เชลซี บุกกระหน่ำใส่ เอฟซี โคเปนเฮเกน อย่างต่อเนื่องแต่สุดท้ายก็เจาะตาข่ายไม่สำเร็จเสมอ 0-0 ทว่ายังผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้เช่นเดียวกับ รีล มาดริด ที่เปิดบ้านถล่ม โอลิมปิก ลียง 3-0
ฟุตบอลยูฟ่า แชมปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง
เชลซี (อังกฤษ) 0-0 เอฟซี โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก)
(รวม 2 นัด เชลซี เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์ 2-0)
ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี เฝ้าบ้านต้อนรับ เอฟซี โคเปเนเฮเกน โดยนัดแรกเจ้าถิ่นบุกไปกำชัยมาก่อน 2-0 ทำให้เกมนี้ไม่ได้ส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงค่าตัวแพงลงสนามเป็นตัวจริง แต่ให้ นิโกลาส์ อเนลกา ที่เหมายิงคนเดียวในนัดที่แล้วล่าตาข่ายกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ส่วนทีมเยือนนำทัพมาโดย เยสเปอร์ กรุนชาร์ กองหน้าตัวเก๋าวัย 33 ปี อดีตเด็กเก่า เชลซี ที่จับคู่ประสานงานกับ ดาเม เอ็นดอย ในแนวรุก
เริ่มเกมมาได้เพียง 3 นาที “สิงโตน้ำเงินคราม” ก็ลำเลียงบอลขึ้นมาจนมีโอกาสลุ้นพังประตูได้ก่อน เมื่อ แอชลีย์ โคล เติมขึ้นมาเกือบถึงเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนตบมาที่เสาแรกให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด แต่ลูกเข้ามาประชิดตัวเกินไปจึงยิงออกข้างเสา นาทีที่ 8 ดร็อกบา ดีดทะลุช่องให้ โคล หลุดเข้าเขตโทษ แต่เลือกยิงมุมแคบเองแทนที่จะเปิดให้ อเนลกา ทำให้บอลไปเข้าข้างตาข่าย 2 นาทีให้หลัง ดร็อกบา ซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษไม่ผ่านมือ โยฮัน วิลันด์
นาทีที่ 18 เจ้าบ้านน่าใส่สกอร์นำอย่างยิ่งจากการประสานงานกันอย่างไหลลื่นก่อนที่ ดร็อกบา จะตอกส้นให้ โคล คืนกลับมาที่ ยูริ ซีร์คอฟ ล้มตัวยิงเฉี่ยวเสาไกลออกไปเพียงแค่คืบ ถัดมา 2 นาที ซีร์คอฟ จ่ายทะลุช่องให้ อเนลกา หลุดเข้าไปจิ้มติดมือ วิลันด์ เพียงนิดเดียว 8 นาทีให้หลัง โคเปนเฮเกน เกือบช็อกกองเชียร์เชลซีได้จากการยิงฟรีคิกของ เอ็นดอย ที่ปั่นโค้งหนีมือ ปีเตอร์ เช็ก ไปชนเสา
ผ่านมาถึงนาทีที่ 33 สิงห์บลูส์ ชวดพังตาข่ายได้อีกครั้ง เมื่อ อเนลกา พาบอลขึ้นมาทางเขตโทษด้านขวาแล้วล็อกดึงจังหวะหนึ่งทีก่อนจ่ายให้ ซีร์คอฟ สอดเข้ามายิงบริเวณกรอบ 6 หลาเฉี่ยวเสาแรกออกหลังไปอีก นาทีที่ 45 ดร็อกบา ได้บอลจาก แลมพาร์ด แล้วซัดในเขตโทษก็ยังไม่ผ่านมือ วิลันด์ จบครึ่งแรกจึงยังเสมอกันที่ 0-0
กลับมาเล่นครึ่งหลังได้ไม่แค่ 2 นาทีเศษ เชลซี พลาดโอกาสทำสกอร์แรกของเกมอีกครั้ง เมื่อ โชเซ โบซิงวา วางบอลจากกราบขวาให้ ดร็อกบา อย่างพอเหมาะ แต่หัวหอกทีมชาติไอวอรีโคสต์แปตามน้ำหลุดกรอบออกไปชนิดที่แฟนบอลหลังประตูได้แต่เฮเก้อ นาทีที่ 51 แลมพาร์ด เปิดลูกเตะมุมให้ จอห์น เทอร์รี โหม่งตั้ง อเนลกา โหม่งชงต่อไปให้ จอห์น โอบี มิเกล ขึ้นโขกจ่อๆ ก็ยังไปชนคานอย่างน่าเสียดายอีก
กระทั่งนาทีที่ 68 เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน อเนลกา เพื่อตามล่าหาประตูแรกในสีเสื้อ “สิงห์บลูส์” ซึ่งก็เกือบมีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดในนาทีที่ 74 หลังได้บอลจากการจ่ายมาให้ของ แลมพาร์ด แล้วกระชากหนีกองหลังเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ วิลันด์ ยังพุ่งคว้าติดมือเอาไว้ได้ ช่วงเวลาที่เหลือไม่สามารถทำอะไรกันได้ จบ 90 นาทีจึงลงเอยที่ 0-0 รวมผล 2 นัด เชลซี ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์ 2-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี - ปีเตอร์ เช็ก, โชเซ โบซิงวา, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, รามิเรส, จอห์น โอบี มิเกล, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ยูริ ซีร์คอฟ, นิโกลาส์ อเนลกา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
เอฟซี โคเปนเฮเกน - โยฮัน วิลันด์, ออสการ์ เวนดท์, มาเธียส ยอร์เกนเซน, มิคาเอล อันตอนส์สัน, ปิแอร์ เบงทส์สัน, คริสเตียน โบลานยอส, วิลเลียม ควิสท์, เคลาเดเมียร์, มาร์ติน วินการ์ด, ดาเม เอ็นดอย, เยสเปอร์ กรุนชาร์
ส่วนผลอีกคู่หนึ่ง รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากลา ลีกา สเปน เปิดสนามซานติอาโก เบร์นาบิว ถลุง โอลิมปิก ลียง ยอดทีมจากลีกเอิง ฝรั่งเศส 3-0 โดย มาร์เซโล เบิกร่องด้วยการล็อกหลบ คริส และ เดยัน ลอฟเรน แล้วยิงอย่างเหนือชั้นในนาทีที่ 37 จากนั้น คาริม เบนเซมา ศูนย์หน้าเด็กเก่า "โอแอล" หลุดเข้าไปแปลอดขา อูโก ยอริส ตุงตาข่ายในนาทีที่ 66 ปิดท้ายด้วย อังเคล ดิ มาเรีย ยิงฝังในนาทีที่ 76 ทำให้ "ราชันชุดขาว" ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์รวม 4-1