"สิงห์บลูส์" เชลซี บุกไปแซงชนะ "เดอะ แบ็กกีส์" เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 3-1 รั้งอันดับ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังไล่หลัง "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงอยู่ 8 แต้ม
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เวสต์บรอมวิช 1-3 เชลซี
คาร์โล อันเชล็อตติ สั่งลูกทีม "สิงห์บลูส์" เชลซี กลับมาทุ่มกำลังในพรีเมียร์ลีกเต็มตัว หลังตกรอบยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เรียบร้อยแล้ว นัดนี้ทีมเยือนจากลอนดอนปรับทัพใส่ ดาวิด ลุยซ์ คืนแนวรับ แผงกลางให้ จอห์น โอบี มิเกล ตัดเกมแทน รามิเรส ที่ติดโทษแบน แนวรุกใช้ ซาโลมอน กาลู และ ฟลอรองต์ มาลูดา ปั้นเกมให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ลุ้นสกอร์ ด้าน รอย ฮอดจ์สัน นำ "เดอะ แบ็กกีส์" เวสต์บรอมวิช หายใจโล่งคอขึ้น นัดนี้เล่นในถิ่นยังอัดแผงมิดฟิลด์ไว้แน่น ห้อยทาง ปีเตอร์ โอเดมวิงกี กองหน้าตัวความหวังไว้คนเดียว
เริ่มเกมการแข่งขันไม่ถึงสองนาที เชลซี ทักทายก่อนจากลูกยิงไกลด้วยซ้ายของ ฟลอรองต์ มาลูดา ที่หลุดกรอบไป แต่พอตั้งหลักได้ เวสต์บรอมวิช ก็ลุยขึ้นมาได้ลุ้นเหมือนกัน เจมส์ มอร์ริสัน ไหลใส่พานให้ ยุสซุฟ มูลัมบู วิ่งเข้ามาแปเน้นๆ แต่บอลก็เหินข้ามคาน เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 17 แฟนๆ เจ้าถิ่นได้เฮกันลั่นเมื่อทีมรักออกนำ 1-0 เมื่อ เจอโรม โธมัส จ่ายบอลให้ ปีเตอร์ โอเดมวิงกี หลุดเข้าไปยกบอลข้าม ปีเตอร์ เช็ก ตุงตาข่าย
อย่างไรก็ตาม ให้หลังอีกแค่ 4 นาที ทีมเยือนก็ตามตีเสมอ 1-1 ทันควัน เริ่มจากความผิดพลาดของ สกอตต์ คาร์สัน ที่ปัดลูกเปิดจากกราบของ มาลูดา ไม่ขาด นิคกี ชอรีย์ พยายามเคลียร์ก็ไม่พ้นอันตรายไปเข้าทางให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กระหน่ำเหน่งๆ ไม่เหลือ ถัดมาถึงนาที 26 กลายเป็น "สิงห์บลูส์" แซงนำ 2-1 เมื่อ คาร์สัน พลาดอีกครั้งปัดลูกยิงไม่แรงของ ดร็อกบา มาเข้าทาง ซาโลมอน กาลู ปาดยิงด้วยซ้ายเสียบเสา เชลซี เป็นฝ่ายครองเกมได้แล้ว แฟรงค์ แลมพาร์ด ลองตะบันฟรีคิกไกล คราวนี้ คาร์สัน แก้ตัวปัดพ้นคาน แต่นาที 45 ผู้มาเยือนหนีไปเป็น 3-1 จากจังหวะสวนกลับ มาลูดา ปาดจากกราบซ้ายให้ แลมพ์ แปบอลเสียบมุม
ลุยต่อครึ่งหลัง เวสต์บรอมวิช พยายามดันเกมเพื่อทวงประตูคืน แต่ เชลซี ยังขึงเกมได้ดีและเกือบหนีห่างถ้าลูกยิงไกลลักไก่ของ ดร็อกบา ไม่เหินโด่งไปตกบนตาข่ายด้านบน โอกาสยังเป็นของทีมเยือน ดร็อกบา เปิดดีดๆ ไปหน้าประตู แลมพาร์ด โขกวืดทำให้ กาลู ที่ยืนอยู่เสาไกลเสียจังหวะพุ่งโหม่งถากเสาไป ผ่านหนึ่งชั่วโมงเต็ม "สิงห์บลูส์" น่าจะใส่สกอร์ได้อีกครั้งเมื่อ กาลู พลิกเข้ามายิงบอลแฉลบเท้า อับดุลาย เมอิเต ลอยไปกระแทกคานออกมา
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย คริส บรันท์ ได้ลองยิงไกลเฉี่ยวกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น ถัดมา รอย ฮอดจ์สัน แก้เกมด้วยการส่ง คาร์ลอส เวลา ลงมาเล่นแทน มอร์ริสัน แต่ยังเป็นทีมเยือนได้กระหน่ำ มาลูดา ซัดด้วยซ้ายมุมแคบ คาร์สัน ตะปบไว้ได้ ท้ายเกม เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้โอกาสลงมาเล่นแทน ดร็อกบา และสามารถส่งบอลตุงตาข่าย ทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าเสียก่อน ครบ 90 นาที เชลซี บุกมาเก็บชัยมีเพิ่มเป็น 61 คะแนนจาก 32 นัด ยังรั้งที่ 3 แต่ก็ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงเหลือ 8 แต้ม ขณะที่ เวสต์บรอมวิช มี 39 คะแนน อยู่ที่ 10 ของตารางเหมือนเดิม
