วิมล กาญจนะ ประธานการจัดแข่งขันลีก ดิวิชั่น 2 ลงโทษทีม พัทลุง เอฟซี ด้วยการห้ามเล่นในบ้าน 3 นัด พร้อมจ่อตัดสิทธิ์ทีมและห้ามเข้าร่วมการแข่งขันทุกรายการที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศฯ เป็นผู้จัด หากตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ของทีมมีส่วนเกี่ยวข้อง ด้านบอสใหญ่ไทยพรีเมียร์ลีกอนุโลมให้กองเชียร์ พัทยา ยูไนเต็ด เข้าเชียร์ได้ในนัดเปิดบ้านรับ บุรีรัมย์ พีอีเอ เนื่องจากทาง เอเอฟซี จะเดินทางมาประเมินสโมสรไทยพรีเมียร์ลีก ระหว่างวันที่ 20-30 มีนาคม 2554
เมื่อเวลา 13.30 น. วันอังคารที่ 15 มีนาคม 2554 นายวิมล กาญจนะ ประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 2 เป็นประธานประชุมบทลงโทษทีมพัทลุง เอฟซี จากที่มีเหตุการณ์คนร้ายขับรถไล่ยิงผู้ตัดสิน ในเกมดิวิชัน 2 โซนภาคใต้ระหว่าง พัทลุง เสมอ กระบี่ 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ณ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
เนื่องจาก นายเจริญ มัจฉาวานิช ชาวจ.สงขลา วัย 37 ปี ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ที่ลงวิ่งไลน์ในเกมดิวิชัน 2 โซนภาคใต้ระหว่าง พัทลุง เสมอ กระบี่ 1-1 ถูกคนร้ายขับรถกระบะไล่ตามรถเก๋งที่ผู้ตัดสินทั้ง 4 คนในคู่ดังกล่าวนั่งอยู่ขณะเดินทางกลับจากทำหน้าที่ ก่อนกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืนบนถนนสายเอเชีย ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 12-13 หมู่ที่ 7 ตำบลท่าแค อำเภอเมืองพัทลุง เข้าที่ชายโครงด้านขวาของ นายเจริญ จนได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ตัดสินอีก 3 รายไม่ได้รับบาดเจ็บ
ในเบื้องต้นที่ประชุมได้พิจารณาลงโทษโดยอาศัยข้อมูลที่ได้รับรายงานจากผู้ควบคุมการแข่งขันและผู้ตัดสิน รวมถึง นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร ประธานพัฒนากีฬาอาชีพโซนภาคใต้ ต่างเห็นว่าในเรื่องนี้เป็นเรื่องสะเทือนขวัญ จึงตัดสิทธิ์ห้ามทีมพัทลุง เอฟซี ลงเล่นในบ้านจำนวน 3 นัด เริ่มตั้งแต่ วันที่ 2 เม.ย.54 ที่ พัทลุง เอฟซี พบ ตรัง เอฟซี, วันที่ 8 พ.ค.54 พัทลุง เอฟซี พบ นรา ยูไนเต็ด, วันที่ 21 พ.ค.54 พัทลุง เอฟซี พบ ปัตตานี เอฟซี โดยทั้ง 3 นัดนี้ได้มอบหมายให้ประธานศูนย์พัฒนากีฬาอาชีพโซนภาคใต้ เป็นผู้เลือกสนามเป็นกลางในลำดับต่อไป ในส่วนของแฟนบอลสามารถเข้าเชียร์ได้เป็นปกติ
ซึ่งหากพนักงานสอบสวนตรวจสอบพบว่า ผู้บริหารทีม, สตาฟฟ์โค้ช หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับทีมพัทลุง เอฟซี มีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์ดังกล่าว ทางฝ่ายจัดการแข่งขันฯ จะพิจารณาบทลงโทษขั้นต่อไปเช่นกัน อาทิ ตัดสิทธิ์ห้ามทีม พัทลุง เอฟซี ลงแข่งขันในทุกรายการที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดการแข่งขัน ซึ่งหลังจากได้ความคืบหน้ามากกว่านี้ก็จะมีการพิจารณาคดีอีกครั้ง ที่สำคัญบทลงโทษดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของสมาคมฟุตบอลฯ โดยทางพัทลุง เอฟซี จะไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้
ทั้งนี้ นายวิมล กาญจนะ ได้ชี้แจงถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยว่า "ทางสมาคมฟุตบอลได้ทำเรื่องเพื่อขอความร่วมมือไปยัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาลแข่งขันแล้วเพื่อดูแลความปลอดภัยในสนามแข่งขัน ซึ่งทางสำนักงานตำรวจก็ได้วางแผนและดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากเกิดเรื่องราวที่ไม่คาดคิดทีมเจ้าบ้านจะต้องเป็นผู้ดำเนินจัดการดูแลไม่ว่าจะเป็นผู้ตัดสิน และทีมคู่แข่ง ให้เดินทางกลับออกจากพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย
ขณะเดียวกันที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน (เรดิสัน) ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เป็นประธานการประชุมผู้ควบคุมการแข่งขันของการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก และ ดิวิชั่น 1 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยที่ประชุมได้พิจารณาโทษสำหรับไทยพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์ที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา สำหรับคู่ของ พัทยา ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ โอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี 0-0 ได้รับการรายงานจากผู้ควบคุมการแข่งขันว่า "น้าชัช" ชัชชัย พหลแพทย์ ที่ปรึกษาของทีม "พลังเอ็ม" ได้ทำความผิดตามข้อ 2.3 คือการด่าผู้ตัดสินหรือผู้ช่วยผู้ตัดสินด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ไม่สุภาพ ลงโทษด้วยการปรับ 20,000 บาท แบน 2 นัด
พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้อนุโลมให้แฟนบอลทีมพัทยา ยูไนเต็ด สามารถเข้ามาชมเกมในนัดที่จะเปิดบ้านพบกับ บุรีรัมย์ พีอีเอ วันอาทิตย์ที่ 27 มี.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นนัดที่ติดโทษแบนนัดที่ 2 ทว่าเนื่องจากเกมดังกล่าวจะมีตัวแทนจาก สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เดินทางมาตรวจสโมสรฯ ดังนั้นจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ ตามที่นายวิวัฒน์ เอี่ยมแล้ ประธานฝ่ายจัดการแข่งขันของทีมพัทยา ยูไนเต็ด ได้เดินทางมายื่นหนังสืออุทธรณ์ผ่อนผันโทษแบนในบ้าน 2 นัด อีกทั้งได้ยื่นอุทธรณ์ลดโทษปรับเงิน 20,000 บาท จากข้อหาว่า พัทยาฯ ปล่อยให้แฟนบอลลงไปสนามฟุตบอลในเกมที่เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกับ การท่าเรือฯ ซึ่งตนขอรับรองว่าเกมนัดดังกล่าวไม่มีแฟนบอลของทั้งสองทีมลงไปในสนามอย่างแน่นอน
ต่อด้วยการส่งหนังสือแจ้งเตือนแก่ "กว่างซ้งมหาภัย" เชียงราย ยูไนเต็ด เนื่องจากทางไทยพรีเมียร์ลีกได้ตรวจสภาพสนามเหย้า (ม.แม่ฟ้าหลวง) พบว่าพื้นสนามไม่เรียบ ดังนั้นทางสโมสรฯ จำต้องปรับปรุงพื้นสนามให้เรียบร้อยก่อนที่จะได้รับการตรวจอีกครั้ง ทั้งนี้หากพื้นสนามยังไม่พร้อมใช้งานจะสลับให้ ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี เป็นทีมเหย้าก่อนในการแข่งขันวันที่ 27 มี.ค.นี้ ที่สนามศรีนครลำดวน ซึ่งทางเชียงราย ยูไนเต็ดต้องถูกปรับเงินตามกฏอีกด้วย
อีกทั้งได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนแก่ทีมศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี หลังจากในการแข่งขันที่เปิดบ้านเสมอ ศรีราชา เอฟซี 1-1 ทางทีมเหย้าได้เปิดเครื่องขยายเสียงดังมาก ดังนั้นจึงงดใช้เครื่องขยายเสียงในระหว่างการเชียร์ครั้งต่อไป เนื่องจากทำให้เกิดเสียงดังกว่าปกติมาก
ขณะที่ดิวิชั่น 1 ได้พิจารณาโทษปรับ พล.อ.อ.อมฤต จารยะพันธุ์ ประธานสโมสร แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท แบน 2 นัด หลังทำผิดกฏข้อ 2.3 ที่ไปต่อว่าผู้ตัดสินในระหว่างที่ผู้ตัดสินเดินกลับเข้าห้องพัก และได้มีหนังสือแจ้งเตือนกองเชียร์ปตท.ระยอง หลังใช้วาจาต่อว่าผู้ตัดสิน ในนัดที่เปิดบ้านพบ แคชทูเดย์ จันทบุรี
