คอลัมน์สุดฟากสนาม เรื่อง นกฟินิกซ์
หลังเอาชนะคู่แข่งที่เรียกว่าเป็นกระดูกชิ้นใหญ่อย่าง ไมเคิล ชาง ในรอบก่อนรองชนะเลิศของยูเอสโอเพ่นปี 1994 อังเดร อากัสซี่ น่าจะเดินเข้าสู่รอบรองชนะเลิศด้วยความมั่นใจ แต่เรื่องรบกวนสมาธิก็เกิดขึ้นเมื่อ นักเทนนิสหนุ่ม และ เทรนเนอร์ ไปปรากฎตัวในร้านประจำทัวร์นาเมนท์ยูเอส โอเพ่นของพวกเขา
ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปตามรูปแบบเดิม ทั้งเมนู และ พนักงานเสิร์ฟถ้าอังเดร ไม่เผลอไปอ่านคอลัมน์กีฬาในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ซึ่งคอลัมนิสต์ประจำฉบับวิจารณ์การเล่นของจอมหวดจากเวกัสว่า “การเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของ อังเดร อากัสซี่ เป็นเรื่องเหลือเชื่อเพียงพอแล้ว เพราะต่อจากนี้ถ้าไม่แพ้คู่ต่อสู้ที่แกร่งกว่า อากัสซี่ ก็ต้องแพ้ใจตนเองอยู่ดี”
ทันทีที่อ่านคอลัมน์ซึ่งเจ้าตัวไม่ควรอ่านจบ โลกที่กำลังสดใสของ อังเดร หม่นหมองลงไปในหัวของชายหนุ่มเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ นับตั้งแต่ “ถ้าคำทำนายของคอลัมนิสต์เป็นจริงเขาจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง” “ถ้าหากแพ้ในครั้งนี้จะมีโอกาสอีกหรือไม่ในอนาคตกับแกรนด์สแลม” หรือ “ถ้ายังไม่สามารถคว้าชับชนะได้ บรู๊ค ชิลด์ จะทิ้งไปหาผู้ชายคนอื่นหรือไม่”
คำถามเหล่านั้นวนเวียนอยู่ในหัวของนักเทนนิสหนุ่มที่กำลังหาชัยชนะอันยิ่งใหญ่เพื่อลบคำสบประมาท ยิ่งคิด ก็ยิ่งกลุ้มยิ่งกลุ้มก็ยิ่งไม่มีสมาธิเมื่อไม่มีสมาธิก็ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองถึงขนาดจะให้ผู้จัดการส่วนตัวนัดหมายคอลัมนิสต์คนดังกล่าวให้มาพบจนทำให้ กิล เรเยส ออกปากว่า “จงควบคุมในสิ่งที่คุณควบคุมมันได้และเวลานี้สิ่งที่คุณควบคุมได้คือ อาหารตรงหน้าจงกินมันซะ และ เลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว”
ในที่สุดอังเดร ก็ผ่านคู่ต่อสู้ที่เคยเอาชนะเขาในวิมเบิลดันได้บนสนาม ยูเอส โอเพ่น พร้อมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับคู่ต่อสู้จากเยอรมนี ไมเคิล สติช นักเทนนิสหนุ่มที่ลงสนามรอบชิงชนะเลิศในแกรนด์สแลมปี 94 มาแล้วถึงสามรายการ แน่นอนว่านักเทนนิสที่ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นมือวางอย่าง อังเดร กลายเป็นม้านอกสายตามที่จะคว้าเอาชนะคู่แข่งที่แกร่งอย่าง สติช จนคว้าสแลมสุดท้ายของปีไปครอง
เวลานั้นทุกคนคงลืมไปแล้วว่า อังเดร คืออดีตแชมป์วิมเบิลดันในปี 1992 เมื่อต้องลงสนามในสภาพที่เรียกว่า “รองบ่อน” แรกเก็ตหนุ่มจากลาสเวกัส กลับมีสมาธิและความมุ่งมั่นเกินร้อยเปอร์เซนต์ และท้ายที่สุดชื่อของ อังเดร อากัสซี่ ก็ถูกจารึกลงบนโทรฟี่ ยูเอส โอเพ่นเป็นสมัยแรก โดยมีสถิติที่ต้องบันทึกไว้ว่าเขาคือนักเทนนิสที่ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นมือวางคนแรกนับตั้งแต่ปี 1966 ที่สามารถคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่นได้ ขณะที่เจ้าของสถิติรายแรกนั้นคือแฟรงค์ ชีลด์ ปู่ของแฟนสาว บรู๊ค ชีลด์ นั่นเอง
