“แข้งผิวสี” ไทยลีก ของดีพิมพ์นิยม

ASTV ผู้จัดการรายวัน - เวทีลูกหนังไทยพรีเมียร์ลีกเปิดกว้างให้แต่ละสโมสรดึงนักเตะต่างชาติมาร่วมทีมได้ตามกฎ 7 ลง 5 (ส่งรายชื่อขึ้นทะเบียนได้ 7 คน ลงเล่นในสนามได้ 5 คน) ทว่าส่วนใหญ่ยังคงนิยมเลือกใช้บริการ “แข้งผิวสี” ซึ่งจากการสำรวจรายชื่อทั้ง 18 สโมสรที่ขึ้นทะเบียนกับบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ในซีซัน 2011 นี้ พบว่ามีผู้เล่นจากทวีปแอฟริกามาค้าแข้งในลีกสูงสุดแดนสยามมากถึง 41 ราย มีเพียง ทีทีเอ็ม พิจิตร, อินทรีเพื่อนตำรวจ และ เชียงราย ยูไนเต็ด 3 ทีมเท่านั้นที่ไม่ได้นำเข้านักเตะจากแดนกาฬทวีป

หากถามถึงสาเหตุว่าทำไมนักเตะแอฟริกันจึงเป็นที่ต้องการของสโมสรลูกหนังในบ้านเรามาตลอด “เสือเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ กุนซือการท่าเรือไทย เอฟซี ชี้แจงว่า “ประการแรก คือ นักเตะพวกนี้มีเพดานค่าจ้างไม่แพง และปรับตัวง่ายกับการใช้ชีวิตในเมืองไทย ทำให้สโมสรประหยัดด้านรายจ่ายได้ รวมถึงตัดปัญหาเรื่องการกินอยู่ ประการที่สอง คือ พวกเขามีสรีระที่ใหญ่ มีความแข็งแรง เหมาะสำหรับฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่ปะทะกันเกือบตลอดในระหว่างแข่งขัน แต่ก่อนเซ็นสัญญาต้องทดสอบฝีเท้าให้แน่ใจก่อนว่าจะเข้ามาสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ เพราะบางรายฝีเท้าก็ยังไม่ถึงขั้น”

ส่วนทีมที่ลุ้นแชมป์ทั้งในและนอกประเทศอย่าง เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด ก็จัดว่าเป็นสโมสรที่หาแข้งผิวสีคุณภาพดีมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าง คริสเตียน คัวคู กองหน้าจอมเทคนิคอดีตเยาวชน อันเดอร์เลชท์ กับ ดานโญ เซียกา มิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ชาวไอวอเรียนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นของจริง โดยรายหลังนั้นมีทีเด็ดในการสอดเข้าไปพังประตูได้อย่างถูกที่ถูกเวลาจนมีลุ้นดาวซัลโวแทบทุกฤดูกาล และในยามฉุกเฉินยังลงไปเล่นเป็นกองหลังตัวกลางได้ด้วย

ด้าน โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ผู้จัดการทีมเมืองทองฯ ได้บรรยายสรรพคุณของ ดานโญ ว่า “เขาให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการได้ ทั้งเชื่อมเกมแดนกลาง, ทำประตู หรือ ช่วยเกมรับ นอกจากนั้นยังมีความเป็นมืออาชีพสูง ก่อนเปิดฤดูกาลมีหลายทีมในยุโรปโดยเฉพาะ เบลเยียม เช่น คลับ บรูช, เมเคเลน และ เกนท์ ทีมเดียวกับ ยายา ที่ให้ความสนใจ แต่เขาเป็นตัวหลักของทีมที่เราขาดไม่ได้ ผมจึงอยากให้เขาอยู่กับ เมืองทองฯ ต่อไป เว้นแต่ว่าจะมีข้อเสนอที่ดีพอสำหรับสโมสรและตัวเขา”

ขณะที่ ทีโอที เอสซี ซึ่งกลายสถานะมาเป็นทีมหนีตายก็ยังมีดาวเตะแอฟริกันที่พอจะเป็นตัวทีเด็ดในยามคับขันได้อย่าง โคเน โมฮาเหม็ด โดยอดีตดาวยิงผู้ผ่านการชูถ้วยแชมป์ไทยลีกกับ ธ.กรุงไทย, ชลบุรี และ เมืองทองฯ ย้ายมาอยู่กับ “ฮัลโหล” ด้วยค่าตัวสูงถึง 3 ล้านบาท หลังตกลงค่าจ้างกับ เมเคเลน ทีมจากเบลเยียมไม่ได้ ซึ่งหัวหอกวัย 27 ปีกล่าวว่า “ผมและเพื่อนร่วมทีมรวมตัวกันช้าจึงต้องใช้เวลาปรับความสัมพันธ์กันพอสมควร คาดว่าอีกไม่นานที่ผมจะเป็นส่วนหนึ่งกับทีมได้อย่างลงตัว สำหรับเป้าหมายส่วนตัวอันดับแรก คือ พยายามยึดตัวจริงให้ได้ เพื่อช่วยทีมทำอันดับให้ดีขึ้น”

สำหรับทีมอื่นๆ เมื่อดูจากผลงานล่าสุดต้องยอมรับว่า บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่ผงาดขึ้นมาลุ้นแชมป์ในปีนี้ได้อย่างเต็มตัวตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลก็เพราะเหล่าผู้เล่นผิวสีที่เข้ามาสร้างความแตกต่าง โดยเฉพาะ แฟรงค์ โอฮันด์ซา หัวหอกที่ติดธงแคเมอรูน ชุดอายุไม่เกิน 20 ปี และ แฟรงค์ อาชีมปง ตัวรุกความเร็วสูงชาวกานา ซึ่งผ่านการคัดกรองมาจากสเกาต์ของทีมพันธมิตรอย่าง เลสเตอร์ ซิตี ส่วน ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ที่ลุ้นหนีตกชั้นเมื่อปีก่อนก็ได้ จิมมี โชลา ดาวยิงชาวไนจีเรียเข้ามาเพิ่มความอันตรายในแดนหน้า ทำให้ตอนนี้ขึ้นมาอยู่กลางตารางและอาจไม่ต้องดิ้นรนไปจนถึงโค้งสุดท้าย

ที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าบรรดาพ่อค้าแข้งจากกาฬทวีปมีบทบาทสำคัญกับการต่อสู้ในทุกพื้นที่บนตารางคะแนนไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งมีส่วนช่วยยกระดับสโมสร รวมถึงการแข่งขันให้ตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น แต่หากในระยะยาวนักเตะผิวสียังเข้ามาแย่งนักเตะไทยทำมาหากินมากอย่างที่เป็นอยู่ก็คงไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับทีมชาติ ทว่าในขณะเดียวกันผู้เล่นไทยก็ต้องพัฒนาตัวเองเพื่อชิงตำแหน่ง 11 คนแรกของทีมมาจากพวกดาวเตะแอฟริกันให้ได้ด้วย