คอลัมน์สุดฟากสนาม เรื่อง นกฟินิกซ์
เมื่อได้เรียนรู้เคล็ดลับที่ไม่มีใครเคยบอกจาก แบรด กิลเบิร์ต รูปแบบการเล่นของ อังเดร เริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเน้นทุกชอตให้เป็น “ลูกวินเนอร์”เปลี่ยนมาเป็นการ “แรลลี่”ท้ายคอร์ตแบบยืดเยื้อรอให้คู่ต่อสู้ผิดพลาด ก่อนจะเข้าโจมตีโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว รูปแบบการเล่นแบบนี้ทำให้ นักเทนนิสหนุ่มจากลาสเวกัส มีความมั่นใจมากขึ้นซึ่งความมั่นใจดังกล่าวสำคัญอย่างยิ่งต่ออังเดร เพราะผลงานที่เริ่มตกต่ำรวมไปถึงการเปลี่ยนทีมงานใหม่ บทพิสูจน์ความสำเร็จจะต้องมาจากผลงานในสนามแข่งขันจริง และการแข่งขันนัดแรกที่ คีย์ บิสคาน คือการเผชิญหน้ากับอดีตคนคุ้นเคยอย่าง นิค บอลเลทเทียรี่ ที่เข้าไปทำหน้าที่โค้ช ให้กับ บอริส เบคเกอร์ จอมเสิร์ฟหนักจากเยอรมนี
ในความรู้สึของ อังเดร นั้นมองว่าการกระทำของ นิค ที่เข้าไปทำหน้าโค้ชให้กับ บอริส เบคเกอร์ ผู้ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของตนเอง เหมือนเป็นการถูกหักหลังจากคนที่เคยรู้จักกัน เพราะหลังจากที่แยกทางกันไป นิคได้กล่าวผ่านสื่อว่าจะไม่ทำหน้าที่โค้ช ให้กับคู่แข่งรายใดของอังเดร อากัสซี่ แต่สิ่งที่ปรากฎในปัจจุบัน ได้พิสูจน์ให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของ อดีตเจ้าของสถาบันเทนนิสชื่อดัง รายนี้ได้อย่างชัดเจน
ผลการแข่งขันนัดแรกหลังจากที่ อังเดร เปลี่ยนโค้ชมาเป็นแบรด กิลเบิร์ต คือชัยชนะเหนือ บอริส เบคเกอร์ หนุ่มเยอรมันจอมเสิร์ฟหนักผู้ที่ได้ นิค บอเลทเทียรี่ ไปทำหน้าที่โค้ช และทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว อังเดร ทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยเข้าไปพบกับคู่ปรับตลอดกาลของตนเองที่ชื่อ พีท แซมพราส แต่ก่อนที่จะลงสนามนัดสำคัญดังกล่าว เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่จากฝ่ายจัดการแข่งขัน เรียก อังเดร และ แบรด เข้าไปในห้องล็อกเกอร์รูม ที่นั่น อังเดร พบกับ แซมพราส ในสภาพหมดทางสู้ นอนแผ่หลาอยู่กับพื้น โดยมีแพทย์หันมาพูดให้ได้ยินกันทั่วว่า “เป็นอาการของอาหารเป็นพิษ” เมื่อสิ้นสุดเสียงขอแพทย์สนาม แบรด กระซิบ ข้างหูอังเดร ทันทีว่า “ดูเหมือนคุณจะได้ครองแชมป์รายการนี้แล้วละ”
แต่อากัสซี่ มิใช่คนที่ชอบฉวยโอกาส เมื่อเจ้าหน้าเดินเข้ามาถามเขาว่า จะรอให้พีทฟื้นโดยอยู่ในเวลาที่กำหนด หรือจะใช้สิทธิบังคับให้พีท ลุกขึ้นมาแข่งเลยซึ่งนั่นหมายถึงการคว้าแชมป์เหนือคู่ต่อสู้ที่ไม่มีความพร้อมเกือบร้อยเปอร์เซนต์ และแน่นอนว่า อังเดร เลือกที่จะรอ ให้คู่แข่งของตนเองฟื้นขึ้นมา ซึ่งนั่นคือการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะหลังจากลุกขึ้นได้และลงสนาม พีท แทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคนกับที่นอนอยู่บนพื้นเมื่อชั่วโมงก่อน และเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนืออากัสซี่ ตลอดทั้งเกม จนคว้าแชมป์ไปครองในที่สุด
บทเรียนดังกล่าว อังเดร ถูกแบรดตำหนิเป็นอย่างยิ่ง หากแต่นักเทนนิสหนุ่มให้เหตุผลว่า “ผมยินดีให้ทุกคนตำหนิว่าไม่สามารถสู้ พีท ได้ ดีกว่าเอาชนะคู่ต่อสู้ซึ่งมีอาการไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเพราะมันคือชัยชนะที่ไม่สมศักดิ์ศรี แม้เพียงนิดเดียว”