หลังเอาชนะคู่แข่งที่เรียกว่าเป็นกระดูกชิ้นใหญ่อย่าง ไมเคิล ชาง ในรอบก่อนรองชนะเลิศของยูเอสโอเพ่นปี 1994 อังเดร อากัสซี่ น่าจะเดินเข้าสู่รอบรองชนะเลิศด้วยความมั่นใจ แต่เรื่องรบกวนสมาธิก็เกิดขึ้นเมื่อ นักเทนนิสหนุ่ม และ เทรนเนอร์ ไปปรากฎตัวในร้านประจำทัวร์นาเมนท์ยูเอส โอเพ่นของพวกเขา
ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปตามรูปแบบเดิม ทั้งเมนู และ พนักงานเสิร์ฟถ้าอังเดร ไม่เผลอไปอ่านคอลัมน์กีฬาในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ซึ่งคอลัมนิสต์ประจำฉบับวิจารณ์การเล่นของจอมหวดจากเวกัสว่า “การเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของ อังเดร อากัสซี่ เป็นเรื่องเหลือเชื่อเพียงพอแล้ว เพราะต่อจากนี้ถ้าไม่แพ้คู่ต่อสู้ที่แกร่งกว่า อากัสซี่ ก็ต้องแพ้ใจตนเองอยู่ดี”
ทันทีที่อ่านคอลัมน์ซึ่งเจ้าตัวไม่ควรอ่านจบ โลกที่กำลังสดใสของ อังเดร หม่นหมองลงไปในหัวของชายหนุ่มเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ นับตั้งแต่ “ถ้าคำทำนายของคอลัมนิสต์เป็นจริงเขาจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง” “ถ้าหากแพ้ในครั้งนี้จะมีโอกาสอีกหรือไม่ในอนาคตกับแกรนด์สแลม” หรือ “ถ้ายังไม่สามารถคว้าชับชนะได้ บรู๊ค ชิลด์ จะทิ้งไปหาผู้ชายคนอื่นหรือไม่”
คำถามเหล่านั้นวนเวียนอยู่ในหัวของนักเทนนิสหนุ่มที่กำลังหาชัยชนะอันยิ่งใหญ่เพื่อลบคำสบประมาท ยิ่งคิด ก็ยิ่งกลุ้มยิ่งกลุ้มก็ยิ่งไม่มีสมาธิเมื่อไม่มีสมาธิก็ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองถึงขนาดจะให้ผู้จัดการส่วนตัวนัดหมายคอลัมนิสต์คนดังกล่าวให้มาพบจนทำให้ กิล เรเยส ออกปากว่า “จงควบคุมในสิ่งที่คุณควบคุมมันได้และเวลานี้สิ่งที่คุณควบคุมได้คือ อาหารตรงหน้าจงกินมันซะ และ เลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว”
ในที่สุดอังเดร ก็ผ่านคู่ต่อสู้ที่เคยเอาชนะเขาในวิมเบิลดันได้บนสนาม ยูเอส โอเพ่น พร้อมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับคู่ต่อสู้จากเยอรมนี ไมเคิล สติช นักเทนนิสหนุ่มที่ลงสนามรอบชิงชนะเลิศในแกรนด์สแลมปี 94 มาแล้วถึงสามรายการ แน่นอนว่านักเทนนิสที่ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นมือวางอย่าง อังเดร กลายเป็นม้านอกสายตามที่จะคว้าเอาชนะคู่แข่งที่แกร่งอย่าง สติช จนคว้าสแลมสุดท้ายของปีไปครอง
เวลานั้นทุกคนคงลืมไปแล้วว่า อังเดร คืออดีตแชมป์วิมเบิลดันในปี 1992 เมื่อต้องลงสนามในสภาพที่เรียกว่า “รองบ่อน” แรกเก็ตหนุ่มจากลาสเวกัส กลับมีสมาธิและความมุ่งมั่นเกินร้อยเปอร์เซนต์ และท้ายที่สุดชื่อของ อังเดร อากัสซี่ ก็ถูกจารึกลงบนโทรฟี่ ยูเอส โอเพ่นเป็นสมัยแรก โดยมีสถิติที่ต้องบันทึกไว้ว่าเขาคือนักเทนนิสที่ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นมือวางคนแรกนับตั้งแต่ปี 1966 ที่สามารถคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่นได้ ขณะที่เจ้าของสถิติรายแรกนั้นคือแฟรงค์ ชีลด์ ปู่ของแฟนสาว บรู๊ค ชีลด์ นั่นเอง
