คอลัมน์สุดฟากสนาม เรื่อง นกฟินิกซ์
ในการแข่งขันเทนนิสยูเอส โอเพ่นปี 1994 อังเดร อากัสซี่ ไม่ได้ลงสนามในฐานะมือวางของรายการ หากสิ่งที่ แบรด กิลเบิร์ต ทำนายไว้ก่อนการแข่งขันว่าแกรนด์สแลมรายการนี้จะตกเป็นของเขา นั่นหมายความว่า อังเดร จะกลายเป็นนักเทนนิสที่ไม่ได้เป็นมือวางคนแรกนับตั้งแต่ปี 1960 ที่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่นมาครองได้สำเร็จ
การคาดเดาดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับ อังเดร เป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วงก่อนหน้าลงสนามแกรนด์สแลมสุดท้ายของปี เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความพ่ายแพ้ชนิดกราวรูด แต่แบรด กลับบอกอย่างมั่นใจว่ามีโอกาสเกินห้าสิบเปอร์เซนต์ที่จะคว้าแชมป์รายการนี้แถมยังชอบใจที่ “ไอ้หนุ่มบลูยีนส์” ไม่ได้รับการวางตัวให้เป็นมือวาง โดยให้เหตุผลกับอังเดรว่า “เส้นทางยากลำบากก็จริง แต่คู่แข่งที่น่ากลัวจะมีอยู่ในเฉพาะรอบแรกๆและถ้าคุณโค่นพวกเขาได้หมดแชมป์รายการนี้จะเป็นของคุณอย่างแน่นอน”
แม้จะยังไม่เชื่อสนิทใจว่าตนเองมีโอกาสคว้าแชมป์แกรนด์สแลมสุดท้ายของปี แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกดีกับการไม่ถูกจัดเป็นมือวางของรายการ คือความสนใจจากสื่อมวลชนที่ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด มีบ้างที่เขาถูกจับตามอง แต่นั่นเป็นเพราะบ๊อกวีไอพีมี บรู๊ค ชีลด์ มาให้กำลังใจ ขณะที่ อากัสซี่ เริ่มต้นรอบแรกด้วยชัยชนะเหนือ โรเบิร์ต อิริคสัน จากนั้นโค่นมือดีจากฝรั่งเศสอย่าง กีย์ ฟอร์เกต์ และเก็บชัยชนะงดงามแบบสามเซตรวดเหนือ เวย์น เฟอร์เรรา จากแอฟริกาใต้
แล้วนัดสำคัญก็มาถึง เพราะคู่แข่งในรอบต่อมาของ อากัสซี่คือ ไมเคิล ชาง มันเป็นช่วงเวลาที่ อดีตนักเทนนิสวัยรุ่นที่ได้ชื่อว่ามีความมั่นใจมากที่สุดบนสนามแข่งเอทีพี รู้สึกอ่อนแอ และ หวาดกลัวที่จะลงสนามขณะที่ กิล เรเยส ซึ่งอยู่ข้างกายมาโดยตลอดเข้าใจสภาพเป็นอย่างดี กิล ผสมเครื่องดื่มชนิดพิเศษให้กับ อังเดร ก่อนลงสนาม และนับจากแก้วนั้น เครื่องดื่มที่ อากัสซี่ ขนานนามว่า “กิล ดริงค์” กลายเป็นเครื่องดื่มเรียกความมั่นใจและกำลังกายให้กับเจ้าตัวในทุกทัวร์นาเมนท์
ความมั่นใจและกำลังกาย คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ อากัสซี่ เอาชนะคู่ปรับในสมัยเยาวชน มันเป็นชัยชนะที่งดงามจากการดวลแรกเกตอันยาวนานถึงห้าเซต โดยภายหลัง การแข่งขันไมเคิล ชางกล่าวถึงอากัสซี่ ว่า “มันเกมที่ผมผิดพลาดและ อังเดรโชคดี ขณะที่คู่ต่อสู้ในรอบต่อไปน่าจะได้เปรียบเพราะรอบนี้ ผมกับอังเดร ซัดกันจนหมดแรงไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว”
ในการแข่งขันเทนนิสยูเอส โอเพ่นปี 1994 อังเดร อากัสซี่ ไม่ได้ลงสนามในฐานะมือวางของรายการ หากสิ่งที่ แบรด กิลเบิร์ต ทำนายไว้ก่อนการแข่งขันว่าแกรนด์สแลมรายการนี้จะตกเป็นของเขา นั่นหมายความว่า อังเดร จะกลายเป็นนักเทนนิสที่ไม่ได้เป็นมือวางคนแรกนับตั้งแต่ปี 1960 ที่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่นมาครองได้สำเร็จ
การคาดเดาดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับ อังเดร เป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วงก่อนหน้าลงสนามแกรนด์สแลมสุดท้ายของปี เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความพ่ายแพ้ชนิดกราวรูด แต่แบรด กลับบอกอย่างมั่นใจว่ามีโอกาสเกินห้าสิบเปอร์เซนต์ที่จะคว้าแชมป์รายการนี้แถมยังชอบใจที่ “ไอ้หนุ่มบลูยีนส์” ไม่ได้รับการวางตัวให้เป็นมือวาง โดยให้เหตุผลกับอังเดรว่า “เส้นทางยากลำบากก็จริง แต่คู่แข่งที่น่ากลัวจะมีอยู่ในเฉพาะรอบแรกๆและถ้าคุณโค่นพวกเขาได้หมดแชมป์รายการนี้จะเป็นของคุณอย่างแน่นอน”
แม้จะยังไม่เชื่อสนิทใจว่าตนเองมีโอกาสคว้าแชมป์แกรนด์สแลมสุดท้ายของปี แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกดีกับการไม่ถูกจัดเป็นมือวางของรายการ คือความสนใจจากสื่อมวลชนที่ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด มีบ้างที่เขาถูกจับตามอง แต่นั่นเป็นเพราะบ๊อกวีไอพีมี บรู๊ค ชีลด์ มาให้กำลังใจ ขณะที่ อากัสซี่ เริ่มต้นรอบแรกด้วยชัยชนะเหนือ โรเบิร์ต อิริคสัน จากนั้นโค่นมือดีจากฝรั่งเศสอย่าง กีย์ ฟอร์เกต์ และเก็บชัยชนะงดงามแบบสามเซตรวดเหนือ เวย์น เฟอร์เรรา จากแอฟริกาใต้
แล้วนัดสำคัญก็มาถึง เพราะคู่แข่งในรอบต่อมาของ อากัสซี่คือ ไมเคิล ชาง มันเป็นช่วงเวลาที่ อดีตนักเทนนิสวัยรุ่นที่ได้ชื่อว่ามีความมั่นใจมากที่สุดบนสนามแข่งเอทีพี รู้สึกอ่อนแอ และ หวาดกลัวที่จะลงสนามขณะที่ กิล เรเยส ซึ่งอยู่ข้างกายมาโดยตลอดเข้าใจสภาพเป็นอย่างดี กิล ผสมเครื่องดื่มชนิดพิเศษให้กับ อังเดร ก่อนลงสนาม และนับจากแก้วนั้น เครื่องดื่มที่ อากัสซี่ ขนานนามว่า “กิล ดริงค์” กลายเป็นเครื่องดื่มเรียกความมั่นใจและกำลังกายให้กับเจ้าตัวในทุกทัวร์นาเมนท์
ความมั่นใจและกำลังกาย คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ อากัสซี่ เอาชนะคู่ปรับในสมัยเยาวชน มันเป็นชัยชนะที่งดงามจากการดวลแรกเกตอันยาวนานถึงห้าเซต โดยภายหลัง การแข่งขันไมเคิล ชางกล่าวถึงอากัสซี่ ว่า “มันเกมที่ผมผิดพลาดและ อังเดรโชคดี ขณะที่คู่ต่อสู้ในรอบต่อไปน่าจะได้เปรียบเพราะรอบนี้ ผมกับอังเดร ซัดกันจนหมดแรงไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว”