เรื่อง : วงศ์ธวัช อามทัศนศรี
หลังจากเสร็จสิ้นจากการแข่งขัน “อินเตอร์เนชันแนล ไฟนัล ควอลิฟายอิง-เอเชีย” ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟเพียง 4 คนที่ทำสกอร์ดีที่สุดไปลุยศึกเมเจอร์ที่สามของปี "ดิ โอเพน" ครั้งที่ 140 ซึ่งผลปรากฎว่า "โลมามหาภัย" พรหม มีสวัสดิ์ ก้านเหล็กหนุ่มจากหัวหิน คือโปรไทยรายเดียวที่คว้าสิทธิ์ไปลุยศึกกอล์ฟรายการเก่าแก่ที่สุดในโลก ด้วยผลงานอันสุดยอดคว้าอันดับ 1 ของการแข่งขันเป็นชัยชนะที่เรียกได้ว่าเหนือกว่าโปรชื่อดังของเอเชียนทัวร์ ทั้งหมด และนับเป็นเมเจอร์แรกในชีวิตนักกอล์ฟอาชีพของโปรไทยวัย 27 ปี
โดย ทีมงาน MGR Golf ได้มีโอกาสพูดคุยกับพรหมหลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงของตนเอง ด้วยการนัดหมายเพื่อสัมภาษณ์ที่สนามลำลูกกา คันทรี่ คลับ โดย “พรหม” ซึ่งอยู่ในอารมณ์ที่ผ่อนคลายเหมือนได้ยกเอาภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก กล่าวถึงผลงานชิ้นโบว์แดงประเดิมฤดูกาล 2011 ของตนเองว่า "การได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของผมในฐานะ นักกอล์ฟไทยคนหนึ่ง ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ และวงการกอล์ฟ แน่นอนว่ามันเป็นความรู้สึกมหัศจรรย์มาก”
นอกจากนั้น "โลมายักษ์" ยังได้กล่าวถึงความสำเร็จของตนเองส่วนหนึ่งมาจากการทำงานเป็นทีมร่วมกับนัก จิตวิทยาทางการกีฬา และทีมงานมืออาชีพโดยเผยว่า "การทำงานร่วมกับ นักจิตวิทยาทางการกีฬา และ โค้ชสวิง คือสิ่งสำคัญมากสำหรับนักกีฬาอาชีพหากมีความต้องการไปสู่จุดสูงสุดในระดับ โลก เพราะ สภาพจิตใจถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในเกมกอล์ฟ ถ้าเราเตรียมตัวได้ไม่พร้อม เขาจะช่วยเรียกความมั่นใจให้เราได้ ซึ่งนักกอล์ฟเองจะมีความสามารถอย่างเดียวก็คงไปถึงดวงดาวไม่ได้ ทุกอย่างต้องลงตัวหมดทั้งโค้ช ผู้จัดการ ไปจนถึงนักกายภาพ”
ส่วนความมั่นใจในการลงสนามเมเจอร์แรกในชีวิตของตนนั้น โปรชื่อดังจากหัวหินเผยว่า "ต้องยอมรับว่าเมเจอร์รายการแรกของผมมาเร็วมาก บอกตามตรงว่าผมไม่อยากคาดหวังอันดับในรายการมากนัก เพราะกลัวจะเป็นการกดดันตัวเอง แต่ก็ตั้งเป้าเอาไว้ว่าต้องการที่จะผ่านการตัดตัวให้ได้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ในฐานะนักกอล์ฟจากประเทศไทย"
เมื่อถูกถามว่า อยากออกรอบกลุ่มเดียวกับนักกอล์ฟรายใดในเมเจอร์รายการเก่าแก่ที่สุดในโลก รายการนี้ “โลมายักษ์” ตอบว่า “ ผมอยากออกรอบร่วมกับ ลี เวสต์วูด มากที่สุดแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นมือหนึ่งโลกแล้วก็ตาม เพราะ ลี เป็นนักกอล์ฟที่ผมมีโอกาสได้ร่วมก๊วนในการแข่งขันบ่อยมาก และการออกรอบกับโปรระดับโลกอย่าง ลี เหมือนได้ศึกษาและเห็นวิธีการเล่นของเขาที่ขึ้นมาสู่จุดสูงสุดในชีวิตนัก กอล์ฟได้อย่างไร”
เมื่อก้าวแรกบนสนามเมเจอร์ เริ่มต้นขึ้นแล้ว “พรหม” ยังเผยถึงความมั่นใจส่วนตัวที่มองว่า ดิ โอเพ่น เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นโดยกล่าวว่า “สำหรับนักกอล์ฟทุกคนล้วนแต่มีความใฝ่ฝันอยากจะลงเล่นเมเจอร์ให้ครบ 4 รายการทั้งนั้น แต่หากถามผมว่าเป้าหมายต่อไปคือรายการใด ก็คงเป็นเมเจอร์รายการที่ยากที่สุด คือ เดอะ มาสเตอร์ส และเชื่อว่าถ้ายังสามารถรักษาฟอร์มการเล่นได้ดีเช่นนี้ต่อไปโอกาสสู่ ออกัสต้า ต้องมาถึงอย่างแน่นอน"
ส่วนผลงานในเอเชียน ทัวร์ ที่ พรหม ยังไม่สามารถคว้าโทรฟี่รายการใดมาครองได้เลยนับตั้งแต่ปี 2006 จากแชมป์ "เอสเค เทเลคอม โอเพน" ที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเวลานี้เจ้าตัวได้กล่าวถึงความกระหายในชัยชนะของตนเองที่ร้างลามาเป็น เวลากว่า 5 ปี โดยทิ้งท้ายการพูดคุยในครั้งนี้ว่า "เป็นช่วงเวลายาวนานมากที่ผมห่างเหินกับแชมป์ในเอเชียน ทัวร์ แน่นอนว่าเป้าหมายแรกของผมในปีนี้ คือ โทรฟีแรก ต่อจากปี 2006 โดยเมื่อฤดูกาลก่อนผมมีโอกาสในรายการ 'คิงส์คัพ' ที่ขอนแก่น แต่ก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งจากประสบการณ์จุดนี้ผมคิดว่าหากมีโอกาสนั้นอีกครั้ง มั่นใจว่าจะไม่หลุดมือไปอย่างแน่นอน"