นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดสิ้นปี 53 ว่าสามารถสร้างผลงานที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง โดยมีกำไรสุทธิ194.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 174.37 ล้านบาท หรือ 886.48 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ19.67 ล้านบาท และมีกำไรสะสม 386.31 ล้านบาท
โดยงวดนี้ CGS มีรายได้รวม 1,611.47 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 1,292 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 16.54 ล้านบาท กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 165.19 ล้านบาทรายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลและดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ 85.28 ล้านบาท และยังมีส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมและรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น
ดังนั้น คณะกรรมการอนุมัติการจัดสรรกำไรสะสมจากผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 53 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เมษายน 54
" ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ CGS สามารถสร้างผลกำไรสุทธิได้มากถึง 194 ล้านบาท ทำให้เราสามารถจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 11 ปีของบริษัทเลยทีเดียว โดยจะจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท "
สำหรับแผนงานปีนี้ CGS จะมีการเพิ่มโปรดักส์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องตามนโยบายของการเป็นโบรกเกอร์ประเภท One Stop Service เช่น ธุรกิจ "SBL" คือ การยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ เพื่อให้สามารถบริการและตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจร ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะบริหารต้นทุนให้ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการนำระบบเทคโนโลยี เข้ามาใช้เพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำงานมากขึ้นและช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญทีเดียว และเชื่อว่าผลงานปีนี้จะขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 53 ตามภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยที่มีแนวโน้มขยับตัวดีเนื่อง โดยฝ่ายวิจัยของบริษัทคาดว่า SET INDEX ปีนี้จะไต่ระดับขึ้นไปถึง 1200 จุดได้และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณกว่า 20,000 ล้านบาทต่อวันซึ่งจะทำให้รายได้ในส่วนของ Brokerage ขยับตัวดีตามไปด้วย พร้อมกันนี้ CGS ยังคงวางเป้าหมายไว้ว่าจะยังรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้ในอันดับต้นๆ ของประเทศโดยคาดว่า CGS จะยังอยู่ใน TOP3 เหมือนเช่นที่ผ่านมา
โดยงวดนี้ CGS มีรายได้รวม 1,611.47 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 1,292 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 16.54 ล้านบาท กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 165.19 ล้านบาทรายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลและดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ 85.28 ล้านบาท และยังมีส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมและรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น
ดังนั้น คณะกรรมการอนุมัติการจัดสรรกำไรสะสมจากผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 53 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เมษายน 54
" ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ CGS สามารถสร้างผลกำไรสุทธิได้มากถึง 194 ล้านบาท ทำให้เราสามารถจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 11 ปีของบริษัทเลยทีเดียว โดยจะจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท "
สำหรับแผนงานปีนี้ CGS จะมีการเพิ่มโปรดักส์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องตามนโยบายของการเป็นโบรกเกอร์ประเภท One Stop Service เช่น ธุรกิจ "SBL" คือ การยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ เพื่อให้สามารถบริการและตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจร ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะบริหารต้นทุนให้ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการนำระบบเทคโนโลยี เข้ามาใช้เพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำงานมากขึ้นและช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญทีเดียว และเชื่อว่าผลงานปีนี้จะขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 53 ตามภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยที่มีแนวโน้มขยับตัวดีเนื่อง โดยฝ่ายวิจัยของบริษัทคาดว่า SET INDEX ปีนี้จะไต่ระดับขึ้นไปถึง 1200 จุดได้และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณกว่า 20,000 ล้านบาทต่อวันซึ่งจะทำให้รายได้ในส่วนของ Brokerage ขยับตัวดีตามไปด้วย พร้อมกันนี้ CGS ยังคงวางเป้าหมายไว้ว่าจะยังรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้ในอันดับต้นๆ ของประเทศโดยคาดว่า CGS จะยังอยู่ใน TOP3 เหมือนเช่นที่ผ่านมา
