นายกสมาคมโบรกเกอร์ คาดครึ่งปีแรกธุรกิจโบรกฯกำไรโตกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุ วอลุ่มการซื้อขายปรับตัวสูงขึ้น จากนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ส่วนทิศทางครึ่งปีหลังประเมินยาก ข้อมูล ก.ล.ต.พบ บล.ปี 53 กำไรรวม 9.22 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 103% จากค่านายหน้าโต-กำไรพอร์ตพุ่งเกือบ 600% ด้านผู้บริหาร บล.คันทรี่ มั่นใจภาพรวมกำไร บล.ปี 54 เพิ่มขึ้น จากปัจจัยพื้นฐานดีสร้างความมั่นใจนักลงทุนเข้ามาซื้อขายดันวอลุ่มโต แต่ราคาหุ้น บล.ไม่สะท้อนจากนักลงทุนกังวลเปิดเสรีปีหน้า
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรก คาดว่า จะมีกำไรเติบโตสูงกว่าก่อน เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แม้มีบางช่วงจะมีการขายสุทธิออกไป ประกอบกับนัลงทุนในประเทศมีการลงทุนเพิ่มขึ้นทำให้มูลค่าการซื้อขายมีการปรับตัวสูงกว่าในช่วงเดียวกันปีก่อนทำให้รายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของกำไรจากพอร์ตการลงทุนนั้นส่วนตัวมองว่าปีนี้กำไรคงลดลงจากปีก่อน เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้มีความผันผวนสูง ทำให้มีจังหวะในการทำกำไรน้อย ไม่เหมือนกับปีที่ผ่านมาที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง ส่วนผลประกอบการทั้งปีของโบรกเกอร์ในปี 2554 นั้นขณะนี้ยังประเมินได้ยาก เนื่องจากจะต้องรอดูปัจจัยในช่วงครึ่งปีหลังก่อนว่าจะเป็นอย่างไร
สำหรับทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ เชื่อว่า จะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยดี ประกอบกับช่วงก่อนที่มีเลือกตั้งนั้นจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุน จึงจะส่งผลดีต่อการลงทุนในไตรมาส 2/54 โดยคาดว่าสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 20-25% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพียง 18.4%
ด้าน นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ปีนี้ คาดว่า จะมีกำไรเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตดี การเมืองไทยมีพัฒนาการที่ดีที่จะมีการเลือกตั้ง กำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย มีการเติบโตที่ดี และเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเชื่อว่าจะยังคงไหลเข้ามาต่อเนื่อง จึงคาดว่ามูลค่าการซื้อขายปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท และจะส่งให้ส่งผลดีทำให้บล.มีกำไรเติบโตที่ดี
ทั้งนี้ จากการที่ บล.มีกำไรที่ดีนั้น แต่ราคาหุ้นของหุ้นหลักทรัพย์ไม่ค่อยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจาก นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการที่จะมีการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชัน) และการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ จึงทำให้ยังไม่มั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นหลักทรัพย์
จากข้อมูลของทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่า บริษัทหลักทรัพย์ จำนวน 45 แห่ง มีกำไรสุทธิในปี 2553 รวมจำนวน 9,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,681 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 103% จากปี 2552 ที่มีกำไรสุทธิรวม 4,542 ล้านบาท ส่วนพอร์ตการลงทุนของ บล.มีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์รวมมูลค่า 4,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,540 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 590% จากที่มีกำไร 599 ล้านบาท ในปี 2552
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรก คาดว่า จะมีกำไรเติบโตสูงกว่าก่อน เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แม้มีบางช่วงจะมีการขายสุทธิออกไป ประกอบกับนัลงทุนในประเทศมีการลงทุนเพิ่มขึ้นทำให้มูลค่าการซื้อขายมีการปรับตัวสูงกว่าในช่วงเดียวกันปีก่อนทำให้รายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของกำไรจากพอร์ตการลงทุนนั้นส่วนตัวมองว่าปีนี้กำไรคงลดลงจากปีก่อน เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้มีความผันผวนสูง ทำให้มีจังหวะในการทำกำไรน้อย ไม่เหมือนกับปีที่ผ่านมาที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง ส่วนผลประกอบการทั้งปีของโบรกเกอร์ในปี 2554 นั้นขณะนี้ยังประเมินได้ยาก เนื่องจากจะต้องรอดูปัจจัยในช่วงครึ่งปีหลังก่อนว่าจะเป็นอย่างไร
สำหรับทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ เชื่อว่า จะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยดี ประกอบกับช่วงก่อนที่มีเลือกตั้งนั้นจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุน จึงจะส่งผลดีต่อการลงทุนในไตรมาส 2/54 โดยคาดว่าสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 20-25% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพียง 18.4%
ด้าน นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ปีนี้ คาดว่า จะมีกำไรเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตดี การเมืองไทยมีพัฒนาการที่ดีที่จะมีการเลือกตั้ง กำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย มีการเติบโตที่ดี และเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเชื่อว่าจะยังคงไหลเข้ามาต่อเนื่อง จึงคาดว่ามูลค่าการซื้อขายปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท และจะส่งให้ส่งผลดีทำให้บล.มีกำไรเติบโตที่ดี
ทั้งนี้ จากการที่ บล.มีกำไรที่ดีนั้น แต่ราคาหุ้นของหุ้นหลักทรัพย์ไม่ค่อยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจาก นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการที่จะมีการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชัน) และการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ จึงทำให้ยังไม่มั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นหลักทรัพย์
จากข้อมูลของทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่า บริษัทหลักทรัพย์ จำนวน 45 แห่ง มีกำไรสุทธิในปี 2553 รวมจำนวน 9,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,681 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 103% จากปี 2552 ที่มีกำไรสุทธิรวม 4,542 ล้านบาท ส่วนพอร์ตการลงทุนของ บล.มีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์รวมมูลค่า 4,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,540 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 590% จากที่มีกำไร 599 ล้านบาท ในปี 2552