"ทุกวันนี้วงการกีฬาในเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก นักกีฬามีพัฒนาการที่สามารถลงสนามแข่งขันระดับนานาชาติได้ทั้งประเภทสมัครเล่นและอาชีพ โดยเฉพาะนักกีฬาอาชีพนั้นยกระดับจนทำให้มีกีฬาอาชีพในเมืองไทยแล้วถึง 12 ประเภท ถึงวันนี้กีฬาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคม แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือธุรกิจกีฬาไม่ได้แค่สร้างเงินตรา แต่ยังสร้างความสุข สร้างพลังให้ทั้งผู้เล่นและผู้ชมที่จะเดินออกมารวมกันอยู่ภายในสนามแข่งขันด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน อันเป็นสปิริตเฉพาะที่สัมผัสได้จากแวดวงกีฬาเท่านั้น"
ข้างต้นนี้คือแนวความคิดของประธานคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภาคนล่าสุด นางนฤมล ศิริวัฒน์ หรือ "มาดามมล" ชื่อที่คนในวงการกีฬาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ด้วยหมวกใบใหม่ที่เพิ่งได้รับเลือกเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา หากเป็นการทำงานอยู่ในแวดวงที่คุ้นเคยทำให้สปอตไลท์จากทุกพื้นที่ฉายจับไปที่การทำงานของเธอ แทบจะเรียกได้ว่านับตั้งแต่นาทีแรกที่ได้รับตำแหน่งเลยทีเดียวโดยหน้าที่หลักของคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภานั้นคือ "พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กระทำกิจการ พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับการส่งเสริม สนับสนุน และพันธนาการกีฬาของชาติ รวมทั้งศึกษาปัญหาและอุปสรรคของการพัฒนาการกีฬาของไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมามีการทำงานเพื่อช่วยเหลือสมาคมกีฬา นักกีฬา รวมไปถึงองค์กรกีฬาที่ประสบปัญหามาโดยตลอด และในวันนี้ประธานคณะกรรมาธิการกีฬาฯคนใหม่ "มาดามมล" ได้กล่าวถึงแนวทางการทำงานของเธอในการให้สัมภาษณ์พิเศษผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน
"จริงๆเรารู้อยู่แล้วว่าการรับหน้าที่นี้เป็นงานหนักเพราะเป็นการสานงานต่อจากท่านประธานฯคนเก่าคุณวรวุฒิ โรจพานิช ซึ่งท่านได้สร้างมาตรฐานของคณะกรรมาธิการกีฬาฯเอาไว้" เป็นความรู้สึกที่ "มาดามมล" เผยกับผู้สื่อข่าวในการให้สัมภาษณ์พิเศษเมื่อวันอังคารที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา "เมื่อเรามาทีหลังก็ต้องทำให้ได้เสมอกับที่ท่านประธานฯคนเก่าทำเอาไว้หรือมากกว่า ดังนั้นงานไหนที่ยังไม่สำเร็จในสมัยพี่วุฒิเราก็จะพยายามสานต่อให้จบ จากนั้นจะเริ่มสร้างงานใหม่" ซึ่งงานใหม่และถือว่าเป็นงานสำคัญที่ "มาดามมล" และคณะทำงานมุ่งหมายเป็นอย่างยิ่งคือแนวคิดที่จะปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย ปี2528 ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญแห่งวงการกีฬาในเมืองไทย "พรบ.กีฬาแห่งชาติคือสิ่งที่เราตั้งใจจะผลักดันให้สำเร็จในสมัยการทำงานของคณะกรรมาธิการกีฬาฯชุดนี้เพราะกฎหมาย ที่ถูกบัญญัติไว้ใน พรบ. กีฬาแห่งชาติ อันเป็นหัวใจหลักสำคัญของวงการกีฬาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลย เป็นเวลา 26 ปีแล้ว หากในปัจจุบันความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของกีฬานั้นมีเยอะมากเห็นชัดคือกีฬาอาชีพที่มันเกิดขึ้นมา 12 ชนิดซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีกฎมีระเบียบ มีมาตรการที่มารองรับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ให้มีความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการกีฬาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสโมสร หรือ นักกีฬาอาชีพเอง"
"ถ้าไม่แก้ไขตรงนี้สิทธิต่างๆ โดยเฉพาะในการกีฬาของประเทศจะทำให้ให้นักกีฬาหรือสมาคมกีฬาในเมืองไทยเสียโอกาส อย่างเรื่องที่ เอเอฟซี เข้ามาตรวจสนามแข่งของไทยลีกล่าสุด ก็ทำให้ทีมฟุตบอลไทยเสียโอกาสไปหลายอย่าง ทั้งที่ปัญหามีเพียงประการเดียวคือสนามการแข่งขันซึ่งสิ่งเหล่านี้คือปัญหา และ ต้องนำไปแก้ในตัวกฎหมาย เพื่อไปรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และจัดงบประมาณลงไป ในเรื่องของสนามกีฬา เพราะฉะนั้นเรื่องที่เป็นความจำเป็นพื้นฐานต้องเติมให้เต็มให้ได้ เรื่องที่เป็นกฎหมายเรื่องเป็นข้อบังคับต้องทำให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลง"
"ส่วนปัญหาเรื่องการเลือกตั้งของสมาคมกีฬาต่างๆนั้นเราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ในอดีตนั้นการเข้ามาทำงานในวงการกีฬาอาจไม่มีใครสนใจกันสักเท่าไร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเข้ามาทำงานก็เพราะใจรักแต่ปัจจุบันความที่กีฬากลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคม บางชนิดกีฬาสามารถพัฒนาสู่ความเป็นเลิศและกลายเป็นธุรกิจกีฬาได้ทำให้ปัจจุบันคนอยากเข้ามาใช้พื้นที่ตรงนี้โดยมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงดังนั้นการเลือกตั้งของสมาคมกีฬาในปัจจุบันจึงเกิดปัญหาค่อนข้างมาก ซึ่งตรงจุดนี้ต้องแก้ไขด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบข้อบังคับในพรบ.กีฬาแห่งชาติเพื่อใช้ในการควบคุมผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในสมาคมกีฬาต่างๆให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง"
แม้ว่าจะมีความมุ่งมั่นเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในวงการกีฬาด้วยความพยายามผลักดันให้มีการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย ปี2528 หากแต่การทำงานที่ผ่านมาของคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภานั้นต้องพบกับอุปสรรคและการไม่ให้ความร่วมมือจากหน่วยงานที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูล จนทำให้ภาพลักษณ์ของคณะกรรมาธิการฯนั้นกลายเป็น "เสือกระดาษ" ซึ่งนางนฤมล เผยถึงวิถีทางจัดการในรูปแบบของเธอว่า
"ที่ผ่านมามีเรื่องสิทธิต่างๆของนักกีฬาที่เราได้รับข้อมูลมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสวัสดิการ สิทธิประโยชน์จากการแข่งขัน หรือการจัดการภายในสมาคมกีฬาว่ามีความถูกต้องเป็นธรรมอย่างไร ซึ่งข้อมูลที่ได้รับมานั้นทางคณะกรรมาธิการฯต้องสรุปเป็นข้อศึกษาตามมติของที่ประชุมไม่ใช่เพียงแค่พูดกันไปให้มันจบในที่ประชุม เมื่อเข้าสู่สภา เพราะฉะนั้นใครมาให้ข้อมูล กับพวกเราจึงถือว่าเป็นข้อมูลทางราชการ และถ้าทางคณะกรรมาธิการฯ เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลแล้วไม่มาถือว่ามีความผิด เพราะมีกฎหมายที่บังคับใช้ออกมาแล้วคุณไม่สามารถปฏิเสธการมาให้การต่อคณะกรรมาธิการฯได้ ดังนั้นหน้าที่ของเราที่ต้อง ส่งเสริม ศึกษา และ ตรวจสอบ นั้นจึงไม่ใช่ "เสือกระดาษ" อีกต่อไป"
"ดังนั้นถ้าเกิดมีใครเข้ามาให้ข้อมูลทางเราตั้งใจอยู่แล้วว่าจะดูแลเป็นพิเศษ ถ้าเป็นมีดต้องเป็นมีดที่คมต้องตัดได้ เมื่อมาตรงนี้ก็ต้องมาสัมฤทธิ์ผล เรื่องลูปหน้าปะจมูกนั้นอยากจะเรียนไว้ตรงนี้เลยว่าไม่ใช่วิถีทางของพี่ และอยากจะย้ำว่าพี่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนี้ไปตลอดชีวิตมาแล้วก็จากไป แต่ก่อนจะจากไป ก็ต้องทำงานให้มันคุ้มค่า เพราะฉะนั้นจะพยายามทำให้ดีที่สุดตามแนวทางที่วางไว้คือการศึกษาข้อมูลในฐานะกรรมาธิการ เมื่อเห็นว่าส่วนไหนส่งเสริมได้เราต้องส่งเสริม และหน้าที่สำคัญของการเป็นวุฒิสมาชิกคือการตรวจสอบ กฎหมายกลั่นกรองแล้วว่าเหมาะสมกับเหุตการณ์ที่เปลี่ยนแปลง"
ทั้งหมดนี้คือคำมั่นสัญญาจากประธานคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภาคนใหม่ นางนฤมล ศิริวัฒน์ ผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการกีฬามากว่าหนึ่งทศวรรษถึงเวลานี้เธอกำลังจะนำประสบการณ์ทั้งหมดร่วมกับคณะทำงานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับหัวใจหลักของวงการกีฬาไทย ส่วนเธอจะไปถึงหลักชัยที่มุ่งหมายหรือไม่นั้นระยะเวลาต่อจากนี้จนครบวาระคือคำตอบที่ดีที่สุด