ASTVผู้จัดการรายวัน - ถึงเวลานี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าวงการฟุตบอลไทยมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นไปถึงขีดสุดอย่างรวดเร็ว โดยแต่ละสโมสรในลีกสูงสุดอย่าง "ไทยพรีเมียร์ลีก" ต่างพยายามเพิ่มศักยภาพด้วยการดึงตัวนักเตะต่างชาติจากประเทศที่มีมาตรฐานฟุตบอลสูงกว่าเข้ามายกระดับฝีเท้าผู้เล่น ซึ่งนอกเหนือจากแข้งผิวสีที่พบกันจนชินตาแล้วยังมีนักเตะโซนเอเชียที่มีคุณภาพคับแก้วอย่างแข้ง "เค-ป็อป" จากประเทศเกาหลีใต้ ที่เข้ามาเบียดโควตานักเตะต่างชาติร่วมทีมตามกฎส่ง 7 ลง 5 ซึ่งล้วนเป็นผู้เล่นที่มีระเบียบวินัยสูง ส่งผลให้ประสบความสำเร็จในเวทีระดับนานาชาติมาแล้ว
โดยสโมสรในลีกลูกหนังสูงสุดแดนสยามที่มีความชัดเจนในเรื่องนักเตะแดนกิมจิคงต้องยกให้สองทีมอย่าง "สุภาพบุรุษโล่ห์เงิน" อินทรีเพื่อนตำรวจ ที่ฟอร์มการเล่นตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2011 กำลังร้อนแรงจนติดอันดับท็อปทรี ภายใต้การนำทัพของ "โค้ชวัง" ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ที่นำเข้านักเตะชาวเกาหลีใต้ถึง 5 คน ประกอบด้วย ชาง ซึง วอน กองหลังจากทีม พูชอน เอฟซี, อู ยึน กองหลังจากทีม พูชอน เอสเค, ยู เจ มิน กองหลังจากชุนนัมดรากอนส์ ทีมชั้นนำในศึก เค-ลีก, อี ฮาน คุก กองกลางตัวปั้นเกมที่มีดีกรีถึงระดับทีมชาติเกาหลี U-19ปี และกองหน้าจอมขยัน อี ซึง ฮึน จากทีม พูชอน เอสเค
ทั้งนี้ "โค้ชวัง-ลันตา" เปิดเผยถึงข้อดีในการมีแข้งแดนโสมเข้ามาเสริมทัพว่า "ต้องยอมรับความเป็นมืออาชีพของเขา ไม่ว่าจะเป็นการมีระเบียบวินัยที่ดี อีกทั้งนักเตะเกาหลีค่อนข้างมีร่างกายแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันพวกเขาเป็นชาวเอเชียเหมือนกับเรา ดังนั้นจึงง่ายในเรื่องการปรับตัว ส่วนระดับความสามารถของฝีเท้าระหว่างนักเตะไทย-เกาหลี ภาพรวมไม่ได้แตกต่างกันมาก ทว่านักเตะเกาหลีจะได้เปรียบในเรื่องสรีระและความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า ที่สำคัญอย่างที่ทราบว่าไทยพรีเมียร์ลีกใช้กฎโควตาส่งชื่อนักเตะต่างชาติ 7 คน ลงสนามได้ 5 คน หากจัดแต่นักเตะไทยลงสนามจะไปสู้พละกำลังกับนักเตะต่างชาติสโมสรอื่นคงไม่ไหว จึงจำเป็นที่สโมสรฯ ต้องการแข้งต่างชาติที่มีความแข็งแกร่งมาช่วยประคองนักเตะไทย เพื่อเสริมศักยภาพความสามารถของนักเตะไทย"
