก