คอลัมน์สุดฟากสนาม เรื่อง นกฟินิกซ์
หลังคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่นในปี 1994 โดยมีสถิติบันทึกตามมาว่าเป็นนักเทนนิสที่ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นมือวางของรายการที่สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้ ชื่อของ อังเดร อากัสซี่ กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งทั้งบนพื้นที่สื่อ ในล็อกเกอร์รูมของการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งเหล่าวัยรุ่นที่คลั่งไคล้ในบุคลิก “ขบถลูกสักหลาด” ของชายหนุ่ม
แต่ทุกอย่างต้องถูกปรับเปลี่ยน และผู้ที่บอกให้ อังเดร เปลี่ยนลุคไม่ใช่ใครอื่น เธอผู้นั้นคือ “บรู๊ค ชีลด์” ดาราสาวชื่อดังของฮอลลีวูดส์ บัณฑิตสาขาวรรณกรรมฝรั่งเศสจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง “พรินซ์ตัน” และเธอคือผู้หญิงที่ อังเดร วางแผนว่าจะแต่งงานด้วย
หลังจากคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่นมาครองได้สำเร็จ บรู๊ค เอ่ยกับ อังเดร ในวันหนึ่งว่า “ฉันคิดว่าเธอควรจะตัดผมและเอาเจ้าวิกปลอมนั่นออกไปได้แล้วนะ” แม้ว่าบรู๊ค จะเอ่ยกับแฟนหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ แต่กลับทำให้ชายหนุ่มถึงกับตาเหลือก อังเดร อธิบายไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของตนเองว่า “บรู๊คให้เหตุผลว่าการตัดผมจะทำให้ผมเป็นอิสระจากภาพมายาที่สร้างขึ้น” แน่นอนว่าเจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 2 สมัยไม่คิดเช่นนั้น โดยเฉพาะเอเยนซี่ ที่ดูแลเรื่องสปอนเซอร์อย่าง “เจพี” ที่กล่าวถึงภาพลักษณ์ “ไอ้หนุ่มบลูยีนส์ผมยาว” ของ อากัสซี่ว่า “สิ่งที่คนนึกถึงเมื่อเอ่ยชื่อ อังเดร อากัสซี่ คือผมทรงพังค์ แฟนเทนนิสทั้งที่ชื่นชอบ และ ไม่ชื่นชอบต่างพูดถึงทรงผมของ อากัสซี่ และมันคือจุดขาย ถ้าตัดผมทิ้งก็หมายความว่าจุดขายของนักเทนนิสที่ชื่ออังเดร อากัสซี่ จะหายไป”
ใครจะไปคิดว่า “ผม” จะกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่า แกรนด์สแลมที่เจ้าตัวเพิ่งคว้ามาได้ แต่ในที่สุดแล้ว อังเดร ตัดสินใจที่จะเชื่อคำแนะนำของ แฟนสาวเขาตัดสินใจตัดผมทั้งหมดทิ้ง จนศรษะล้านโล่ง โกนหนวดโกนเคราที่รกรุงรังจนใบหน้าสะอาดสะอ้าน เมื่อเดินไปส่องกระจกหลังเอาภาพลักษณ์ที่ติดตัวมากว่า 10 ปีทิ้งไป อังเดร อากัสซี่ ในปี 1995 กลายเป็นคนใหม่ที่แม้แต่เจ้าตัวยังจำตังเองไม่ได้ แต่เหนืออื่นใดเขารู้สึกเป็นอิสระจากภาพลักษณ์ที่ตนเองได้สร้างขึ้นมา รู้สึกได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง และลงสู่สนาม แกรนด์สแลมบนแผ่นดิน ดาวน์อันเดอร์ อย่าง ออสเตรเลียน โอเพ่น ด้วยความมั่นใจ
หลังคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่นในปี 1994 โดยมีสถิติบันทึกตามมาว่าเป็นนักเทนนิสที่ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นมือวางของรายการที่สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้ ชื่อของ อังเดร อากัสซี่ กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งทั้งบนพื้นที่สื่อ ในล็อกเกอร์รูมของการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งเหล่าวัยรุ่นที่คลั่งไคล้ในบุคลิก “ขบถลูกสักหลาด” ของชายหนุ่ม
แต่ทุกอย่างต้องถูกปรับเปลี่ยน และผู้ที่บอกให้ อังเดร เปลี่ยนลุคไม่ใช่ใครอื่น เธอผู้นั้นคือ “บรู๊ค ชีลด์” ดาราสาวชื่อดังของฮอลลีวูดส์ บัณฑิตสาขาวรรณกรรมฝรั่งเศสจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง “พรินซ์ตัน” และเธอคือผู้หญิงที่ อังเดร วางแผนว่าจะแต่งงานด้วย
หลังจากคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่นมาครองได้สำเร็จ บรู๊ค เอ่ยกับ อังเดร ในวันหนึ่งว่า “ฉันคิดว่าเธอควรจะตัดผมและเอาเจ้าวิกปลอมนั่นออกไปได้แล้วนะ” แม้ว่าบรู๊ค จะเอ่ยกับแฟนหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ แต่กลับทำให้ชายหนุ่มถึงกับตาเหลือก อังเดร อธิบายไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของตนเองว่า “บรู๊คให้เหตุผลว่าการตัดผมจะทำให้ผมเป็นอิสระจากภาพมายาที่สร้างขึ้น” แน่นอนว่าเจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 2 สมัยไม่คิดเช่นนั้น โดยเฉพาะเอเยนซี่ ที่ดูแลเรื่องสปอนเซอร์อย่าง “เจพี” ที่กล่าวถึงภาพลักษณ์ “ไอ้หนุ่มบลูยีนส์ผมยาว” ของ อากัสซี่ว่า “สิ่งที่คนนึกถึงเมื่อเอ่ยชื่อ อังเดร อากัสซี่ คือผมทรงพังค์ แฟนเทนนิสทั้งที่ชื่นชอบ และ ไม่ชื่นชอบต่างพูดถึงทรงผมของ อากัสซี่ และมันคือจุดขาย ถ้าตัดผมทิ้งก็หมายความว่าจุดขายของนักเทนนิสที่ชื่ออังเดร อากัสซี่ จะหายไป”
ใครจะไปคิดว่า “ผม” จะกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่า แกรนด์สแลมที่เจ้าตัวเพิ่งคว้ามาได้ แต่ในที่สุดแล้ว อังเดร ตัดสินใจที่จะเชื่อคำแนะนำของ แฟนสาวเขาตัดสินใจตัดผมทั้งหมดทิ้ง จนศรษะล้านโล่ง โกนหนวดโกนเคราที่รกรุงรังจนใบหน้าสะอาดสะอ้าน เมื่อเดินไปส่องกระจกหลังเอาภาพลักษณ์ที่ติดตัวมากว่า 10 ปีทิ้งไป อังเดร อากัสซี่ ในปี 1995 กลายเป็นคนใหม่ที่แม้แต่เจ้าตัวยังจำตังเองไม่ได้ แต่เหนืออื่นใดเขารู้สึกเป็นอิสระจากภาพลักษณ์ที่ตนเองได้สร้างขึ้นมา รู้สึกได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง และลงสู่สนาม แกรนด์สแลมบนแผ่นดิน ดาวน์อันเดอร์ อย่าง ออสเตรเลียน โอเพ่น ด้วยความมั่นใจ
