ASTVผู้จัดการ รายวัน - แม้เหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างแฟนฟุตบอล เมืองทองฯ ยูไนเต็ด กับ การท่าเรือไทย เอฟซี ที่ยกพวกตะลุมบอนกันระหว่างการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก ประจำปี 2553 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2553 จะผ่านเลยมาร่วม 1 ปี แต่ความเลวร้ายจากการใช้ความรุนแรงในสนามฟุตบอลยังคงตามหลอกหลอนวงการลูก หนังไทยเรื่อยมา ที่สำคัญในเวลา 18.00 น.ของวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2554 ทีม "กิเลนผยอง" จะเปิดสนามยามาฮ่า สเตเดียม รับการมือเยือนของคู่แค้นเก่า "สิงห์เจ้าท่า" ในศึกไทยพรีเมียร์ลีก 2011 เพื่อพิสูจน์ฝีเท้ากันอีกครั้ง
โดยทั้งสองทีมมีผลการแข่งขันย่ำแย่พอกันในการประเดิมฤดูกาลใหม่ ซึ่งเจ้าถิ่นเจ้าของแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2 สมัยติดต่อกันลงสนาม 2 นัด มีเพียง 1 คะแนน จากผลงาน เสมอ 1 นัด และแพ้เละเทะให้กับทีม อาร์มี ยูไนเต็ด 0-3 แถมล่าสุดเพิ่งแต่งตั้ง เอ็นริเก คาลิสโต อดีตกุนซือทีมชาติเวียดนามชาวโปรตุเกสมาคุมทีม ขณะที่แชมป์โตโยต้า ลีกคัพ จากย่านคลองเตยก็ทำผลงานไม่น้อยหน้า ลงสนาม 2 นัด มี 1 คะแนนจากการบุกเสมอพัทยา ยูไนเต็ด พร้อมกับมีแฟนคลับก่อเรื่องวิวาทกับกองเชียร์ "โลมาฟ้าขาว" ประเดิมฤดูกาล 2011 จนโดนโทษปรับ และแบนกองเชียร์ 2 นัดไปตามระเบียบ
ซึ่งในเรื่องการใช้ความรุนแรงของกองเชียร์ทั้งสองฝ่ายนั้น นายพิพัฒน์ วราเมธพิพัฒน์ หรือ "พิพัฒน์ ณ เมืองทอง" ประธานกองเชียร์ของสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ก็ออกมายืนยันว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอีกแน่นอน เพราะมั่นใจแฟนบอลทุกคน และมาตราการรักษาความปลอดภัยของทีมที่รักด้วย "ผมเชื่อว่าเกมวันนั้นจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะผมค่อนข้างมั่นใจในตัวแฟนบอลของเมืองทองฯ ทุกคน กองเชียร์ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเรามีวัฒนธรรมการเชียร์อย่างไร เราไม่ได้มีปัญหากับทีมใดเลย แม้กระทั่งทีมการท่าเรือฯ สำหรับปัญหาที่ผ่านมาเราเชื่อว่าต้นเหตุมาจากกองเชียร์บางคนเท่านั้น ผมยังคุยกับแฟนบอลของทีมทุกคนว่าเราอาจจะมอบของที่ระลึกให้กับแฟนบอลทีม เยือนด้วย เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับแฟนบอลทั้งสองทีมต่อไป ดังนั้นผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ครับว่าจะไม่มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น"
ส่วนทางฝั่งทีมเยือน นายมงคล สันติกุล หรือ "หมู ท่าเรือ" ประธานกองเชียร์ของสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ได้พูดถึงเรื่องการควบคุมกองเชียร์ "สิงห์เจ้าท่า" ว่า "สำหรับเกมวันอาทิตย์ ทางเมืองทองฯ ให้โควตาที่นั่งกับแฟนบอลท่าเรือประมาณ 900 ที่นั่ง ซึ่งช่วงสุดสัปดาห์นี้ ทางเราจะเรียกกองเชียร์ทุกคนทุกฝ่าย มาประชุมเพื่อวางแผนการเชียร์ เราวางแผนว่าจะเพิ่มจำนวนของการ์ดอาสา ซึ่งก็คือกองเชียร์ของเราเอง ให้ดูแลเรื่องการเชียร์และคอยดูแลเรื่องการเดินทางเข้า-ออก ที่สนามยามาฮ่า สเตเดียม และก็บอกให้แฟนบอลท่าเรือทุกคน พยายามอดทนต่อสิ่งยั่วยุต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในวันนั้น เพราะเรายอมรับว่าแฟนท่าเรือบางคน เจอกองเชียร์คู่แข่งเย้ยหยันนิดหน่อยก็เป็นเรื่องแล้ว ซึ่งเราก็จะพยายามควบคุมแฟนบอลของเราให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอีกในวันนั้น"
ขณะที่ในส่วนของสภาพความพร้อมทั้งสองทีม "เสี่ยเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทั่วไปทีมเมืองทองฯ ยูไนเต็ด เผยว่า "ตอนนี้ทีมอยู่ระหว่างการต้อนรับโค้ช คาลิสโต ที่เพิ่งเซ็นสัญญาไม่กี่วันมานี้ ซึ่งเขาได้ทำให้นักเตะและทีมงานสตาฟฟ์โค้ชหลายคนประทับใจในตัวเขามาก เนื่องจากเขามีความทุ่มเทฝึกซ้อมนักเตะมาก เป็นผลทำให้ลูกทีมเกิดความเชื่อมั่นและพร้อมที่จะพิสูจน์ฝีมือให้โค้ชใหม่ ได้เห็น สามารถสื่อสารกันอย่างเข้าใจ"
"สำหรับศึกบิ๊กแมตช์วันอาทิตย์นี้ คาลิสโต ยังคงไม่เปลี่ยนมีการปรับเปลี่ยนแท็คติก โดยยังคงเล่นตามสไตล์ของเมืองทองฯ คือการบุกเท่านั้น เราไม่เคยเป็นฝ่ายตั้งรับ ซึ่งหวังว่าเล่นในบ้านเราจะสามารถเก็บชัยชนะนัดแรกในศึกไทยพรีเมียร์ลีกได้ สำหรับนักเตะก็ยังคงมีอาการบาดเจ็บ คือ ไพฑูรฑ์ เทียบมา และ โทนี คาลิโอ ส่วนนายทวารนั้นต้องเช็คความฟิตของ กวิน ธรรมสัจจานันท์ อีกครั้ง"
ด้าน "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ ผู้จัดการทีมการท่าเรือไทย เอฟซี เผยเช่นกันว่า "ต้องยอมรับว่าทีมเราไม่ค่อยพร้อม เป็นรองทีมเมืองทองฯ อยู่มาก อีกทั้งนักเตะในแนวรุกมีอาการบาดเจ็บหลายราย อาทิ สมปอง สอเหลบ, เอกชัย สำเร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องส่งผู้เล่นหน้าใหม่ลงสนามแทน อย่างไรก็ตามเราต้องเตรียมเกมรับให้ดีเพราะคู่แข่งเน้นเกมรุก ซึ่งนัดนี้ไปเยือนขอเพียงแบ่งแต้มก็พอใจแล้ว"
นอกจากนี้กุนซือ "สิงห์เจ้าท่า" ยังหวั่นใจกองเชียร์จอมดีเดือดของทีมด้วยว่า "ในส่วนจำนวนของฝั่งทีมเยือนที่ได้มา 900 ที่นั่ง ส่วนตัวผมแล้วคิดว่าได้มาเท่าไรก็ไม่มีปัญหา แต่จะมีปัญหาตรงที่เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเสียมากกว่า ดังนั้นหากมีจำนวนกองเชียร์ไปชมน้อย แต่เหตุการณ์สงบก็จะรู้สึกดีกว่าไปกันมากแล้วเกิดเหตุการณ์รุนแรง เพราะทำให้สโมสรฯ สูญเสียเงินค่าปรับไปเสียเปล่า"