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เวสต์บรอมวิช : สกอตต์ คาร์สัน , สตีเวน รีด , อับดุลาย เมอิเต , โยนาส โอลส์สัน , นิคกี ชอรีย์ , คริส บรันท์ , ยุสซุฟ มูลัมบู , พอล ชาร์เนอร์ , เจอโรม โธมัส , เจมส์ มอร์ริสัน , ปีเตอร์ โอเดมวิงกี
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช , ดาวิด ลุยซ์ , จอห์น เทอร์รี , แอชลีย์ โคล , มิคาเอล เอสเซียง , จอห์น โอบี มิเกล , แฟรงค์ แลมพาร์ด , ซาโลมอน กาลู , ดิดิเยร์ ดร็อกบา , ฟลอรองต์ มาลูดา
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
เบอร์มิงแฮม ซิตี 2-0 ซันเดอร์แลนด์
[1-0 : เซบาสเตียน ลาร์สสัน (น.41) , 2-0 : เคร็ก การ์ดเนอร์ (น.66)]
แบล็คพูล 1-3 วีแกน แอธเลติก
[0-1 : ฮูโก โรดาเยกา (น.3) , 0-2 : ชาร์ลส เอ็นซ็อคเบีย (น.45) , 0-3 : โมฮาเหม็ด ดิยาเม (น.66) , 1-3 : ดี.เจ.แคมป์เบลล์ (น.84)]
เอฟเวอร์ตัน 2-0 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
[1-0 : ลีออน ออสแมน (น.54) , 2-0 : เลห์ตัน เบนส์ (จุดโทษ น.75)]
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-3 เชลซี
[1-0 : ปีเตอร์ โอเดมวิงกี (น.17) , 1-1 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา (น.21) , 1-2 : ซาโลมอน กาลู (น.26) , 1-3 : แฟรงค์ แลมพาร์ด (น.45)]
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-2 แอสตัน วิลลา
[1-0 : ร็อบบี คีน (น.2) , 1-1 : ดาร์เรน เบนท์ (น.37) , 1-2 : กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ (น.90)]
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เวสต์บรอมวิช 1-3 เชลซี
คาร์โล อันเชล็อตติ สั่งลูกทีม "สิงห์บลูส์" เชลซี กลับมาทุ่มกำลังในพรีเมียร์ลีกเต็มตัว หลังตกรอบยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เรียบร้อยแล้ว นัดนี้ทีมเยือนจากลอนดอนปรับทัพใส่ ดาวิด ลุยซ์ คืนแนวรับ แผงกลางให้ จอห์น โอบี มิเกล ตัดเกมแทน รามิเรส ที่ติดโทษแบน แนวรุกใช้ ซาโลมอน กาลู และ ฟลอรองต์ มาลูดา ปั้นเกมให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ลุ้นสกอร์ ด้าน รอย ฮอดจ์สัน นำ "เดอะ แบ็กกีส์" เวสต์บรอมวิช หายใจโล่งคอขึ้น นัดนี้เล่นในถิ่นยังอัดแผงมิดฟิลด์ไว้แน่น ห้อยทาง ปีเตอร์ โอเดมวิงกี กองหน้าตัวความหวังไว้คนเดียว
เริ่มเกมการแข่งขันไม่ถึงสองนาที เชลซี ทักทายก่อนจากลูกยิงไกลด้วยซ้ายของ ฟลอรองต์ มาลูดา ที่หลุดกรอบไป แต่พอตั้งหลักได้ เวสต์บรอมวิช ก็ลุยขึ้นมาได้ลุ้นเหมือนกัน เจมส์ มอร์ริสัน ไหลใส่พานให้ ยุสซุฟ มูลัมบู วิ่งเข้ามาแปเน้นๆ แต่บอลก็เหินข้ามคาน เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 17 แฟนๆ เจ้าถิ่นได้เฮกันลั่นเมื่อทีมรักออกนำ 1-0 เมื่อ เจอโรม โธมัส จ่ายบอลให้ ปีเตอร์ โอเดมวิงกี หลุดเข้าไปยกบอลข้าม ปีเตอร์ เช็ก ตุงตาข่าย
อย่างไรก็ตาม ให้หลังอีกแค่ 4 นาที ทีมเยือนก็ตามตีเสมอ 1-1 ทันควัน เริ่มจากความผิดพลาดของ สกอตต์ คาร์สัน ที่ปัดลูกเปิดจากกราบของ มาลูดา ไม่ขาด นิคกี ชอรีย์ พยายามเคลียร์ก็ไม่พ้นอันตรายไปเข้าทางให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กระหน่ำเหน่งๆ ไม่เหลือ ถัดมาถึงนาที 26 กลายเป็น "สิงห์บลูส์" แซงนำ 2-1 เมื่อ คาร์สัน พลาดอีกครั้งปัดลูกยิงไม่แรงของ ดร็อกบา มาเข้าทาง ซาโลมอน กาลู ปาดยิงด้วยซ้ายเสียบเสา เชลซี เป็นฝ่ายครองเกมได้แล้ว แฟรงค์ แลมพาร์ด ลองตะบันฟรีคิกไกล คราวนี้ คาร์สัน แก้ตัวปัดพ้นคาน แต่นาที 45 ผู้มาเยือนหนีไปเป็น 3-1 จากจังหวะสวนกลับ มาลูดา ปาดจากกราบซ้ายให้ แลมพ์ แปบอลเสียบมุม
ลุยต่อครึ่งหลัง เวสต์บรอมวิช พยายามดันเกมเพื่อทวงประตูคืน แต่ เชลซี ยังขึงเกมได้ดีและเกือบหนีห่างถ้าลูกยิงไกลลักไก่ของ ดร็อกบา ไม่เหินโด่งไปตกบนตาข่ายด้านบน โอกาสยังเป็นของทีมเยือน ดร็อกบา เปิดดีดๆ ไปหน้าประตู แลมพาร์ด โขกวืดทำให้ กาลู ที่ยืนอยู่เสาไกลเสียจังหวะพุ่งโหม่งถากเสาไป ผ่านหนึ่งชั่วโมงเต็ม "สิงห์บลูส์" น่าจะใส่สกอร์ได้อีกครั้งเมื่อ กาลู พลิกเข้ามายิงบอลแฉลบเท้า อับดุลาย เมอิเต ลอยไปกระแทกคานออกมา
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย คริส บรันท์ ได้ลองยิงไกลเฉี่ยวกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น ถัดมา รอย ฮอดจ์สัน แก้เกมด้วยการส่ง คาร์ลอส เวลา ลงมาเล่นแทน มอร์ริสัน แต่ยังเป็นทีมเยือนได้กระหน่ำ มาลูดา ซัดด้วยซ้ายมุมแคบ คาร์สัน ตะปบไว้ได้ ท้ายเกม เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้โอกาสลงมาเล่นแทน ดร็อกบา และสามารถส่งบอลตุงตาข่าย ทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าเสียก่อน ครบ 90 นาที เชลซี บุกมาเก็บชัยมีเพิ่มเป็น 61 คะแนนจาก 32 นัด ยังรั้งที่ 3 แต่ก็ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงเหลือ 8 แต้ม ขณะที่ เวสต์บรอมวิช มี 39 คะแนน อยู่ที่ 10 ของตารางเหมือนเดิม
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เวสต์บรอมวิช : สกอตต์ คาร์สัน , สตีเวน รีด , อับดุลาย เมอิเต , โยนาส โอลส์สัน , นิคกี ชอรีย์ , คริส บรันท์ , ยุสซุฟ มูลัมบู , พอล ชาร์เนอร์ , เจอโรม โธมัส , เจมส์ มอร์ริสัน , ปีเตอร์ โอเดมวิงกี
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช , ดาวิด ลุยซ์ , จอห์น เทอร์รี , แอชลีย์ โคล , มิคาเอล เอสเซียง , จอห์น โอบี มิเกล , แฟรงค์ แลมพาร์ด , ซาโลมอน กาลู , ดิดิเยร์ ดร็อกบา , ฟลอรองต์ มาลูดา
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
เบอร์มิงแฮม ซิตี 2-0 ซันเดอร์แลนด์
[1-0 : เซบาสเตียน ลาร์สสัน (น.41) , 2-0 : เคร็ก การ์ดเนอร์ (น.66)]
แบล็คพูล 1-3 วีแกน แอธเลติก
[0-1 : ฮูโก โรดาเยกา (น.3) , 0-2 : ชาร์ลส เอ็นซ็อคเบีย (น.45) , 0-3 : โมฮาเหม็ด ดิยาเม (น.66) , 1-3 : ดี.เจ.แคมป์เบลล์ (น.84)]
เอฟเวอร์ตัน 2-0 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
[1-0 : ลีออน ออสแมน (น.54) , 2-0 : เลห์ตัน เบนส์ (จุดโทษ น.75)]
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-3 เชลซี
[1-0 : ปีเตอร์ โอเดมวิงกี (น.17) , 1-1 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา (น.21) , 1-2 : ซาโลมอน กาลู (น.26) , 1-3 : แฟรงค์ แลมพาร์ด (น.45)]
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-2 แอสตัน วิลลา
[1-0 : ร็อบบี คีน (น.2) , 1-1 : ดาร์เรน เบนท์ (น.37) , 1-2 : กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ (น.90)]