ขณะเดียวกัน ยู เจ มิน อดีตกองหลังทีมชุมนัมดรากอนส์ สโมสรชั้นนำในศึก เค-ลีก วัย 25 ปี ที่เพิ่งเข้าสู่รังอินทรีเพื่อนตำรวจในฤดูกาล 2011 เผยถึงเหตุผลที่เข้ามาค้าแข้งในลีกสูงสุดของประเทศไทยว่า "ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาเล่นในประเทศไทย เพราะส่วนตัวคิดว่าศักยภาพนักเตะของสองประเทศนี้ไม่แตกต่างกันเท่าไรที่สำคัญเมื่อได้มาสัมผัสกับตนเองรู้สึกว่าแข้งไทยมีสไตล์การเล่นที่เก่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก ในส่วนเป้าหมายของทีมจะพยายามพาทีมติดอันดับท็อปไฟว์จนกระทั่งคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกให้ได้"
ทางด้าน ทีทีเอ็ม พิจิตร ที่ในฤดูกาล 2011 ได้ยกเครื่องทีมครั้งใหญ่ด้วยการนำเข้าทั้งนักเตะและทีมงานสต๊าฟโค้ชยกแผงจากแดนกิมจิ นำทัพโดย โค้ชแบ เมียง โฮ อดีตโค้ชทีมอุลซาน ฮุนได พร้อมด้วยนักเตะแดนกิมจิอีก 6 คน ประกอบด้วย วอน ยู ฮุน ผู้รักษาประตู, จุง โฮ จิน และชิน ฮัน โฮ ในตำแหน่งแนวรับ, เมียง จิน โฮ แดนกลาง, และสองศูนย์หน้าตัวอันตรายอย่าง คิม จู ยอง และ ยอน จิ ซอง ซึ่งรายหลังสุดประเดิมสนามให้กับต้นสังกัดอยากสวยหรูกดแฮตทริก ในเกมที่เปิดบ้านตอนรับน้องใหม่ เชียงราย ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 3-1 และเคยขึ้นทำเนียบดาวซัลโวศึกฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกมาแล้ว
ซึ่ง แบ เมียง โฮ กุนซือแดนโสมของทีมทีทีเอ็ม พิจิตร เปิดเผยถึงศักยภาพระหว่างนักเตะไทยกับนักเตะเกาหลีในช่วงที่เข้ามาคุมเกมในไทยพรีเมียร์ลีกว่า "นักเตะไทยมีจุดด้อยในเรื่องการจัดการพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารการจัดการระบบต่างๆ ที่สำคัญยังขาดประสิทธิภาพในการคุมเกมอีกหลายเท่าตัว ซึ่งหากเปรียบระหว่างการแข่งขันแล้วนักเตะไทยยังต่างชั้นกับนักเตะเกาหลีมาก จึงจำเป็นต้องเลือกผู้เล่นที่ดีเข้าสู่ทีมก่อนเสมอ"
อีกหนึ่งตำแหน่งสำคัญของทีม "สิงห์เหนือ" คงหนีไม่พ้น วอน ยู ฮุน นายทวารแดนโสม วัย 23 ปี กล่าวถึงจุดเริ่มต้นที่เข้ามาค้าแข้งกับไทยพรีเมียร์ลีกครั้งแรกว่า "ผมได้รู้จักกับ โค้ชแบ เมียง โฮ มาก่อนหน้าที่จะตัดสินใจมาเล่นฟุตบอลลีกสูงสุดในประเทศไทย ซึ่งเป้าหมายในไทยพรีเมียร์ลีกของผมคือการป้องกันลูกจากฝั่งตรงข้ามให้ได้มากที่สุด มากจนกระทั่งพาทีมเป็นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก"
ถึงจุดนี้คงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับให้นักเตะไทยที่จะได้เรียนรู้ความเป็นมืออาชีพ วินัย ความทุ่มเท และซึมซับทัศนคติของผู้เล่นระดับคุณภาพจากแข้ง "เค-ป็อป" เหล่านี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนฟุตบอลไทยให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติตลอดจนระดับนานาชาติในอนาคต