เมื่อได้เรียนรู้เคล็ดลับที่ไม่มีใครเคยบอกจาก แบรด กิลเบิร์ต รูปแบบการเล่นของ อังเดร เริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเน้นทุกชอตให้เป็น “ลูกวินเนอร์”เปลี่ยนมาเป็นการ “แรลลี่”ท้ายคอร์ตแบบยืดเยื้อรอให้คู่ต่อสู้ผิดพลาด ก่อนจะเข้าโจมตีโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว รูปแบบการเล่นแบบนี้ทำให้ นักเทนนิสหนุ่มจากลาสเวกัส มีความมั่นใจมากขึ้นซึ่งความมั่นใจดังกล่าวสำคัญอย่างยิ่งต่ออังเดร เพราะผลงานที่เริ่มตกต่ำรวมไปถึงการเปลี่ยนทีมงานใหม่ บทพิสูจน์ความสำเร็จจะต้องมาจากผลงานในสนามแข่งขันจริง และการแข่งขันนัดแรกที่ คีย์ บิสคาน คือการเผชิญหน้ากับอดีตคนคุ้นเคยอย่าง นิค บอลเลทเทียรี่ ที่เข้าไปทำหน้าที่โค้ช ให้กับ บอริส เบคเกอร์ จอมเสิร์ฟหนักจากเยอรมนี
ในความรู้สึของ อังเดร นั้นมองว่าการกระทำของ นิค ที่เข้าไปทำหน้าโค้ชให้กับ บอริส เบคเกอร์ ผู้ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของตนเอง เหมือนเป็นการถูกหักหลังจากคนที่เคยรู้จักกัน เพราะหลังจากที่แยกทางกันไป นิคได้กล่าวผ่านสื่อว่าจะไม่ทำหน้าที่โค้ช ให้กับคู่แข่งรายใดของอังเดร อากัสซี่ แต่สิ่งที่ปรากฎในปัจจุบัน ได้พิสูจน์ให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของ อดีตเจ้าของสถาบันเทนนิสชื่อดัง รายนี้ได้อย่างชัดเจน
ผลการแข่งขันนัดแรกหลังจากที่ อังเดร เปลี่ยนโค้ชมาเป็นแบรด กิลเบิร์ต คือชัยชนะเหนือ บอริส เบคเกอร์ หนุ่มเยอรมันจอมเสิร์ฟหนักผู้ที่ได้ นิค บอเลทเทียรี่ ไปทำหน้าที่โค้ช และทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว อังเดร ทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยเข้าไปพบกับคู่ปรับตลอดกาลของตนเองที่ชื่อ พีท แซมพราส แต่ก่อนที่จะลงสนามนัดสำคัญดังกล่าว เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่จากฝ่ายจัดการแข่งขัน เรียก อังเดร และ แบรด เข้าไปในห้องล็อกเกอร์รูม ที่นั่น อังเดร พบกับ แซมพราส ในสภาพหมดทางสู้ นอนแผ่หลาอยู่กับพื้น โดยมีแพทย์หันมาพูดให้ได้ยินกันทั่วว่า “เป็นอาการของอาหารเป็นพิษ” เมื่อสิ้นสุดเสียงขอแพทย์สนาม แบรด กระซิบ ข้างหูอังเดร ทันทีว่า “ดูเหมือนคุณจะได้ครองแชมป์รายการนี้แล้วละ”
แต่อากัสซี่ มิใช่คนที่ชอบฉวยโอกาส เมื่อเจ้าหน้าเดินเข้ามาถามเขาว่า จะรอให้พีทฟื้นโดยอยู่ในเวลาที่กำหนด หรือจะใช้สิทธิบังคับให้พีท ลุกขึ้นมาแข่งเลยซึ่งนั่นหมายถึงการคว้าแชมป์เหนือคู่ต่อสู้ที่ไม่มีความพร้อมเกือบร้อยเปอร์เซนต์ และแน่นอนว่า อังเดร เลือกที่จะรอ ให้คู่แข่งของตนเองฟื้นขึ้นมา ซึ่งนั่นคือการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะหลังจากลุกขึ้นได้และลงสนาม พีท แทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคนกับที่นอนอยู่บนพื้นเมื่อชั่วโมงก่อน และเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนืออากัสซี่ ตลอดทั้งเกม จนคว้าแชมป์ไปครองในที่สุด
บทเรียนดังกล่าว อังเดร ถูกแบรดตำหนิเป็นอย่างยิ่ง หากแต่นักเทนนิสหนุ่มให้เหตุผลว่า “ผมยินดีให้ทุกคนตำหนิว่าไม่สามารถสู้ พีท ได้ ดีกว่าเอาชนะคู่ต่อสู้ซึ่งมีอาการไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเพราะมันคือชัยชนะที่ไม่สมศักดิ์ศรี แม้เพียงนิดเดียว”
