คอลัมน์สุดฟากสนาม เรื่อง นกฟินิกซ์
หลังชัยชนะเหนือคู่ปรับตลอดกาลอย่าง พีท แซมพราส บนสนามแกรนด์แสลมได้สำเร็จ อังเดร อากัสซี่ที่ปรากฎตัวในภาพลักษณ์ใหม่ด้วยศรีษะที่ปราศจากเส้นผม เรื่องราวของเขาบนพื้นที่สื่อถูกเปลี่ยนจาก “ขบถลูกสักหลาด” หรือ “ไอ้หนุ่มบลูยีนส์” มาเป็นการไล่ล่าตำแหน่งนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลกจาก แซมพราส ที่ครองบัลลังก์ดังกล่าวมานานถึง 70 สัปดาห์
จากแกรนด์สแลมแรก ถึงแกรนด์สแลมที่สองจนกระทั่งคว้าสแลมต้นปีอย่างออสเตรเลียน โอเพ่น ได้ต่อจากยูเอส โอเพ่น ช่วงเวลาดังกล่าวอังเดร อากัสซี่ ต้องเผชิญหน้ากับเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม นั่นคือตำแหน่งนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลก ตำแหน่งที่ทีมงานของ อังเดร ต่างเชื่อมั่นว่าพีท จะหลุดร่วงจากบัลลังก์ที่เคยครองมาได้ด้วยฝีมือของหนุ่มนักเทนนิสจากลาสเวกัส
และคนที่มุ่งมั่นที่จะทำให้อังเดร อากัสซี่ พร้อมมากที่สุดเพื่อไต่ขึ้นสู่บัลลังก์นักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลกคือ กิล เรเยส เทรนเนอร์ส่วนตัวที่เพียรศึกษาทุกทางเพื่อทำให้ เพื่อน และ เจ้านายของตนเองเข้าใกล้เป้าหมายให้ได้มากที่สุด อังเดร บรรยายไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของตนเอง ถึงความพยายามของ กิล ในการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับนักโภชนาการ การขอคำปรึกษาจากศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับเพิ่มประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ รวมไปถึงการรับนิตยสารเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวซึ่งทั้งหมดนั้นทำให้กิล เรเยส ได้บทสรุปอันเกิดประโยชน์ยิ่งต่อพัฒนการกล้ามเนื้อของอากัสซี่
แล้วในที่สุดคู่ปรับแห่งยุคก็กลับมาพบกันอีกครั้งบนคอร์ตเทนนิส ที่อินเดียน เวลส์ ซึ่งในเวลาดังกล่าว พีท แซมพราส ยังคงมีความกังวลใจเรื่องการป่วยของโค้ชคู่ใจ ขณะที่ อังเดร ต้องต่อสู้กับความกดดันทางอารมณ์เพราะไม่กี่วันก่อนลงทำการแข่งขันนั้น เขาเพิ่งได้รับทราบข่าวว่าบิดาบังเกิดเกล้า ได้เข้ารับการผ่าตัดหัวใจ แน่นอนว่าความเป็นห่วงต่ออาการของพ่อ ทำให้ อากัสซี่ มีสมาธิที่ไม่ดีพอ และเขาต้องพ่ายให้กับพีท แซมพราส ไปถึงสามเซตส่งผลให้ระยะห่างของคะแนนเพื่อขึ้นเป็นมือหนึ่งโลกเริ่มถ่างออกไป
หลังชัยชนะเหนือคู่ปรับตลอดกาลอย่าง พีท แซมพราส บนสนามแกรนด์แสลมได้สำเร็จ อังเดร อากัสซี่ที่ปรากฎตัวในภาพลักษณ์ใหม่ด้วยศรีษะที่ปราศจากเส้นผม เรื่องราวของเขาบนพื้นที่สื่อถูกเปลี่ยนจาก “ขบถลูกสักหลาด” หรือ “ไอ้หนุ่มบลูยีนส์” มาเป็นการไล่ล่าตำแหน่งนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลกจาก แซมพราส ที่ครองบัลลังก์ดังกล่าวมานานถึง 70 สัปดาห์
จากแกรนด์สแลมแรก ถึงแกรนด์สแลมที่สองจนกระทั่งคว้าสแลมต้นปีอย่างออสเตรเลียน โอเพ่น ได้ต่อจากยูเอส โอเพ่น ช่วงเวลาดังกล่าวอังเดร อากัสซี่ ต้องเผชิญหน้ากับเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม นั่นคือตำแหน่งนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลก ตำแหน่งที่ทีมงานของ อังเดร ต่างเชื่อมั่นว่าพีท จะหลุดร่วงจากบัลลังก์ที่เคยครองมาได้ด้วยฝีมือของหนุ่มนักเทนนิสจากลาสเวกัส
และคนที่มุ่งมั่นที่จะทำให้อังเดร อากัสซี่ พร้อมมากที่สุดเพื่อไต่ขึ้นสู่บัลลังก์นักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลกคือ กิล เรเยส เทรนเนอร์ส่วนตัวที่เพียรศึกษาทุกทางเพื่อทำให้ เพื่อน และ เจ้านายของตนเองเข้าใกล้เป้าหมายให้ได้มากที่สุด อังเดร บรรยายไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของตนเอง ถึงความพยายามของ กิล ในการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับนักโภชนาการ การขอคำปรึกษาจากศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับเพิ่มประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ รวมไปถึงการรับนิตยสารเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวซึ่งทั้งหมดนั้นทำให้กิล เรเยส ได้บทสรุปอันเกิดประโยชน์ยิ่งต่อพัฒนการกล้ามเนื้อของอากัสซี่
แล้วในที่สุดคู่ปรับแห่งยุคก็กลับมาพบกันอีกครั้งบนคอร์ตเทนนิส ที่อินเดียน เวลส์ ซึ่งในเวลาดังกล่าว พีท แซมพราส ยังคงมีความกังวลใจเรื่องการป่วยของโค้ชคู่ใจ ขณะที่ อังเดร ต้องต่อสู้กับความกดดันทางอารมณ์เพราะไม่กี่วันก่อนลงทำการแข่งขันนั้น เขาเพิ่งได้รับทราบข่าวว่าบิดาบังเกิดเกล้า ได้เข้ารับการผ่าตัดหัวใจ แน่นอนว่าความเป็นห่วงต่ออาการของพ่อ ทำให้ อากัสซี่ มีสมาธิที่ไม่ดีพอ และเขาต้องพ่ายให้กับพีท แซมพราส ไปถึงสามเซตส่งผลให้ระยะห่างของคะแนนเพื่อขึ้นเป็นมือหนึ่งโลกเริ่มถ่างออกไป
